--

    เบาะหลัง
    “รถติดอีกแล้ว…..”  วิทูรย์บ่นในใจไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่  ถึงแม้ว่าจะเป็นเสียงรำพึงในใจ แต่ก็มีเสียงเล็ดออกมาจากไรฟันกระต่ายซี่หน้า
    เขาเหลือบตามองนาฬิกาดิจิตอลที่คอนโซลหน้ารถ เก้าโมงเก้านาที ตัวเลขสีเขียวฟ้องสายตาแหลมเล็ก แต่มันก็ยังไม่ยอมหยุดฟ้อง  มันยังดื้อเดินต่อไปอีก กลายเป็นเก้าโมงสิบแล้ว
    ไอ้ตัวไข่ปลาสองจุดก็ยังกระพิบอยู่เป็นระยะๆ เหมือนกับว่าไม่เกรงกลัวกับสายตาที่พินิจมองมันอยู่  เม็ดเหงื่อก้อนกลมสีขาวขุ่น ถูกขับออกมาจากเซลผิวหน้าของเขา มันรวมตัวถีบตัวเองจากหน้าผากไหลเป็นทางผ่านผืนหน้าขรุขระหยาบกร้านราว กับว่ามันจะรังเกียจส่วนนี้เหลือเกิน  
    มันไหลลงจากที่สูงลงจุดต่ำตามหลักแรงโน้มถ่วง  ไปยังก้านคออย่างรวดเร็วและก็ซึมหายไป ไอ้ก้อนน้ำขาวขุ่นมันไม่ได้มาก้อนเดียวมันพาเพื่อนมันมาด้วยเหมือนกับว่า เนินพื้นหน้าผากของเขาเป็นจุดเริ่มการแข่งขันของเม็ดเหงื่อ  
    วิทูรย์ละสายตาจากหน้าปัดนาฬิกา ดึงจิตตัวเองออกมาจากสถานการณ์ผืนหน้า ใช้มือขวาปาดเม็ดเหงื่อที่หน้าผาก รวบรวมลมหายใจจากท้องน้อยขับเคลื่อนขึ้นมาผ่านม้ามปอด ซี่โครง ลำคอ ก้านคอ แล้วมันก็ถูกพ่นออกมาเป็นทางยาวราวกับว่าความอึดอัด ความสับสนเมื่อสักครู่ได้ถูกปลดปล่อยออกมากับลมหายใจ แน่นยาว
    “เฮ้อ................................เขียวซะที”    
    วิทูรย์เข้าเกียร์ออกตัวอย่างคล่องแคล่ว วันนี้เขายังไม่ได้ผู้โดยเลยซักคนวิทูรย์บ่นกับตัวเองในใจ
    แท็กซื่โตโยต้าเขียงเหลืองเก่าๆของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้รับความนิยมในหมู่ผู้โดยสารสักเท่าไหร่นัก หลุดจากไฟแดงเขาขับเนือยๆ สายตาสอดส่ายหาผู้โดยสารริมถนน
    ในระยะสายตา มีท่อนแขนกวัดแกว่งเรียกร้องบริการแท็กซี่เขียวเหลือง   เท้าคู่ใจเหยียบคันเร่งด้วยแรงของปลายนิ้วโป้งเพียงเล็กน้อยทำให้แผ่นเหล็กสองสีฟุ่งไปสู่ท่อนแข่นโบกสะบัดเร็วขึ้นกว่าปกติที่ควรจะเป็น        
    “ลูกค้ารายแรก” วิทูรย์บอกกับตัวเองในใจ  
    “ไปสยามปะลุง…”ลูกค้าคนแรกของวันนี้ยื่นหน้าเข้ามาภายในตัวรถ
    วิทูรย์เบนสายตามองไปข้างหลังชายหนุ่มที่กำลังทำตัวเหมือนยีราฟ เห็นหญิงสาววัยรุ่นน่ารักยืนรอฟังคำตอบจากริมฝีปากของคนขับแท็กซี่ ปากของวิทูรย์ไม่ขยับและก็ไม่คิดจะตอบเขาเอียงสายตากลับมาที่ชายหนุ่มคนเดิมพยักหน้าหนึ่งครั้งเหมือนเป็นสัญญาณว่าถ้าเอ็งอยากไปก็ขึ้นมา  คนทั้งสองขึ้นมานั้นบนรถอย่างรวดเร็วเบาะหนังสีดำด้านหลังถูกบดขยี้ด้วยน้ำหนักตัวคู่รัก ถึงแม้ว่ารถของเขาจะเล็กแต่ก็ยังมีที่นั่งกว้างพอสำหรับคนทั้งสอง
    เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ หยอกล้อ กระหนุงกระหนิง ของคู่รักเบาะหลังดังเป็นระยะ ตั้งแต่วิทูรย์ใช้นิ้วชี้บรรจงกดมิเตอร์ค่าโดยสารครั้งแรกของวัน....
    ...และเขาก็กดมันอีกครั้งเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เสียงกระหนุงกระหนิงคำหวานต่างๆที่ฝ่ายชาย สรรหามาพรรณาความงาม  ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่มั่นคงในรักตลอดระยะทางก็หยุดลง  มิเตอร์ค่าโดยสารบอกตัวเลขแสงแดงบนหน้าบัดดิจิตอลเป็นเลข 153 มันหยุดแค่ตรงนั้นมันไม่ได้ดื้อดึงผลักดันตัวเองไปข้างหน้าเหมือน แสงตัวเขียวข้างบน ตัวเลขเส้นแสงสีแดงมันยังดีมีความคิดสั่งให้หยุดก็หยุด ไม่เหมือนเส้นแสงสีเขียวดูเมื่อไหร่ ก็ไม่เคยหยุด ยิ่งมองยิ่งสู้สายตา ท้าทายไม่รู้จักจบสิ้น  
    “นี่ลุงสองร้อยไม่ต้องทอน…”   วิทูรย์รับธนบัตรสีแดงสองใบ   สายตามองทางกระจกมองหลัง สาวรุ่นลงไปยืนคอยเยื้องหลังตัวรถ เสร็จกิจธุระกับคนขับชายหนุ่มจูงมือคู่รักหายไปจากกระจกมองหลังแท็กซี่เขียวเหลือง  เขาเกลือกสายตากลับมาที่ถนนเบื้องหน้า เข้าเกียร์เหยียบคันเร่งขับเคลื่อนอุปกรณ์เลี้ยงชีพสู่วงจรแบบเดิมๆ อีกครั้ง  
    เบาะหนังด้านหลังคลายตัวพูฟองขึ้นมาอยู่ในสภาพเดิม  ไม่มีสัมภาระผู้โดยสารตกหล่นด้านเบาะหลัง วิทรูย์เอี้ยวตัวไปมองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ  มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาบิดตัวกลับไปมองที่เบาะหนังแล้วมันไม่ว่างเปล่าเหมือนครั้งนี้
     ในคืนนั้นวิทูรย์ยังจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดี

    ------        --------         --------

    จากคุณ : where - [ 30 ก.ค. 46 20:34:44 A:203.146.112.105 X: ]