** จุดประกาย **

    ฉันพริ้มตาหลับลง เพื่อคลายความเหมื่อยล้า จากการจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานเกินไป

    บนหน้าจอ  เป็นโปรแกรมไมโครซอฟส์เวิร์ด  ซึ่งใช้สำหรับพิมพ์งานทั่วไป  ใช่  ฉันกำลังใช้มันพิมพ์งานของฉันอยู่เช่นกัน  งานเขียนเรื่องใหม่ของฉัน  งานเขียนที่ใครต่อใครเฝ้าจับตารอดู  มีคนที่ต้องการจะอ่านผลงานชิ้นนี้ ไม่สิ  พวกเขาเฝ้ารอที่จะอ่านงานทุกชิ้นของฉัน

    และฉันก็มีความสุขที่ได้เขียนมัน แม้คนที่อ่านจะไม่มากมายถึงขั้นเทียบเท่านักเขียนชื่อดัง  แต่เพียงเท่านี้ มันก็ทำให้ฉัน ยิ้มได้ และมีความสุขมากมายแล้ว

               ****************************

    เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว....
     
    ในห้องเรียนชั้นประถม ของเด็ก ป. 4   ก่อนจะสอบไล่ปลายภาค  มีเพื่อนๆ หลายคน พยายามเตรียมของที่ระลึก มอบให้ครูประจำชั้นในปีนั้น  ฉันจำได้  คุณครู สำราญ  เธอเป็นครูสอนวิชา ภาษาอังกฤษ  และเป็นครูประจำชั้นของห้อง 4/2 ซึ่งฉันเรียนอยู่  คุณครู เป็นคนใจดี  และใส่ใจเด็กทุกคนเหมือนเป็นลูกหลาน  และ ฉันก็รักคุณครู คนนี้มาก ซึ่งแน่นอน ว่าไม่ใช่แค่ฉัน  เพื่อนๆ ของฉันทุกคนก็รักครู

    นิศารัตน์ หรือ ตั๊ก  เป็นเพื่อนสนิทคนนึงของฉัน ไม่สิ  เธอเป็นเพื่อนที่สนิทของเพื่อนๆทุกคนในห้อง   ใครๆ ก็ต่างห้อมล้อมเธอ  เพราะเธอเป็นคนน่ารัก  สวย  และที่สำคัญ เธอจะมีของเล่นใหม่ๆ  และ ราคาแพง จากเมืองนอก ส่งมาจากแม่ของเธอซึ่งทำงานอยู่ที่นั่น  เธอมักนำของเล่นเหล่านั้นมาโรงเรียนให้เพื่อนๆได้ตื่นตาตื่นใจอย่างสม่ำเสมอ  นอกจากนั้น นิศารัตน์ยังเป็น คนเรียนดี  ลายมือสวย  และ วาดรูปเก่ง  เกือบทุกอย่างตรงข้ามกับฉัน  

    ฉัน ลายมือแย่ วาดรูปห่วย แม้จะชอบวาดรูป  แต่วิชาศิลปะก็มักจะไม่ถูกับฉัน  ฉันมักจะหมกงานไว้ไม่ยอมส่ง  เพราะส่งไปทีไร ครูก็จะใช้ปากากแดงขีดฆ่า และ เขียนคะแนน แย่ๆให้ฉันได้อายเสมอ  แค่ฉันวาดรูป กระเป๋า ได้ไม่เหมือนต้นฉบับ แค่ฉันระบายสี ออกนอกเส้น แค่นั้นเอง  ฉันจึงไม่อยากส่งงานเลยจริงๆ  ทุกๆวันศุกร์ที่มีการเรียน วิชาศิลปะ ฉันจะไม่อยากไปโรงเรียน  บ่อยครั้ง ที่ความขี้โรค ของฉัน ก็เอื้ออำนวยให้ฉันได้เกเรียนบ่อยๆ  

    นอกจากนั้น ฉันก็ไม่ได้สวย ไม่น่ารัก ที่บ้านของฉัน ถึงแม้จะไม่ถึงกับยากจน พอมีฐานะในระดับปานกลาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฟุ่มเฟือย ซื้อของเล่นราคาแพงได้  แล้วแม่ฉันก็ไม่เคย ซื้อของเล่น ทันสมัยใดๆ ให้ฉันใช้ ของเล่น ราคาแพงที่สุดของฉันตั้งแต่จำความได้  ก็คือ ตุ๊กตาหมา ที่ใส่ถ่านแล้วเดินได้ เห่าได้  ราคาประมาณ สามร้อยกว่าบาท นอกจากนั้น ฉันก็คงจะมีเพียงแค่ตุ๊กตากระดาษ แผ่นละบาท ที่เจียดค่าขนม มาซื้อเท่านั้น

    คงไม่น่าแปลกใจ  ที่ฉันจะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผอมกระล่อง คนนึง ที่ได้แต่มองของเล่นที่เพื่อนนำมาตาปริบๆ  และ ด้วยขนาดตัวที่เล็กจ้อย  คงไม่น่าแปลกอีกเช่นกัน ที่ฉันจะกลายเป็นเด็กหญิงที่มักถูกกลั่นแกล้งสม่ำเสมอ  และ หลายครั้งหลายครา ก็กลายเป็น คนนอกสายตา นอกความสนใจ และเป็นคนสุดท้ายที่จะถูกนึกถึง  


    ในช่วงสุดท้ายของการเรียน ป.4 ก่อนสอบ  นิศารัตน์ ได้วาดรูป ผู้หญิงสาวสวย ลงบนกระดาษวาดเขียน เพื่อจะมอบให้ครูสำราญ  เพื่อนๆ หลายคนๆ ก็เรียงคิวขอให้นิศารัตน์ ช่วยวาดให้พวกเขาด้วย  และ แน่นอน ว่าฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น


    กระดาษวาดเขียนผ่านไปแผ่นแล้วแผ่นเล่า  เพื่อนคนแล้วคนเล่า ได้รูปสวยน่ารักเหล่านั้นไป  แล้วเอาไปเขียนข้อความระบุ ถึง ครูประจำชั้นที่รัก  ต่างคนต่างเขียน คนละรูป คนละใบ  ฉันก็ได้แต่นั่งรอ รอ รอ  

    " ตั๊ก เมื่อไหร่จะถึง ของเราล่ะ "

    " เดี๋ยวสิ  รอก่อน เดี๋ยววาดให้รัชนีก่อนนะ "

    ฉันได้แต่รอ รอ  รอ ต่อไป   แล้วนิสัย เด็กขี้แย ขี้น้อยใจอย่างฉันก็เริ่มน้ำตารื้น  เมื่อพบว่าตัวเองตกขอบความสนใจอีกแล้ว

    " กระดาษหมดแล้วล่ะ หนุงหนิง  เอาไว้วันหลังนะ "

    นิศารัตน์หันมาบอกฉัน ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม  ฉันเข้าใจว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจแกล้งฉันหรอก  เพราะนิศารัตน์ เป็นคนน่ารัก เธอไม่เคยแกล้งใคร แต่อาจเป็นเพราะเพื่อนมากมายพี่เข้าไปรุมล้อมเธอจึงทำให้คนตัวเล็ก เสียงแผ่วๆ อย่างฉันแทรกไปไม่ถึง  ดีไม่ดี  เธออาจไม่รู้ด้วยซ้ำมั้ง ว่าฉันมาก่อน ยัยรัชนี นั่นอีกนะ


    ฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะประจำ  ก่อนจะ นั่งคิดอะไรไปเรื่อย  พรุ่งนี้เรียนวันสุดท้าย  มะรืนก็จะสอบแล้ว  ฉันจะหาอะไรให้ครูดี

    ยื่นมือลงไปคลำอะไรใต้โต๊ะ  ก็พบเข้ากับสมุดเขียนเล่นเล่มหนึ่ง ซึ่งปกติ ฉันมักจะเอาไว้ ฉีดวาดรูปเล่น พับกระดาษ  และ เล่นเกมส์โอเอ็กซ์  กับเพื่อน

    ไม่รู้จะเอาอะไรให้ครู  เพื่อนๆ ก็เขียนข้อความลงบนรูป เพื่อให้ครูกันทุกคน แต่เราไม่มีรูปนี่  จะเขียนอะไรดีล่ะ  และจะเขียนลงในไหน

    ด้วยความเป็นคนชอบอ่านหนังสือ  หนังสือเรียนภาษาไทย ในตอนนั้นมีเรียนเรื่อง กลอนแปด กลอนสี่ แบบง่ายๆ อยู่บ้าง  เอาล่ะ  ลองดู

    ฉันตัดสินใจเอาไม้บรรทัดทาบกระดาษ  บรรจงฉีด พยายามให้เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้  แล้วเอากระดาษรีดแล้วรีดอีก  เพื่อให้เรียบ แล้ววางลงตรงหน้า

    ....กระดาษสมุดถูกวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ...


    จะเขียนอะไรดี เอากลอนนี่แหละ  พยายามที่สุดที่จะบรรจงลายมือให้สวยเท่าที่จะทำได้  เขียนกลอนแปด แบบสัมผัสขาดๆ เกินๆ  ตามประสา เด็ก ป.4  กลอนถูกเขียน จบลง  ถึงแม้ว่าจะจำข้อความในกลอนนั้นไม่ได้  แต่ในตอนนี้ฉันก็รู้ว่ากลอนในตอนนั้น มันคงดูเหมือนร้อยแก้ว หรือเรียงความมากกว่าจะเป็นกลอน  เอาน่า ขอแค่ให้มันถูกเขียนออกมา เป็น บรรทัด ดูรูป แบบคล้ายๆ กันก็คงพอได้อยู่


    ในตอนนั้น ฉันอ่านทวนกลอนที่ถูกเขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า  คิดในใจว่า

    ....อืมม เราเองก็แต่งกลอนเพราะเหมือนกัน....

    อ่านไปก็ชื่นชมไป  เพื่อนๆ เอาการ์ดรูปนั้นให้ครูกันไปหรือยังไม่รู้  แต่ฉันยังคงบรรจงนั่งพับกระดาษ ให้ออกมาเป็นรูปที่สวยที่สุด  ฉันบรรจงพับกระดาษเป็นรูปนก  เพราะเคยเรียนพับนกในวิชาศิลปะ แล้วก็เป้นอย่างเดียวที่จำได้ และ พับเป็นในตอนนั้น  หลังจากพับเรียบร้อย ก็เขียน ว่า

    ....ให้ครูสำราญค่ะ....

    ที่ปีก ข้างนึงของนกตัวนั้น  เอาไปแอบวางไว้ใต้โต๊ะของครู แล้วก็นั่งลุ้นว่า ครูจะว่ายังไงนะ  ที่ได้อ่านมัน



    เย็นวันนั้น  ฉันกลับบ้านไป ด้วยใจกระวนกระวาย รีบเล่าให้แม่ที่มารับฟังตั้งแต่ยังไม่ถึงบ้าน

    " แม่ขา วันนี้หนูเขียนกลอนให้ครูสำราญ "

    " เขียนอะไรไปลูก "

    " ก็เขียนว่า ........ "

    แม่ได้แต่ยิ้ม ขยี้หัวฉันเบาๆ  ตอนนั้นจำได้ว่า ฉันรู้สึกภูมิใจมากๆ  รอยยิ้มของแม่ เหมือนจะบอกว่า กลอนที่ฉันเขียนเพราะที่สุด

    " ครูว่าไงบ้างลูก "

    " ไม่รู้ค่ะ  หนูแอบเอาวางไว้ใต้โต๊ะ  ครูคงยังไม่เห็น "

    " ถ้าพรุ่งนี้ครูได้อ่านแล้ว หนูจะเอามาเล่าให้แม่ฟังนะคะ "


    วันรุ่งขึ้น...

    ฉันมาถึงโรงเรียนก็รีบ วิ่งขึ้นห้องเรียนทันที  แต่ก็ไม่พบครูอยู่ในห้อง เพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ กำลังสนุกสนานกับการวิ่งเล่นในห้องเรียน

    เมื่อถึงคาบเรียน  ครูสำราญมาสอนภาษาอังกฤษเป็นวิชาแรกตามปกติ พวกเราท่องศัพท์ตอนเช้า เหมือนทุกวัน  แต่วันนี้ ฉันท่องไป นั่งมองหน้าครูไป ก็ไม่เห็นครูจะว่าอะไรหรือมีอะไรแปลกไป

    ... หรือครูจะยังไม่เห็น ...

    จนกระทั่ง เที่ยงวัน  เพื่อนๆ ลงไปกินข้าวกลางวันรวมทั้งฉัน  แต่ฉันก็อดไม่ได้ ที่จะวิ่งขึ้นมาดูใต้โต๊ะ ของครูว่า นกของฉันยังคงอยู่ไหม  แต่ฉันก็พบความว่างเปล่า นกของฉันหายไปแล้ว

    ... มันหายไปไหน  ครูได้อ่านหรือยัง ...

    ก่อนที่ฉันจะทันได้เบะปากร้องไห้ ก็มีเสียงคุ้นหู ฟังดูอ่อนโยน ดังขึ้นข้างหลัง

    " มาหาอะไรจ๊ะ "

    " จีรวรรณ  เขียนกลอนให้ครูเหรอ "

    ฉันพยักหน้า หงึกหงัก แววตาเป็นประกายยินดี  

    " กลอนหนูเพราะมากเลย  ครูชอบจัง  หนูเขียนมาให้ครูบ่อยๆได้ไหมค่ะ "

    ประโยค ถัดมา พร้อมกับมือใหญ่ๆมาลูบหัวเบาๆ อย่างเอ็นดู มันทำให้ฉัน ใจแทบจะกระเด็นออกมา  ความรู้สึกตอนนั้นมันลิงโลดดีใจ สุดๆ  

    " ได้ค่ะ  ถ้าครูชอบ หนูจะเขียนกลอนให้ครูทุกวันเลย "


    จากวันนั้นเป็นต้นมา ฉันก็เขียนกลอนส่งให้ครูสำราญทุกวัน  ฉันรู้แต่ว่าทุกครั้งที่ฉันเจอครู ครูจะบอกฉันว่า เขียนแบบอื่นมาให้ครูอ่านบ้างสิจ๊ะ   ครูชอบที่หนูเขียน  

    จากกลอน ก็เริ่ม เป็นเรียงความ เป็นบันทึก เป็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย  ฉันไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วครูสำราญจะได้อ่านมันทั้งหมดจริงไหม เพราะลายมือของฉันนั้นก็จัดว่าอ่านยากมากๆ ทีเดียว  แต่ตอนนั้น ฉันมั่นใจเต็มที่ว่าครูต้องอ่าน และ ต้องชอบมัน

    ฉันเขียนอะไรๆ ให้ครูอ่าน จนจบชั้นประถม แม้ว่า ในชั้น ป.5 และ ป.6  ครู จะไม่ได้เป็นครูประจำชั้นของฉันแล้วก็ตาม


    จนเมื่อเข้าชั้นมัธยม  ฉันสอบเข้าโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งได้  และฉันก็ยังคงรักในการเขียนอย่างสม่ำเสมอ  ฉันจะมีไดอารี่เล่มนึงไว้เขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆ  บางครั้งก็ส่งกลอนวัยรุ่นไปตามนิตยสาร  ได้ลงบ้างไม่ได้บ้าง  แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะส่ง  หลังจากกลอนวัยรุ่น  เรื่องสั้น แนววัยรุ่นก็เริ่มถูกเขียน ส่งไปหลายที่แต่ก็ไม่เคยได้ลง แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มที่ดีสำหรับฉัน  

    จนกระทั่ง การประกวด กลอนวันพ่อ  ครั้งนั้น ฉันส่งกลอนเข้าประกวด  และได้รางวัลที่ 3 มา เพียงรางวัลที่ 3 ก็สร้างความภูมิใจให้ฉันมากมายแล้ว


    เมื่อเข้าสู่ ม.ปลาย การแข่งขันในการเรียน เพื่อสอบเอนทรานท์ สูงมากขึ้น เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในการเรียนพิเศษนอกจาก บันทึกประจำวัน หรือ ไดอารี่แล้ว  ฉันก็แทบไม่เคยได้เขียนอะไรอีก  

                   ****************************

    จนปัจจุบันนี้  ฉันได้กลับมาทำในสิ่งที่ฉันรักอีกครั้ง   ในที่ที่เป็นที่สำหรับฉัน  มีคนที่อีกหลายคน ที่พร้อมจะอ่านงานของฉัน  แม้มันจะไม่ดีเลิศ  แต่ทุกชิ้น มันคือความตั้งใจของผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง

    ฉันกลับไปที่โรงเรียนครั้ง ล่าสุด เมื่อชั้นมัธยม ครูสำราญได้ลาออกไปแล้ว และฉันก็ไม่รู้จะสามารถติดต่อ เธอได้อีก อย่างไร  ฉันจึงได้แต่เขียน เขียน และ เขียน

    เพราะทุกครั้งที่ฉันได้เขียนงาน สักชิ้น เพื่อให้ใครอ่าน มันคล้ายกับว่า ฉันกำลังเขียนงาน เพื่อส่งให้แก่ครูสำราญที่รักของฉันอ่าน  และ ความสุขของเด็ก ป.4 คนนั้น ก็จะยังคงอยู่ จวบจนวันนี้


              ~~~~แด่ ครู สำราญ~~~~

                        หนูรักครู ค่ะ  

                                         หนุงหนิง

    แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 46 01:46:02

    จากคุณ : *แชมพู* - [ 7 ส.ค. 46 01:33:52 ]