คําสาปรัก

        คําสาปรัก
    โดย นอร่า โรเบริต์ มาจากเรื่อง Spellbound
    แปลโดย โรส สลาลินน์

    เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของดิฉันที่พยายามแปลคะโดยส่วนตัวชอบนักเขียนท่านนี้มาก เลยเลือกที่จะแปลงานของเธอเป็นเรื่องแรก ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ถ้ามีข้อแนะนําใดถึงดิฉันก็ยินดีรับฟังคะ
        บทนํา
       “ ที่รัก ที่รักของข้าได้โปรดให้ข้าเข้าไปในความฝันของท่านเถิดเปิดประตูหัวใจของท่านและรับฟังข้า เคลิน ข้าต้องการท่านอย่างที่สุดอย่าหันหลังให้ข้าอีกเลย ไม่เช่นนั้น
    ทุกอย่างจะสูญสลายไป ข้ากําลังหว้าเหว่หลงทาง ที่รัก ที่รักของข้า”
    เคลินนอนกระสับกระส่ายไปมาในขณะที่เขาหลับอยู่ พลิกหน้าของเขาเข้าหาหมอนที่เขาหนุนอยู่ ใครกันทําไมถึงรู้สึกได้ถึงเธอ ผิวที่อ่อนนุ่มละเมียดละไม มือที่แสนจะนุ่มนวลอ่อนโยนให้ความรู้สึกที่ชื่นบานจากนั้นเขาก็ล่องลอยลึกเข้าไปในความฝันที่เยือกเย็นและบรรยากาศที่มีนํ้าค้างลงจัดเงียบงัน เขามองเห็นภูเขาสูงตระหง่านสีเขียวขจีที่ไกลแสนไกลออกไปไม่มีที่สิ้นสุดและเขาก็รับรู้ถึงกลิ่นหอมรัญจวนอันชวนให้เคลิบเคลิ้มจากผู้หญิงคนหนึ่ง
        ปราสาทสูงตระหง่านตั้งอยู่เหนือหน้าผาข้างหน้า  สีของปราสาทหลังนั้นเป็นสีเงินแวววาวสะท้อนให้เห็นเป็นเลาๆท่ามกลางพายุโหมกระหนํ่าไปทั่วท้องฟ้า ฐานของปราสาทปกคลุมมืดมิดอยู่ในหมอกควันที่ไหลลื่นเหมือนแม่นํ้าอยู่เบื้องหน้า เสียงควบม้าของเขาดังสนั่นไปทั่วบริเวณในขณะที่เขาควบม้าจากมาจากภูเขาเขียวขจีเบื้องหลังควบม้าสูงขึ้นไปเรื่อยๆสู่หินผาเสียงฟ้าร้องคะนองไกลจากทิศตะวันตกดังไปเหนือนํ้าทะเลและสะท้อนกลับมายังหัวใจที่เป็นนักรบของเขา
    “ เจ้ายังรอข้าอยู่หรือเปล่านะ”
    นัยน์ตาของเขาเรืองรองเป็นสีเทาเงินขึ้นเหมือนกับปราสาทเบื้องหน้าเขามองสํารวจตรวจตราไปทั่วหินผาข้างหน้าและท่ามกลางหมอกควันที่กระจัดกระจายไปทั่วเพีื่อมองหาศัตรูของเขาที่อาจจะซ่อนอยู่แม้แต่ในขณะที่เขาเคลื่อนไปข้างหน้ามุ่งตรงไปยังถนนบนหน้าผาเขารู้ว่ารอบกายเขามีกลิ่นไอของสงครามและความตายที่มันแทรกซึมอยู่ทุกรูขุมขุนของเขาเหมือนกับความทรงจําที่ซึมซับไหลผ่านไปสู่ทุกโสตประสาท ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาจะไม่มี
    วันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก
        ดาบของเขาอยู่ข้างกายไม่ห่างเตรียมพร้อมอยู่เสมอในเวลาและสถานที่เช่นนี้นักรบอย่างเขาควรระมัดระวังตัวอยู่เสมอ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นไอของเวทมนตร์คาถา
    ที่รู้สึกได้ในบรรยากาศรอบข้างที่โอบล้อมไปด้วยภัยอันตรายที่จะมาคุกคามโดยไม่รู้ตัว ณ ที่แห่งนี้เหล่าเทพธิดานางฟ้าอาจจะคิดแผนการร้ายอยู่ก็ได้อาจจะเริงร่าร่ายรําอย่างสนุกสนานหรืออาจจะใช้เวทมนตร์คาถาสาปให้มนุษย์พบกับความสุขหรือความทุกข์ก็ได้
          หน้าผาสูงที่อยู่ข้างหน้าเขามันช่างดูโดดเดี่ยวนัก สูงตระหง่านอยู่ท่ามกลางคลื่นลมพายุที่ซัดเข้ามาหามันอย่างบ้าคลั่งแต่ปราสาทที่อยู่บนหน้าผาสูงนั้นก็ยังคงสูงตระหง่าน
    ดูเหมือนจะไม่สะดุ้งสะเทือนต่อสิ่งใดเก็บงําความลับอะไรบางอย่างอยู่บนนั้น ไม่มีมนุษย์คนใดที่เดินทางผ่านเข้ามาที่ปราสาทแห่งนี้ที่จะไม่ได้ยินเสียงกระซิบของภูตผีปีศาจหรือวิญญาณที่สิงสถิตอยู่
      “เจ้ากําลังรอข้าอยู่หรือเปล่า”
    เสียงควบม้าของเขาดังเหมือนเสียงดนตรีที่สนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณหน้าผาแห่งนั้นจนกระทั่งในที่สุดเขามาหยุดอยู่ตรงลานกว้าง ชายหนุ่มบังคับม้าให้มายืนอยู่
    หน้าประตูปราสาทในขณะเดียวกันฟ้าแล่บและผ่าลงมาท่ามกลางความมืดมิดเป็นลําแสงสีขาวจ้าทําให้ตาพร่ามัวไปชั่วขณะ
          ฉับพลันหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นอยู่ตรงนั้นเหมือนกับกลมายาที่เธอสามารถโผล่ขึ้นมาจากอากาศตรงนั้นได้สีผมของเธอเหมือนสีเพลิงอัคคีที่ยาวลงมาประบ่าอยู่บนเสื้อคลุมสีเทาอมฟ้าของเธอ ผิวนั้นก็ช่างเป็นสขาว
    สะอาดละเมียดละไมอมชมพูเรื่อๆเหมือนกลีบกุหลาบที่กําลังเบ่งบานริมฝีปากเต็มอิ่มโค้งงามอยู่เป็นนิดบอกถึงความฉลาดเฉลียวรู้เท่าทันผู้อื่นอยู่เสมอ และสีตาคู่นั้นของเธอก็เป็นสีนํ้าเงินส่องประกายวาวแววเหมือนดวงดาวบนฟากฟ้าและมันก็ให้ความรู้สึกทรงอํานาจลึกลับอะไรบางอย่าง
         หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบเลือดในกายเขาฉีดพล่านไปด้วยความรักความปรารถนาและโหยหาหญิงสาวตรงหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา

       เธอก้าวเข้ามาหาเขา ล่องลอยผ่านหมอกควันหนาทึบแค่เข่าของเธอมาอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อไหร่ๆความงามของเธอก็ทําให้เขาหลงใหลตะลึงงันอยู่ไม่รู้วาย สายตาของเขาเหมือนถูกมนตร์สะกดเฝ้าจ้องอยู่แต่เธอ เขาก้าวลงจากหลังม้าในขณะที่สายตาของเขามันเป็นประกายระยิบระยับเมื่อได้เห็นแม่มดแห่งเวทมนตร์และหญิงสาวที่เป็นยอดรักของเขา
           “ เคลัน แห่ง ฟาเร็ลล์ ท่านท่องเที่ยวท่ามกลางความมืดมาจากแดนไกลจนถึงที่นี่ท่านต้องการสิิ่งใดจากข้าหรือ”
           “ บริอาน่า ผู้รอบรู้” ริมฝีปากของเขาหยักโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อตอบคําถามของเธอ
          “ ข้าปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่าง”
          “แค่ทุกสิ่งทุกอย่างเองหรือ” เสียงหัวเราะสดใสของเธอเบาหวิวและเป็นที่คุ้นเคย
         “ถ้าเช่นนั้นก็คงจะพอเพียงสําหรับท่าน ข้ารอท่านอยู่”   จากนั้นแขนสองข้างของเธอก็โอบกอดเขาไว้ ริมฝีปากของเธออยู่ใกล้แค่เอื้อม  เขากอดเธอกระชับเข้ามาแนบร่างกายเขาโหยหาที่จะสัมผัสเรือนร่างของเธอ โหยหาในสิ่งที่เขาเคยได้รับจากเธอในยามที่เธอยินยอม
    มอบกายให้แก่เขาและเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้แค่มอบกายให้เขามันมีอะไรมากกว่านั้น
          “ข้ารอท่านอยู่” หญิงสาวบอกเขาอีกครั้งด้วยเสียงที่เบาหวิวซบหน้าลงกับไหล่กว้างของเขา  
         “ มันนานเหลือเกินครั้งนี้ อํานาจของมันกําลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อํานาจของข้ากําลังอ่อนลงเรื่อยๆเช่นกัน ข้าไม่สามารถจะต่อสู้กับมันคนเดียวได้อีกแล้ว  อลัวแดร์เข้มแข็งเกินไปสําหรับข้าที่จะต่อกรด้วย มนตร์ดําของมันแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ  โอ้ ที่รัก ที่รักของข้า ทําไมท่านปิดกั้นข้าจากดวงจิตของท่าน จากหัวใจของท่าน”
          เขาผลักตัวเธอออกห่างจากเขาเล็กน้อยและแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไปปราสาทแห่งนั้นหายไป เหลือแต่ซากปรักหักพัง ว่างเปล่า จากศึกสงคราม    
        ชายหนุ่มหญิงสาวยังคงยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังเหล่่านั้น และตรงหน้านั่นเองก็ปรากฏบ้านหลังน้อยๆที่มีดอกไม้กระจายล้อมรอบกลิ่นหอมรัญจวนของมันกระจายฟุ้งไปทั่วมันกําลังซึมผ่านเข้ามาในความรู้สึกของ
    เขาให้มึนเมาอย่างประหลาด

        เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะที่พายุกําลังตั้งเค้ามาจากระยะไกลๆรอคอยที่โหมกระหนํ่าอีกครั้ง
         “เวลาใกล้เข้ามาทุกทีแล้วครั้งนี้” เธอบอกเขา “ ท่านต้องกลับมา เคลิน ท่านต้องกลับมาหาข้า ท่านไม่สามารถจะปฏิเสธโชคชะตาได้อีกแล้ว คําสาปจะไม่สูญสลายไปถ้าไม่มีท่านอยู่กับข้า เจ้าปีศาจร้ายมันจะชนะ”
          ชายหนุ่มสั่นศรีษะของเขาเหมือนจะปฏิเสธ ปากของเขาขยับจะพูดอะไรบางอย่างแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้กล่าวอะไรออกมาหญิงสาวยกมือขึ้นลูบบนใบหน้าเขาแต่มือของ
    เธอมันผ่านเขาไปเหมือนกับว่าเขาเป็นภูตผีวิญญาน หรืออาจจะเป็นเธอก็ได้
       “ข้าได้เฝ้ารักท่านมาตลอดเวลาอันเนิ่นนานเหลือเกิน” ในขณะที่เธอเอ่ยวาจาอยู่กับเขาหญิงสาวก็ถอยหลังห่างเขาออกไป หมอกควันเริ่มจับตัวบริเวณช่วงขาของเธอ
       “ข้าได้ผูกพันชีวิตและวิญญาณกับท่านตลอดระยะเวลาอันยาวนานนี้”  เมื่อพูดจบหญิงสาวก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นบนฟ้า หงายฝ่ามือขึ้นเบื้องบน เธอหลับตาลง
    ทันใดนั้นพายุก็โหมกระหนํ่ารุนแรงขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนเจ้าสิงโตที่กระโจนพุ่งออกมาหลังจากถูกปล่อยออกมาจากกรงของมันผมของเธอถูกลมพัดกระจัดกระจายตีอยู่บนเสื้อคลุมที่ห่อหุ้มเธอไว้
            “ข้าเหลือเวทมนตร์คาถาแค่น้อยนิดเท่านั้น”
    หญิงสาวร่ายมนตร์ให้พายุที่บ้าคลั่งสงบลง
           “ แต่ข้าก็ยังสามารถเรียกพายุได้ และที่สําคัญข้าก็ยังเข้าถึงดวงใจของท่านได้ อย่าปิดกลั้นหัวใจท่านจากข้าเลย เคลิน มาตามหาข้าเร็วๆเถอะ ไม่เช่นนั้นข้าจะหลงทาง”
          จากนั้นเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แผ่นดินข้างใต้ฝ่าเท้าเขาสั่นสะเทือนท้องฟ้าปั่นป่วน จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบสงบลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
          ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจากความฝันหายใจหอบแรง เหงื่อแตกไปทั่วร่าง ในขณะที่มือของเขายื่นออกไปไขว่คว้าอะไรบางอย่าง

    โปรดติดตามตอนต่อไป

    แปลโดย โรส สลาลินน์

    จากคุณ : โรสสลาลินน์ - [ 4 ส.ค. 46 09:16:50 A:12.108.140.249 X: ]