เมื่อฉันตาย ความรักไม่ได้ตายตามไปด้วย

                  ในห้องเล็กๆสีขาว ฟุ้งไปด้วยกลิ่นของยา ตามลำตัวของฉันมีสายระโยงระยาง มืออุ่นๆกำมือเล็กๆของฉันไว้ มือที่ทำให้ฉันสบายใจ  มือนั้นค่อยๆยกมือของฉันขึ้นประคองไว้ที่แก้ม ฉันรู้สึกได้ถึงคราบที่เปื้อนแก้มและไถลลงมาสู่มือของฉัน ฉันไม่สามารถที่จะลืมตาได้ ไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้ตามใจปรารถนา ได้แต่ส่งความรู้สึกที่บอกว่าฉันเสียใจ ฉันไม่น่าทำร้ายจิตใจของคนๆนี้เลย

                  วินาทีนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสียใจ แม้แต่ตอนนี้ฉันยังบังคับน้ำตาให้ไหลไม่ได้เลย อาจจะเพราะสมองส่วนหนึ่งของฉันได้ถูกทำลายไปเพราะสภาวะของการขาดเลือดอย่างรุนแรง ก่อนที่ฉันจะถูกพามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นเวลาหลายชั่วโมงแห่งความทรมาน การอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางความทุกข์ที่อัดอั้นอยู่คนเดียวมาหลายชั่วโมง ความคิดชั่ววูบแล่นเข้าสู่สามัญสำนึก สิ่งที่ใกล้ตัวก็เป็นอาวุธได้ทุกอย่าง แค่ความรู้สึกก็เป็นอาวุธที่บาดใจฉันได้มากพออยู่แล้ว ฉันบรรจงหยิบมีด กลั้นใจเฉือนข้อมือตัวเองปล่อยให้ไหล และหยดลงพื้นเป็นทาง และรู้สึกอีกทีก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว

                  “คุณหมอคะ ลูกฉันจะฟื้นไหมคะ”

                  “หมอว่าตอนนี้อยู่ที่กำลังใจของคนไข้เป็นส่วนสำคัญ แต่ถึงอย่างไรแม้ฟื้นมาก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในสภาพเดิมได้ อาจจะเหมือนเจ้าหญิงนิทรา ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้” พอหมอพูดจบหญิงชราวัยกลางคนก็ร้องไห้โดยมีหญิงสาววัยรุ่นเข้ามาประคองไว้ไม่ให้ล้ม

                  “แม่คะเราต้องตัดสินใจนะ ว่าจะทำอย่างไรกับพี่เขา เราไม่มีเงินมากมายที่จะยื้อชีวิตพี่เขานะ ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี”

                  “แม่รู้ แม่ต้องตัดสินใจ แต่อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม แม่ว่าพี่เขาต้องหาย กลับมาอยู่กับเรา” แม่พูดไปพลางร้องไห้ไป พร้อมทั้งจับมือฉันขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้คราบน้ำตาไหลลงมามากพอที่จะเรียกได้ว่าร้องจนน้ำตากลายเป็นสายเลือด

                  ฉันค่อยๆลืมตามองออกไปนอกห้องและลุกขึ้นนั่ง มือแม่ยังคงกุมอยู่ในมือฉัน ฉันเอามือจับแก้มของแม่เบาๆ เพื่อไม่ให้แม่ตื่นขึ้นมา แม่ยังคงนอนแต่เสียงหนึ่งก็ปลุกให้แม่ตื่นขึ้นมาพยาบาลเข้ามาในห้องพร้อมเครื่องมือฉุกเฉิน ทุกคนพยายามที่จะปั๊มหัวใจของฉันให้เต้นไหวขึ้นมาอีกครั้ง แต่วินาทีนั้นฉันรู้ตัวดีว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ความรู้สึกว่าตัวเองได้มองตัวเองเป็นเช่นไร ฉันเข้าใจได้ชัดเจนในตอนนี้ ฉันไม่มีน้ำตา กลั้นความเสียใจไว้เล็กน้อยที่ไม่อาจจะทดแทนบุญคุณท่านได้

                  “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คนไข้ไปอย่างสงบแล้วค่ะ เมื่อสักครู่นี่เอง” พยาบาลพูดจบแม่ก็ทรุดเข่าลงกองกับพื้น ฉันพยายามที่จะเข้าไปหาท่านเพื่อประคองให้ท่านลุกขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ

                  น้องสาวและพ่อได้เดินทางมาถึงในเวลาไม่นานนักเพื่อจัดการกับศพของฉัน บรรดาเพื่อนๆก็ได้รับทราบข่าวอย่างทันท่วงทีในเช้าวันนั้นเอง

       
                  “แฟนกบจะมาไหม เนี่ย” หนึ่งในเพื่อนสาวของฉันเอ่ย ขณะที่รวมตัวกันลับๆในกลุ่มของเพื่อน

                  “มันจะกล้ามาเหรอ มันเป็นคนทำให้กบต้องเป็นแบบนี้ มันใจร้ายมากที่บอกเลิกกับกบเพื่อไปหาผู้หญิงอีกคน”

                  “ฉันอยากให้เขามา” ฉันเอ่ยให้เพื่อนๆทราบแม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินและการที่เค้ามามันอาจจะทำให้ความรู้สึกของฉันยิ่งแย่ไปกันใหญ่

                  “แล้วเราจะบอกเค้าดีไหมล่ะ”

                  “อืมก็คงต้องบอกล่ะเค้าจะมาหรือไม่มานั่นก็เรื่องของเค้า”

                  “แล้วเค้าจะตอบคำถามแม่พ่อน้องของฉันอย่างไรล่ะ” ฉันยังคงคิดแทนเขาและเป็นห่วงเขาเช่นเดิม

       
                  งานศพวันแรก ฉันยังคงนั่งอยู่นอกศาลาพร้อมน้ำตาที่ไหลนองหน้าตลอดเวลา นี่คงใกล้เวลารดน้ำศพของฉันแล้วสินะ ทุกคนที่เข้ามาในงานความรู้สึกคงไม่ต่างจากฉัน ทุกคนโศกเศร้าเสียใจ แม้สีหน้าจะไม่แสดงออกมาอย่าชัดเจน

                  “แดง ฉันเสียใจด้วยนะ” น้าศรีเพื่อนบ้านที่สนิทที่สุดและฉันก็ไปวิ่งเล่นเป็นประจำเมื่อสมัยเด็กๆ

                  “ไม่นึกเลยนะว่ากบแกจะอายุสั้นอย่างงี้ ว่าแต่เค้าเป็นอะไรตายเหรอ” คำถามนี้เป็นคำถามที่ฉันกลัวที่สุด สีหน้าของแม่เปลี่ยนไปและยังพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา ใครล่ะจะอยากบอกว่าลูกฆ่าตัวตายเพราะไม่สมหวังในความรัก เรื่องเล็กๆ ที่ฆ่าความรู้สึกของทุกคนที่เป็นห่วง

                  “ไม่ต้องตอบก็ได้แดง ไว้ทำใจได้แล้วค่อยตอบ” แม่ยังคงก้มหน้าแต่ตอนนี้น้ำตาก็ได้ไหลลงมาหยดแล้วหยดอีกเช่นเคย ฉันคิดว่าในไม่ช้าน้าศรีก็คงรู้จากบรรดาแขกเหรื่อที่มาในงานอยู่ดีไม่ต้องรอให้ถึงคืนนี้หรอก

                  บรรดาแขกเหรื่อค่อยทยอยมารดน้ำฉันทีละคนทีละคน ฉันมองไปน้ำตาก็พาลไหลลงมาอีกครั้ง คิดว่าถ้างานนี้เป็นงานรดน้ำสังข์ก็คงดีกว่างานศพเป็นแน่ ฉันจะมีชีวิตที่น่ายินดีมีความสุขมากกว่านี้อีกมาก แต่วันนั้นคงไม่มาถึง งานรดน้ำนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายของฉัน แต่เขาก็คงมีงานรดน้ำกับแฟนใหม่ของเขาแน่นอน

                  “นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย” ความรู้สึกของฉันสะท้อนความรู้สึกภายในขึ้นมาอีกครั้ง ฉันสังเกตเพื่อนสนิทของฉันกดเบอร์โทรศัพท์

                  “ฮัลโหล นนท์เหรอ นี่ดาวนะ” เพี่อนฉันคนที่ชื่อดาวพูดไปแต่น้ำเสียงยังคงเก็บความรู้สึกสะอื้นในใจที่เพื่อนสนิทอย่างฉันได้เสียชีวิตลง

                  “อะไรเหรอดาว ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะโทรมาหาฉัน” นนท์พูดกลับมา

                  “คืนนี้ว่างไหม” ดาวพูดออกไปพร้อมทั้งหายใจเข้าแรงๆ เพื่อให้น้ำตาไม่ไหลรินออกมา

                  “ทำไมเหรอ ฉันมีนัดแล้วน่ะ” นนท์พูดเสียงปกติ

                  “เหรอ เธอจะไปตามนัดเธอก็ได้แล้วไม่ต้องมาก็ได้นะ ฉันจะบอกให้เธอมางานศพกบเค้าด้วย”

                  “กบ กบเหรอ เกิดอะไรขึ้น”

                  “ถามตัวเองเถอะ ว่าทำอะไรกับกบไว้บ้าง” ดาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เหลืออด

                  “ที่วัดไหน คืนนี้ฉันจะไป แล้วกบเป็นอะไรตาย”

                  “นายไม่รู้เหรอ กบเค้ารัก รักนายมาก รู้ไหม “ ดาวพูดพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาเพราะกั้นไม่อยู่ ฉันซึ่งยืนอยู่ข้างๆก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน พร้อมทั้งทรุดเข่าลงนั่งอย่างอ่อนแรง

                  “ดาว ๆ ที่วัดไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” นนท์พูดพร้อมทั้งเร่งให้ดาวพูดต่อ

                  “ที่วัดใหม่น่ะ นายมาถูกใช่ไหม วัดที่นายเคยบวชน่ะ” ปิ่นเพื่อนอีกคนคว้าโทรศัพท์จากมือดาวมาพูดกรอกลงไป “แค่นี้นะ” แล้วปิ่นก็วางสายลงไป

       
                  “วัดที่นนท์เคยบวช” ฉันปรารภกับตัวเองเหมือนกับความรู้สึกที่พึ่งจำได้ วันนั้นฉันเป็นคนที่แย่งจะคว้าหมอนมาถือเองให้ได้ แต่ก็ถูกกีดกันจากเพื่อนๆของฉันที่บอกว่าถ้าถือแล้วจะไม่ได้แต่ง แต่ฉันก็ดิ้นรนและหาทางที่จะถือหมอนให้ได้ เพราะเหตุนี้มั้งที่ทำให้ฉันไม่มีวาสนาได้แต่งงานกับเค้าจริงๆ ฉันอยากรู้อีกเหมือนกันว่าพองานศพของฉันที่ต้องนำฉันขึ้นเผา จะมีใครบ้างนะมาแย่งกันถือรูปฉันบ้าง เค้าคงจะไม่สามารถมาแย่งได้เนอะ ยิ่งคิดน้ำตาของฉันก็ยิ่งไหลแล้วยิ่งไหลมากขึ้นอีกมาก

    แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 46 11:48:33

    จากคุณ : freqly - [ 4 ส.ค. 46 21:20:29 ]