๐๐๐ที่เห็นและหายไป๐๐๐

    ละอองฝนบางเบาจากท้องฟ้าสีทึมหม่นมัว ยังคงมีมาไม่ขาดระยะ ทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ฝนห่าใหญ่เพิ่งตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
    ฝนห่าใหญ่มากับเสียงคำรามลั่น พร้อมกับการบดบังแทบจะทุกสรรพสิ่ง มืดฟ้ามัวดินจนคล้ายกับว่า ผืนฟ้าจะถล่มทลายลงมาเสียอย่างนั้น
    ดูเหมือนเป็นธรรมดาเหลือเกิน ที่ฝนฟ้าจะแปรปรวนไม่แน่ไม่นอน แม้ว่า จะยังไม่ถึงฤดูของมันก็ตาม
    ข่าวที่ได้ยินได้ฟังมา ก็บอกแค่ว่า มันมีมรสุมเข้ามา
    มรสุมบ้าอะไรก็ไม่รู้ เข้ามาแต่ละที ก็ทำให้วุ่นวายไปเสียหมด

    ค่ำคืนนี้ รถราจอแจ ผู้คนขวักไขว่เต็มไปหมด เหมือน ๆ กับทุก ๆ ครั้ง ที่ฝนกระหน่ำเทลงมา
    ดูเหมือนว่า ทุก ๆ คนเร่งรีบ ที่จะไปให้ถึงจุดหมายของตัวเองอย่างเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้
    ก็คงเหมือน ๆ กันกับฉันนั่นแหละ…
    ฉันไม่อยากเอ้อระเหยลอยชาย และก็คงไม่มีใครบ้าทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ในช่วงเวลาขมุกขมัววุ่นวายเช่นนี้หรอก

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

    “ทำไมมันนานอย่างนี้นะ ทุกทีเลย ฝนตกทีไร รถเมล์ก็ไม่ค่อยอยากจะวิ่งกันเลย” ฉันคิดอยู่ในใจดัง ๆ จนแสดงออกมาทางสีหน้า หลังจากเหลือบตามองดูเวลาที่ข้อมือ

    เวลาเดินทางไปเร็วเหลือเกิน ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีรถเมล์มาสักคัน
    ไม่มีรถเมล์มาสักคัน ไม่ว่าจะสายไหน ….
    คนรอรถเมล์มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคนที่มารออยู่ก่อนกับคนที่มาใหม่ และต่างก็แสดงอาการกระวนกระวาย จนออกนอกหน้า

    เวลาเดินทางไปอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับคนที่รอคอยอยู่
    ความรู้สึกก็คงประมาณว่า สิ่งที่รอคอยมันเนิ่นนานเหลือเกิน และเชื่องช้าเหลือเกิน
    ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนใจของคนรอบ ๆ ตัว ที่ก็คงไม่ต่างอะไรกับฉัน
    แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีใครว่าอะไร นอกจากการพูดคุยกับตัวเองอยู่ในใจเท่านั้น

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

    วันนี้ สำหรับฉัน ก็เหมือนกับทุก ๆ วัน และเหมือนกับทุก ๆ คน ที่ต้องตื่นเช้า เพื่อแย่งกันขึ้นรถเมล์มาทำงาน
    ทุกอย่างต้องเร่งรีบไปหมด ก็รู้กันดีอยู่ว่า ถ้าไม่ทันเวลาอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
    เดือนที่ผ่านมานี่ ฉันเข้าทำงานสายถึงห้าครั้ง ทำเอาเพื่อน ๆ ที่ทำงานออกอาการไม่ค่อยพอใจ

    แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับปฏิกริยา ของหัวหน้าหน่วยงานของฉันหรอก
    ฉันไม่อยากให้หัวหน้าหน่วยงาน มีทัศนคติเชิงลบ จนต้องเพ่งเล็งฉันเป็นกรณีพิเศษเลย
    ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ก็คงจะแย่ไม่น้อยทีเดียว เพราะมันจะไม่ได้หมายถึงความเจริญก้าวหน้า ในอาชีพการงานเพียงอย่างเดียว
    แต่มันยังหมายถึงอนาคตในการทำงาน ที่อาจจะดับวูบไปเฉย ๆ วันใดวันหนึ่งก็ได้
    ถึงจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ชักหน้าไม่ถึงหลังทุกเดือน ก็ยังดีกว่าต้องตกงานเป็นแน่

    ก็นี่แหละที่ทำให้ฉันต้องอยู่ทดเวลาเจ็บ จนดึกดื่นถึงตอนนี้ เพื่อสะสางงานเก่าที่คั่งค้าง
    แล้วอีกอย่างก็คือ หัวหน้าของฉันยังทำงานอยู่ ไม่ได้ออกไปทำธุระที่ไหนเสียอีกด้วยสิ
    ก็อาจจะแย่หน่อย สำหรับเพื่อนร่วมงาน ที่จำต้องอยู่ทำงานต่อ ทั้งที่หมดเวลางานแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ
    ฉันยังไม่อยากตกงานเร็วนักนี่นา…
    วันนี้ ก็เลยเป็นวันที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ หมดแรงจนแทบสิ้นลมเอาเสียจริง ๆ  

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
    “ปิ๊นนนนน ปิ๊นนนนนนนน”
    เสียงบีบแตรยาว ๆ ฝ่าละอองสายฝนมาเข้าหู พร้อมกับแสงไฟสลับสูง-ต่ำ มาตกกระทบดวงตา บอกให้รู้ว่า มีรถเมล์คันหนึ่ง กำลังจะเข้าป้าย
    ฉันผลักตัวเองออกไปยืนบนถนน เพื่อชะเง้อดูหมายเลขรถ จนรถเมล์คันนั้น พุ่งตรงมาที่ป้าย พร้อมกับเสียงเบรคเอี๊ยดแหลมเสียดสีสองหู
    จากนั้น ฉันก็พบตัวเองอยู่บนรถเมล์คันนั้นเรียบร้อย
    พร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมทางอีกหลายคน ที่แทรกตัวเองขึ้นมาอย่างอลหม่าน

    “เฮ้อ ! ได้ขึ้นรถกลับบ้านเสียที” ฉันคิดในใจ พร้อมกับคิดต่อไปว่า คนอื่น ๆ ก็คงคล้าย ๆ กันกับฉัน
    โชคคงยังดีอยู่บ้าง เพราะคนร่วมทางในรถเมล์สายนี้ ไม่แน่นหนามากนัก
    “อีกไม่นาน ก็คงจะถึงบ้านเสียที” ฉันคิดอยู่ในใจ พร้อม ๆ กับการเคลื่อนตัวของรถเมล์ ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว สลับกับการโยกซ้าย-ขวา ตามอารมณ์ของคนขับ

    “เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด” เสียงเบรคยาว ๆ มาอีกแล้ว รถเมล์เข้าป้ายแต่ละที ทำเอาคนบนรถเล่นกายกรรมไปตาม ๆ กัน
    “ชิดในด้วยนะคร้าบบ เดินสองแถวนะคร้าบบ” เสียงกระเป๋ารถโหวกเหวก พร้อมกับการขยับกล่องเก็บเงิน เป็นเสียงแก๊ป ๆ ตามจังหวะมือ

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

    จากคุณ : ผู้งมงายในรัก - [ 31 ก.ค. 46 20:10:19 A:203.154.97.197 X:129.0.1.70 ]