กระทั่งพลาลี่เลิกคิดจะเอะอะโวยวายอันใดแล้ว ผู้สวมผ้าคลุมดำก็ยังไม่มีท่าทีจะกล่าวสิ่งไรด้วย หลังจากที่ถูกโยนลงในกะบะรูปทรงประหลาดคล้ายสังข์หงายขนาดยักษ์ ก็เพียงได้แต่นั่งฝืนตัวไม่ให้ล้มกลิ้งไปข้างใดข้างหนึ่ง สายตาที่พอจะโผล่พ้นขึ้นมาได้นิดเดียวเห็นได้เพียงไม้ประธานค่อยๆ ห่างไกลออกไปด้านหลัง จะชะโงกมองไปข้างล่างว่ามาไกลถึงไหนแล้วนั้นสุดคิด จึงได้แต่มองตรงไปยังสลุปเปอร์ที่ตนพ่วงท้ายอยู่ด้วย อย่างไม่รู้จะทำอะไรอื่น
นี่ท่าน
เอ่อ
ท่านจะเป็นใครก็ช่างเถอะนะ
.แต่ว่าไอ้สลุปเปอร์ของท่านเนี่ยไปขุดมาจากสุสานหรือขโมยมันมาจากพิพิทภัณฑ์ไหนกัน
ข้าว่ารุ่นที่ท่านใช้อยู่นี่มันมีเหลืออยู่แต่ในภาพสลักโบราณแล้วไม่ใช่หรือ ผู้ถูกลักพาไม่รู้สึกตัวว่าสามารถเปล่งเสียงออกมาได้เมื่อไร แต่ก็พยายามรักษาถ้อยคำให้สำรวมพอเหมาะสำหรับการได้รับอิสระเพิ่งขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
นาวากาศที่ลุยอยู่เบื้องหน้า มีรูปร่างคล้ายกระดานโต้คลื่น หากเทอะทะกว่ากันมาก ส่วนที่นั่งแทนที่จะเป็นอานอย่างที่วัยรุ่นอย่างพลาลี่นิยม ก็กลับเป็นกูบกัลปังหาสีดำทึม คดงอแต่ก็คล้ายดัดให้กลายเป็นตั้งทรงเตี้ยมีพนักพิงและเท้าแขนเสร็จสรรพ มุกดาสองสายถูกโยงจากส่วนหน้าของยานแลคล้ายสายบังเหียนบังคับสัตว์มากว่าจะใช้บังคับทิศทางของนาวากาศได้ และส่วนประกอบทั้งหมดก็มีเพียงแค่นั้น กำลังขับเคลื่อนคงมาจากมหามนตราบทใดบทหนึ่งของผู้แกร่งเวทคาถาเป็นแน่ คิดมาถึงตรงนี้ชายผู้มีร่างลายพรางสีเขียวก็หดหัวลงในสังข์หงายอันใช้เป็นเรือพ่วงนั่นโดยไม่รู้ตัว
..ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าตนเห็นภาพข้างหน้าอย่างแจ่มชัดได้อย่างไร
รูปร่างแบบบางคล้ายสตรีเช่นนี้ แต่กลับมีพลังเวทกล้าแข็งขนาดสามารถบังคับนาวากาศได้นี่
เราหมดสิทธิ์ตอแย
เฮ้อ
มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย
.
เขาแทบจะเอาหัวโขกกับเปลือกหอยยักษ์ด้วยความโมโหตัวเอง
ขณะกำลังจะตั้งท่าเพื่อสงบสติตนเอง ก็รู้สึกเหมือนถูกเหล็กร้อนๆ จี้เข้าที่สะโพกจนถึงกับสะดุ้ง กลิ่นไหม้คลุ้งขึ้นจมูก พร้อมกับมีเกล็ดหิมะเย็นเฉียบปลิวมากระทบใบหน้าหลายแห่งจนต้องชะเง้อออกมามองหาเหตุการณ์ภายนอกอีกครั้ง
เฮ้ย!!!
นี่เรากำลังอยู่กลางฝูงเทโพไลท์ตาไฟ
ท่าน
ท่านเสียสติไปแล้วฤ
แล้วชายหนุ่มก็รู้สึกว่าแขนขาถูกวัตถุนุ่มหยุ่นงอกออกมาจากสังข์ยึดไว้อีกชั้นหนึ่ง จนไม่สามารถโผล่หัวออกมาพ้นเปลือกหอยได้อีก สลุปเปอร์ของผู้ลักพาเร่งความเร็วพร้อมกับแล่นฉวัดเฉวียนหลบหลีกฝูงปลาอากาศนั้น บางครั้งถึงกับม้วนตัวตีลังกาจนชาวไพรแทบวิงเวียน คราวหนึ่งกลุ่มเมฆสีขาวผ่านสายตาไป จนครั้งที่สองครั้งที่สามจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
จะมีเมฆขาวๆ อะไรได้ในตอนกลางคืน
ในครั้งที่สี่ จึงฝืนใจจับตามองให้ชัด
พราโนม!!!!
.นั่นมันลามู
.ท่าน
ท่าน
.นั่นเพื่อนข้าเอง
ช่วยเพื่อนข้าด้วย
เขาออกอุทาน คำ พราโนม แทนการเรียกหาพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกผู้ในซีอี28 ถูกสอนให้เชื่อในเทพฮิวแมมนุสส์เท่าเทียมกับการสอนให้เชื่อมันในถิ่นฐานบ้านเกิด ขนาดลูกครึ่งอย่างสคริพยังต้องอุทาน พราโนมซาฮาล ให้ได้อย่างสม่ำเสมอจนคล่องปาก
นาวากาศสีขาวคลายผลึกน้ำแข็งลอยลำนิ่งเพราะผู้บังคับยานกำลังวุ่นวายกับการวาดวงแขนสร้างเกราะกำบังตนจากรังสีตาไฟของเทโพไลท์ เกราะขาวใสกรุ่นไอเย็นพลันระเหิดระเหยทุกครั้งเมื่อโดนปะทะเพียงครั้งเดียว อาการเหลียวซ้ายแลขวาป้องกันตัวจึงแลทุลักทุเลยิ่งนัก
ท่าน
ท่าน
.ช่วยลามูด้วย
นั่นเพื่อนข้าเอง
.จะพานางไปกับเราด้วยก็ได้นะ
พลาลี่โพล่งออกไปด้วยไม่รู้จะหาคำใดมากล่าววิงวอน
CeCeCeCeCeCeCeCeCe
กอดเอวข้าให้แน่นๆ นะสไปร์ท เดี๋ยวจะตกลงไป
ผู้มีร่างลายพรางสีปูนแดงกล่าวขึ้นลอยๆ
อภิโธ่!
.สคริพ
.ต่อให้ข้ากระโดขึ้นมายืนขาเดียวบนหัวเจ้า แล้วตีลังกาหกสูงสักสามสี่รอบก็ไม่มีทางหล่นลงไปหรอก
.นี่น่ะหรือที่คุยนักคุยหนาว่าเป็นของขวัญที่ท่านผู้เฒ่าแห่งซาฮาลส่งมาให้หลานชายสุดที่รัก
..ข้าว่าท่านแซนซาร่าคงไม่รู้จะเอามันไปทิ้งที่ไหนมากกว่า
.
ชาวน้ำร่างเล็กสยายผมยาวสลวยออกอาบแสงดาว มันล้อรับกับแสงนั้นจนแลระยิบระยับคล้ายท้องน้ำสะท้อนแสงดาว
ข้าก็เพิ่งรู้นี่แหละนะ ว่าพอเดินทางติดต่อกันนานๆ แล้วมันจะอืดขนาดนี้
งั้นเจ้าให้ข้ากอดเอวเจ้าทำไม
ก้อ
อะนะ
แหม
.ข้าก็ไม่เสียหายอะไรนี่นะสไปร์ท
ก็ใช่น่ะสิเจ้าบ้า!!
เฮ้ยนั่นมันพรายน้ำที่ท่านกระเบนวาฬราริกพ่นออกมานี่นา
.งั้นก็หมายความว่า
เรามาผิดทาง
แล้วผู้กุมคันบังคับก้หักเลี้ยวมาทางขวาทันทีพร้อมกับโยนความผิดให้คนซ้อนท้าย
ข้าบอกแล้วให้ส่องไฟให้ตรงทาง เจ้าส่องไปทางไหนข้าก็ขับไปทางนั้น
เฮ้อ!..แล้วก็พาข้ามาหลงทางจนได้
อย่ามาหาเรื่องใส่ความกันดีกว่าเจ้าหางแดง
.ใครๆ ก็รู้ว่าแค่ตั้งลำให้ตรงกับภาคภูฟ้าเมนาลักซ์แล้วขับไปตรงๆ
ยังไงซะเราก็ต้องไปถึงฝั่งโน้นจนได้
ตกลงว่าไม่ใช่ความผิดของเจ้างั้นสิ
ก็เออซิ!
.
ชาวน้ำแทบเอาไฟฉายในมือฟาดศรีษะคนข้างหน้า
ทั้งคู่ไม่มีทางรู้เลยว่า ทุกปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเกี่ยวเนื่องกับอาการผิดปกติของไพพาร่าพยากรณ์ ซึ่งหมายถึงความคลาดเคลื่อนของวันคืนที่ผลึกแห่งแสงเป็นผู้มองให้ชาวอีซีทั้งมวล
ทีนี้เราจะทำยังไงจึงจะไม่หลงทาง
วิชาดูดาวของเจ้ากับเข้าก็ออกจะเก่งกล้าสามารถพอกันซะขนาดนี้
คนซ้อนท้ายประชดถาม
ข้าว่าตอนนี้เราหลุดมาถึงกึ่งกลางหุบเหวกากบาทแล้ว
เจ้าบองกางแขนออกซิ คนขับออกคำสั่ง
ข้าถือไฟฉายอยู่ คนหลังแย้ง
ไม่ต้องใช้แล้ว
ไม่ใช่รึ
กางแขนออกเถอะน่าสไปร์ท น้ำเสียงคราวนี้เป็นการเป็นงานจนคนตั้งท่าจะเถียงต้องทำตาม
ฟังข้านะชาวน้ำ
.หากตรงหน้านั่น
.เห็นไหม..แสงขาวที่กระพริบๆ เป็นจังหวะอยู่นั่นเป็นประภาคารของชาวภูฟ้า
.ด้านแขนขวาของเจ้าก็ต้องเป็น
แสงสีเหลืองของประภาคารภาคพราโนม
.
ทั้งคู่หันไปมองขวามืออย่างไม่มั่นใจนักว่ามันเป็นแสงนิ่งของประภาคารหรือจากดาวเคราะห์ดวงอื่นใดกันแน่ ชาวไพรจึงเอ่ยขึ้นอีก
ดังนั้นทางซ้ายมือก็ต้องเป็น แสงสีแดงกระพริบของประภาคารฝั่งภาคซาฮาล
นั่นไง
.เห็นไหม
นั่นหละแสงจากฝั่งป่าทราย
สองหนุ่มสาวเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมกัน
ขอให้ข้าพึ่งเจ้าได้ไปตลอดรอดฝั่งเถอะนะสคริพ
ชาวน้ำร่างเล็กเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง
เมื่อตั้งลำตรงสู่ภาคภูฟ้าเมนาลักซ์ได้ ทั้งสองจึงได้เห็นว่าสภาพอากาศไกลออกไปจนสุดฉากหลังของแสงจากประภาคารตรงหน้านั่น แปรปรวนหนัก มีสายฟ้าแล่นแปลบปลาบไปมาอยู่ตลอดเวลา กระทั้งฟ้ายังส่งเสียงคำรามอึงอล จนน่าหวั่นใจ
จากคุณ :
DEGAGE
- [
8 ส.ค. 46 06:51:12
A:203.121.131.38 X:203.121.146.139
]