นิทานชีวิต

    เรื่องสั้น : นิทานแห่งชีวิต

    “พ่อ ๆ อีม้วนมันปวดท้องอีกแล้ว” ทิดมีวิ่งหน้าตื่นมาบอกพ่อตาแต่เช้ามืด
    “คราวนี้ดูท่าจะไม่ไหว…แหก ๆ” ลูกเขยเหนื่อยหอบ ทั้งตกตื่นทำอะไรไม่ถูก
    “เอ็งรีบไปตามรถเจ็กน้อยซิไป เร็ว” เฒ่าบุญสำทับลูกเขยให้ไปตามรถเพื่อที่จะพานางม้วนลูกสาวเข้าโรงพยาบาลในตัวอำเภอ มือไม้อันสั่นเทาของเฒ่าบุญผู้เป็นพ่อคว้าเอายอดพุทธรักษาหน้าบ้านหลายใบ รีบรุดขึ้นลงเรือนหลายเที่ยวกว่าจะปักหลักลงตรงโคนเสาใต้ถุน นั่งพนมมือ ถือจานใส่ดอกไม้ ธูป เทียน กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองลูกสาวและหลานน้อยที่กำลังจะคลอดออกมา

    “โอ้ย…ฉันเจ็บท้องเหลือเกิน…พ่อ” นางม้วนครางโอดโอยไปตามทาง
    “กัดฟันอดทนเอาเถิดอีนาง ลูกคนแรกของเอ็ง แม่เอ็งก็เป็นยังงี้แหละ ทนไว้ กลั้นเอาไว้ก่อน อีกหน่อยก็ถึงหมอแล้ว” พ่อเฒ่าปลอบลูกสาวอย่างเห็นใจ

    ก่อนหน้านี้เฒ่าบุญเคยพาลูกสาวมาหาหมอที่โรงพยาบาลสองครั้งแล้ว ทุกๆ ครั้งลูกสาวก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส หมอแนะนำให้ผ่าเอาลูกออกเพื่อรักษาชีวิตผู้เป็นแม่ไว้ เพราะว่าตอนที่นางอุ้มท้องได้ห้าเดือน หมอได้ตรวจพบความผิดปกติของเด็กในครรภ์ หมอบอกว่าขาข้างหนึ่งของเด็กน้อยไปเบียดทับกับกรวยไต ถ้านานเข้าจะทำให้ไตอักเสบและใช้งานไม่ได้ ปัสสาวะก็ไม่ได้ จะต้องเอาสายยางเจาะเป็นท่อไว้สำหรับถ่ายปัสสาวะ เวลาเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนจะรู้สึกปวดไปหมด เมื่อเด็กโตขึ้นและขยับตัวบ้างก็จะทำให้ผู้เป็นแม่เจ็บปวดมากถึงกับเป็นลมล้มพับไป และถ้าโชคร้ายหน่อยก็จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของทั้งสองนแม่ลูกเลยก็ได้ เฒ่าบุญไม่มีคำพูดหรือความเห็นใดๆ ได้แต่คิดว่ามันเป็นเวรเป็นกรรม ส่วนทิดมีก็ขอร้องให้นางยอมฟังคำแนะนำของหมอบ้าง “เหลือแม่อยู่สักคนก็ดีกว่าเป็นอะไรไปทั้งสองคนนะ” แต่นางม้วนก็ไม่ได้ฟังคำแนะนำของใคร นอกจากเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ต้องปกป้อง ต้องทะนุถนอมดูแลลูกให้ถึงที่สุด แม้จะต้องแลกด้วยเลือด เนื้อ หรือชีวิตของแม่เองก็ตาม ความเป็นแม่มันฝังลึกเข้าไปในจิตวิญญาณตั้งแต่นางรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง นางกัดฟันสู้ อดทนอุ้มท้อง ทนต่อความเจ็บปวดที่แสนสาหัส ทรมาน ทนต่อความลำบากทั้งปวง จนผ่านมาถึงวันนี้ เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นี่…เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะได้เห็นหน้าลูก และจะหายเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้ง จะทนไม่ได้เชียวหรือ…ต้องทำได้ซิ…สิ่งที่ผ่านเข้ามาในความคิดของนางเริ่มวกวน เวียนไปเวียนมา และเหมือนมันได้พานางล่องลอยออกไปจากร่าง คล้ายดังไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ นางรู้สึกเบาหวิวเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศธาตุ…

    คงเป็นเพราะลูกน้อยสงสารแม่ จึงอยากคลอดออกมาเร็วกว่ากำหนด วันนั้นทั้งหมอและพยาบาลต่างพากันวิ่งวุ่น นึกเห็นใจต่อความอดทนของนางตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นางบอกหมอไว้ล่วงหน้าก่อนที่นางมาคลอดว่า “ช่วยชีวิตลูกของฉันให้ปลอดภัยนะหมอ ส่วนตัวฉันเป็นหรือตายไม่ว่า” หมอพยายามอย่างสุดความสามารถก่อนที่จะรักษาชีวิตของทั้งสองแม่ลูกคู่นี้ไว้ได้อย่างปลอดภัย

    แม่เคยเล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนตอนฉันอายุเจ็ดขวบ เมื่อฉันโตขึ้น ฉันก็ยังไม่เคยลืมมันเลย และฉันคิดว่ามันเป็นนิทานแห่งชีวิตของฉัน ที่แม่เล่าให้ฟังนั่นเอง

    ********************************
    ตอนจบ หากใครมีเทคนิคดีๆ โปรดแนะนำหน่อยนะครับ

    จากคุณ : Tiger370 - [ 31 ก.ค. 46 00:11:07 A:203.113.61.71 X: ]