=[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอน 14 แตกหัก

    ไม่พูดมาก ลุยโลด ^^" ต่อไปนี้เพื่อความสมดุลย์ของเต๋า (อ้างไปโน่น) ขออนุญาตแฟนๆลงอาทิตย์ละครั้งนะครับ ^^"

    =================
    (ต่อจากตอนที่แล้ว)

    หลี่ซังฮู้รวบรวมกำลัง วิ่งอย่างสุดฝีเท้า ยามนี้นางรู้เพียงว่า จะต้องหนีจากคนร้ายชุดดำให้เร็วที่สุด

    จุดหมายของนางคือโรงเตี๊ยมที่เชิงเขาบู๊ตึ้งนั่นเอง เนื่องเพราะ มีเพียงที่นั่นที่อิทธิพลของ “ฉิกจับอิด” จะสามารถคุ้มครองนางจากคนร้ายชุดดำได้

    หลี่ซังฮู้วิ่งจนกระทั่งมาจนถึงเชิงเขา แลเห็นแสงไฟจากโรงเตี๊ยมรำไร ความรู้สึกของนาง ราวกับแลเห็นแสงจากสวรรค์.. ในที่สุด นางได้มาถึงที่หมายแล้ว !!!

    หลี่ซังฮู้พลันรวบรวมพลังเฮือกสุกท้าย วิ่งตรงไปยังแสงไฟที่เห็น
    ทว่า ..

    “นั่นเจ้าคิดจะไปที่ใดกัน???”

    =============================

    “ท่านคิดจะไปที่ใดกัน???”

    เสียงร้องเรียกของเหวินเหม่ยชิง ทำให้ฮั่นตงพลันชะงักเท้า เขาหันกลับมามองเหวินเหม่ยชิงต้วยความประหลาดใจ.. เมื่อครู่ แม้เขาจะจงใจใช้ “เงาพรายไร้รูป” กับนางเป็นคนสุดท้าย หวังลดทอนความรุนแรงของกระบวนท่าลงเพื่อมิให้นางได้รับบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น ทว่า นางมิเพียงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังถึงกับติดตามเขามาได้
    เช่นนี้ดูท่าจะต้องประเมินฝีมือของสาวงามใหม่เสียแล้ว..

    “ท่านคิดจะไปที่ใดกัน ??” เหวินเหม่ยชิงถามซ้ำ

    “เรื่องนั้นข้ามิอาจบอกให้ท่านทราบได้”

    เหวินเหม่ยชิงมองหน้าฮั่นตงแล้วยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มของนางถึงกับทำให้ฮั่นตงรู้สึกคล้ายหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ กระทั่งจะระบายลมหายใจยังมิกล้า เกรงว่า เสียงจากลมหายใจของเขาจะไปทำลายรอยยิ้มอันงดงามนั้น

    !!??

    มิทันให้มือปราบหนุ่มตั้งตัว หญิงสาวก็ใช้กระบี่วาดจู่โจมเข้าหาอย่างรวดเร็ว ฮั่นตงได้แต่ประสานมือไขว้หลังแล้วพลิกร่างกายท่อนบนเอนหลบไปมาเท่านั้น

    สถานการณ์ของมือปราบหนุ่มตอนนี้นับว่าไม่ดีนัก เขามิอาจลงมือกับเหวินเหม่ยชิง ดังนั้นจึงทำได้เพียงหลบหลีก แต่การหลบหลีกกระบวนท่าของชนชั้นยอดฝีมืออย่างทายาทอันดับหนึ่งของหันซาน โดยเฉพาะเหวินเหม่ยชิงนั้นย่อมมิใช่เรื่องง่าย...

    ด้วยหลักการของการฝึกยุทธ์ตามแนวทางเต๋า จิตใจนั้นนับว่ามีความสำคัญสูงสุด เมื่อจิตใจสงบนิ่งเป็นสมาธิ เมื่อนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่การเคลื่อนไหวของร่างกายสัมพันธ์กับแนวทางธรรมชาติ ยิ่งขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ได้เพียงใด ผลสะท้อนย่อมตกกลับมากับเพลงยุทธ์และศิลปะให้สมบูรณ์แบบขึ้นเพียงนั้นเพลงกระบี่ที่เหวินเหม่ยชิงใช้ออกย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและสง่างามสมบูรณ์แบบ

    ฮั่นตงถูกเพลงกระบี่ครอบคลุมทางหนีไว้จนหมด เหวินเหม่ยชิงตวัดกระบี่ด้วยเพลงกระบี่สุดยอดของสำนักหันซาน "กระบี่ไตรลักษณ์" หญิงสาวกดปลายกระบี่จี้มายังคอหอยของมือปราบหนุ่ม

    ประสาททั่วร่างของฮั่นตงเขม็งเกลียว ลมปรานแล่นพล่านทั่วทั้งร่าง
    อันที่จริงโอกาสนี้เป็นโอกาสอันเหมาะสมที่เขาจะใช้กระบวนยุทธ์ประจำกาย "เงาพรายไร้รูป"
    ซึ่งเป็นเพลงกระบี่ที่ใช้จังหวะโต้ตอบฉับพลัน ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังย่ามใจว่าสามารถจู่โจมเอาชัยได้แน่นอน

    เงาพรายไร้รูปย่อมสำแดงอิทธิฤทธิ์จากจุดบอดที่สุด กระบวนท่าอันพลิกสถานการณ์คับขันจากแพ้พ่ายกลายเป็นเอาชัยได้ภายในพริบตาย่อมนับเป็นกระบวนยุทธ์ที่ร้ายกาจอย่างจริง ฮั่นตงย่อมเคยใช้ "เงาพรายไร้รูป" ในลักษณะเช่นนี้เสมอมา

    แต่เหวินเหม่ยชิงก็เป็นถึงทายาทหันซาน ที่ดูท่าว่าจะมีฝีมือสูงส่งกว่าผู้เป็นอาจารย์ ไยนางจึงมิคาดคำนึงถึงกระบวนเพลงโต้กลับของมือปราบหนุ่ม หรือนางจะมั่นใจในเพลงกระบี่ของนาง?

    .....

    ชั่วเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นตาย

    ประกายตาของสองผู้เยี่ยมยุทธ์ผสานกันนิ่ง

    ปลายกระบี่ของเหวินเหม่ยชิงอยู่ห่างจากลำคอของมือปราบหนุ่มไม่ถึงครึ่งหุน

    แต่ร่างกายนางก็มิได้รับบาดเจ็บอันใด

    "เงาพรายไร้รูป" กลับมิได้ถูกใช้ออกเช่นกัน

    ...............

    หญิงสาวเอ่ยวาจาขึ้นมา "ใยท่านมิลงมือ ข้าพเจ้าใคร่วัดกระบวนเพลงยุทธ์กับท่านสักครา"

    ฮั่นตงยิ้ม แล้วสั่นศีรษะ "ข้าพเจ้ามิอาจตัดใจทำร้ายท่าน"

    เหวินเหม่ยชิงแค่นหัวร่อ "อืม... แต่นี่นับว่าข้าพเจ้าพ่ายแพ้ต่อท่านต่างหาก ด้วยข้าพเจ้าถึงกับหยุดกระบี่ให้ท่าน"

    ฮั่นตงผสานมือแล้วเอ่ยขึ้น "ต้องขอบใจแม่นางเหวินที่ออมมือ..."

    เหวินเหม่ยชิงไม่รอให้มือปราบหนุ่มเอ่ยจบ กลับกล่าววาจาแทรกขึ้นมา “บุญคุณของอาจารย์ช่างใหญ่หลวงนัก อาจารย์จู่ๆ ต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนี้ มิว่าอย่างไร ข้าก็มิอาจปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลไปได้อย่างเด็ดขาด” กล่าวถึงตอนนี้ น้ำเสียงของเหวินเหม่ยชิงกลับแข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    “ท่านจะต้องจับกุมข้าพเจ้าให้ได้จริงๆ?” ฮั่นตงถามช้าๆ

    “ตามปกติแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น แต่น่าเสียดายที่คำตอบคือ ไม่ใช่ .. ข้ากลับจะพาลปลดปล่อยท่านไป”

    “หมายความว่าอย่างไร ท่านไม่คิดจับข้าไปบู๊ตึ้งแล้ว?”

    “ถูกต้อง”

    “ท่านหมายความว่า ข้าพเจ้าสามารถไปได้แล้ว?”

    “ใช่”

    “เช่นนั้น ข้าพเจ้าคงต้องขอตัวก่อน” ฮั่นตงกล่าวพร้อมกับยิ้มให้เหวินเหม่ยชิง ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินจากไป ทว่า นางกลับเอ่ยขึ้นว่า

    “ช้าก่อน !!!”

    ฮั่นตงจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับนางอีกครา “ท่านยังมีเรื่องใดอีกหรือ”

    “ท่านมิคิดไถ่ถามหรือว่า เหตุใด ข้าจึงปล่อยท่านไป ??”

    ฮั่นตงแค่นยิ้มเจื่อนๆ "ขณะนี้ข้าพเจ้ามีฐานะเป็นคนโทษ ...ข้าพเจ้าอยากจะคิดว่าท่านปลดปล่อยข้าพเจ้าเพราะท่านชมชอบข้าพเจ้า แต่น่าเสียดาย ข้าพเจ้าคงไม่อาจเอื้อมถึงเพียงนั้น"

    เหวินเหม่ยชิงได้ฟังแล้วก็เกิดอารมณ์หวั่นไหว แต่ยังรักษากิริยาข่มจิตใจ นางจ้องหน้าฮั่นตงนิ่ง จนเขาเริ่มรู้สึกอึดอัด ในที่สุดนางก็เอ่ยว่า “ข้าย่อมมิอาจปล่อยตัวฆาตกรผู้สังหารอาจารย์ไปได้ .. ดังนั้น เหตุผลเดียวที่จะทำให้ข้าปลดปล่อยท่านไป นั่นคือ ท่านอาจมิใช่ฆาตกรผู้นั้น!!”

    “ท่าน .. ท่านทราบได้อย่างไร ?” ฮั่นตงรู้สึกผิดคาดบ้าง

    “ข้าทราบ เพราะข้าย่อมเคยเห็นผู้คนที่ถูกสังหารโดยเงาพรายไร้รูปของท่านมาก่อน . .. บาดแผลบนร่างของอาจารย์นั้น แม้จะดูคล้ายเงาพรายไร้รูป แต่กลับหาใช่เงาพรายไร้รูปไม่ ซึ่งความจริงแผลของเงาพรายไร้รูปของท่านบางกว่าเล็กน้อย!!”

    “อืม...” คราวนี้มือปราบหนุ่มมิได้กล่าววาจาใด แต่กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดลง เขาหันหลังกลับและสาวเท้าเดินออกไปข้างหน้า

    "ยังมี!" ซุ่มเสียงสดใสของเหวินเหม่ยชิงดังขึ้นอีกครา "ตลอดมาแม้ว่าท่านจะยึดถือกฎแค่ไหน แต่มักให้โอกาสผู้ต้องหาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หรือกลับใจเสมอ ดังนั้นคราวนี้ข้าก็จะให้โอกาสท่านเช่นกัน” นางกล่าว “แต่จำไว้ว่าหากท่านพิสูจน์ตนเองไม่ได้ ก็ยังคงไม่พ้นข้อสงสัยเป็นฆาตกรอาจารย์ข้า และข้ายังคงต้องไล่ล่าท่านต่อไป"

    ฮั่นตงชะงักเท้าเพียงชั่วครู่ แววตาของเขาแสดงความขอบคุณแต่ไม่ได้เอ่ยตอบหญิงสาวอย่างใด จากนั้นจึงค่อยๆเดินห่างออกไป


    ..............

    ร่างของฮั่นตงหายลับตาไปนานแล้ว

    แต่เหวินเหม่ยชิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม นางสุดจะฝืนทานทนได้อีก ได้แต่กระอักโลหิตคำเล็กๆออกมา เนื่องด้วยการยับยั้งเพลงกระบี่ที่ถูกใช้ออกด้วยกำลังสูงสุดในฉับพลันทันใดนั้น ทำให้ลมปราณย้อนกลับและส่งผลทำให้อวัยวะภายในบาดเจ็บไม่น้อย

    นางพลันเอ่ยขึ้นเบาๆว่า "ฮั่นตงเอยฮั่นตง ท่านล่วงรู้ไหมว่า ท่านได้ทำให้ผู้อื่นสับสนยิ่งนัก"
    และแล้วเหวินเหม่ยชิงก็ทรุดตัวลงนั่งกองกับพื้น ถอนหายใจแผ่วเบา

    หากเบื้องหน้ายังมีร่างของบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาใกล้

    เขาผู้นี้กลับกลายเป็นเจ้าสำนักหัวซาน ... หลิวหยงเคอ!!!

    แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 46 16:06:22

    แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 46 16:03:05

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 1 ส.ค. 46 16:01:56 ]