หอพัก 4 (ติดกับดัก)

    ตอนที่ 1 (วันแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2356397/W2356397.html


    ตอนที่ 2(คืนแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2366829/W2366829.html

    ตอนที่ 3 (ผู้มาเยือนยามวิกาล)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2374824/W2374824.html

    ตอนที่ 4(ห้องพักอาจารย์)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2385361/W2385361.html

    +++


    Psycho man ไม่ว่างครับ เลยฝากให้ GTW มาวางเรื่องแทน
    พี่แกเป็นโรคใจง่าย (พักนี้อาการกำเริบหนัก)เลยมีโรคแทกซ้อนคือโรคสำออย เลยมาวางเรื่องไม่ได้
    ฮี่ๆๆ


    ตอนนี้ตอนที่ 5 แล้ะนะครับ ที่บอกในกระทู้ว่าตอนที่ 4 ผิด (เพราะนายไซโคคนเดียว ฮึ่ม.....บอกรายละเอียดไม่ชัด หน้าแตกเลย)

    ความตอนที่แล้ว

    เด็กสาวหนีความน่ากลัวเข้าไปในห้องพักของอาจารย์ แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก

    เด็กสาวนั่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนค่อยๆลุกขึ้นเดินอย่างแผ่วเบา ระวังไม่ให้เหยียบเศษแก้ว ตรงไปยังประตูบานนั้นซึ่งจู่มันก็หยุดการสั่นไหวลงเหมือนมีมือซึ่งมองไม่เห็นมาจับเอาไว้

    ในห้องไม่มีใครอยู่เลย เตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้งเก่าๆดูน่ากลัวมากกว่าจะเป็นเครื่องประดับ มีเทียนเล่มสีดำสองเล่มจุดตั้งอยู่บนเชิงเทียนโบราณ  ตู้หนังสืออยู่ชิดผนังห้อง แต่กลางห้องมีประตูตรงพื้นห้องเล็กๆพอลอดลงไปได้ และตอนนี้เปิดอ้าอยู่ แสงไฟบางอย่างสีเหลืองซีดตัดไอหมอกลอยกรุ่นขึ้นมาจากช่องสีเหลี่ยมอันเต็มไปด้วยความลี้ลับ
    ++


    แสงไฟสว่างวูบวาบอยู่ด้านล่าง บันใดเล็กๆทอดยาวลงไปด้านล่าง ก้มลงมองก็เห็นอะไรไม่ชัดเพราะหมอกประหลาดบดบังจนลางเลือน และประหนึ่งว่ามีพลังอำนาจอย่างหนึ่งชักนำเชิญชวนให้ก้าวลงไปพิสูจน์อะไรบางอย่างด้านล่าง เสียงอันไร้สรรพสำเนียงเรียกร้องเชิญชวนให้ก้าวลงไปยังช่องทางลับนั้น

    ทั้งที่กลัวแสนกลัวจนแทบจะกลายเป็นประสาทชาด้าน แต่เด็กสาวไม่มีทางเลือกเหลืออยู่  ขืนอยู่ในห้องนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรที่น่ากลัวจะมาเยือนอีก ลงไปข้างล่างอาจยังพอมีทางออกสู่โลกภายนอกได้บ้าง เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนว่าตกอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่ปรากฏอยู่บนโลกมนุษย์

    ด้วยขาสั่นระริก เธอค่อยก้าวลงบันไดไม้เล็กๆอย่างช้าๆ กลิ่นแปลกๆอบอวนอยู่ในอณูอากาศเหมือนกลิ่นขึ้ผึ้งปนกำมะถันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ และยังคล้ายมีกลิ่นสาบสางเหมือนกำลังก้าวลงไปในหลุมฝังศพอันว่างเปล่าอ้างว้าง

    เด็กสาวพอจะเดาออกว่าห้องนี้คงเป็นห้องอยู่ชั้นที่สอง อาจารย์แม่มดคงอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงานบางอย่างยึดครองห้องด้านล่างและดัดแปลงเป็นห้องอะไรสักอย่าง

    ห้องชั้นล่างตามผนังห้องประดับไปด้วยตะเกียงโบราณแบบติดผนังเรียงรายรอบบริเวณ บริเวณห้องดูสะอาดไม่รกรุงรังอย่างที่คิด แสงตะเกียงซีดเหลืองอาบผนังและตู้แบบเก่าๆจนดูเหมือนกำลังอยู่ในสุสาน หมอกสีขาวปนเหลืองดูเหมือนว่ามันจะลอยขึ้นมาจากพื้นห้องนี่เอง บิดตัวไหลรินโอบล้อมเข้ามาอย่างเชื่องช้าด้วยความรู้สึกมุ่งร้ายอันเยือกเย็น

    ตู้ลงรักขนาดใหญ่วางขวางกลางห้อง นึกไม่ออกว่าตู้ใหญ่ขนาดนี้ขนเข้ามาในห้องได้อย่างไร บางทีอาจารย์อาจจะสั่งไม้เข้ามาประกอบในห้องก็เป็นไปได้ มันกว้างจนแบบกั้นห้องออกเป็นสองส่วนแต่ยังมีช่องเดินแคบๆพอจะอ้อมไปด้านหลัง และแสงไฟบางอย่างสั่นไหววูบวาบอยู่ด้านหลังเลยข้ามตู้ขึ้นมา เหมือนมีใครบางคนถือตะเกียงเดินอยู่แถวนั้น แต่ใครกันล่ะอยู่ตรงนั้น เด็กสาวพยายามมองในแง่ดีว่าอาจจะเป็นอาจารย์คนนั้นก็ได้

    ในตู้ใบนั้นมีหนังสืออยู่หลายเล่ม หน้าปกมีอักษรแปลกๆซึ่งอ่านไม่มีรู้เรื่องเพราะไม่คุ้นตาเลยสักนิดว่าเป็นอักษรของชนชาติใด บางเล่มมีหน้าปกวาดเป็นรูปสัตว์ร้ายรูปร่างวิกลวิการซึ่งดูแล้วบอกไม่ได้ว่าอยู่ในไฟลั่มไหน มองดูหนังสือพวกนั้นอย่างงงๆ ก่อนจะหันเหความสนใจไปยังด้านหลังตู้นั้น

    แต่ก่อนจะอะไรต่อไปก็มีเสียงดังโครมด้านบนสนั่นหวั่นไหวจนสะดุ้งสุดตัว พอเงยหน้ามองดูจึงพบว่าประตูพื้นห้องซึ่งเปิดอยู่กลับปิดลงมาอย่างไม่น่าเป็นไปได้

    เด็กสาวใจหายวาบ ทางออกซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางออกชัดเจนทางเดียวถูก “ใคร” หรือ “อะไร” บางอย่างปิดมันลงราวกับจะปิดทางหนี พอได้สติเด็กสาวก็ปีนบันใดขึ้นไปลองผลักประตูไม้นั่นดู และเป็นไปอย่างที่คิดไม่มีผิด .. มันปิดสนิทแนบแน่นชนิดไม่สั่นหวั่นไหวต่อการออกแรงผลักจนสุดกำลังแม้แต่น้อย ราวกับด้านบนถูกทับไว้ด้วยก้อนหินขนาดยักษ์

    นึกเสียใจว่าไม่น่าลงมาเลย แต่ถ้าไม่ลงมาจะไปไหนล่ะ จะออกจากประตูห้องพักของอาจารย์ก็ไม่ได้เพราะมันล็อคตาย....ตอนนี้เหลือทางเดียว ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น

    ปีนลงมามองหาอาวุธสักอย่างพอให้อุ่นใจ แต่ก็ไม่มีอะไรพอจะใช้เป็นอาวุธได้ และถึงได้มีดหรือไม้สักท่อน ก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปใช้กับ”อะไร” เหมือนกัน

    “อาจารย์คะ......”

    ลองเรียกดูด้วยเสียงค่อนข้างดัง เสียงเรียกนั้นก้องกังวานในห้องซึ่งเงียบงันซึ่งไม่ว่าใครก็ตามอยู่บริเวณนั้นต้องได้ยินแน่นอน แต่กลับปราศจากเสียงขานรับแม้แต่น้อย

    มีเสียงดังเหมือนใครบางคนถอนหายใจดังแว่วออกมาจากที่ใดที่หนึ่งอย่างจับทิศทางไม่ได้ แต่ทำให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง เด็กสาวพยายามตั้งสติ รวบรวมกำลังใจเรียกขวัญซึ่งกำลังจะโบยบินหนีหายไปในความเวิ้งว้างเร้นลับกลับมาอีกครั้ง เพราะไม่อย่างนั้นอาจเสียสติได้ง่ายๆ กับสถานการณ์แบบนี้ เธอนึกถึงคุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง เราไม่ใช่คนบาป ชีวิตนี้ไม่เคยทำร้ายใครสาหัสสากรรจ์ เราไม่ควรมีเจอแบบนี้ คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยเถิด... ทำไมลูกต้องตกมาอยู่สถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้

    เมื่อบอกกับตนเองว่าพร้อมแล้ว จึงค่อยๆอ้อมตู้ซึ่งขวางทางอยู่ ไปยังด้านหลังอันน่าสงสัยนั้นอย่างระมัดระวัง

    ไม่อยากมองเต็มตาแต่ก็ต้องมอง

    หลังตู้ขนาดใหญ่นั้นเป็นเตียงนอนหรูหรา   และบนเตียงนั้นใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย แสงตะเกียงโบราณสาดส่องจับไปยังใบหน้าของร่างนั้นเห็นชัดเจน

    ใบหน้านั้นหลับตาพริ้ม แต่พอเห็นเต็มตาเด็กสาวก็ถึงกับสมองลั่นเปรี๊ยะ.. ดาวนับร้อยนับพันกระจายเต็มหน้า พื้นห้องเหมือนหมุนติ้วจมดิ่งลงไปข้างล่างอย่างไม่หยุดยั้ง เข่าอ่อนจนเซไปปะทะกับตู้ด้านหลังดังตึง...สมองมึนงงอย่างไม่รู้วิธีจะจัดการอย่างไรกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า

    ต่อให้ร่างนั้นนอนหลับตา ก็จำได้ชัดเจนว่า เป็นคนเดียวกับร่างซึ่งเห็นเดินออกมาจากเงาไม้เข้ามาในหอพักตอนช่วงหัวค่ำก่อนจะหายไปจากสายตาอย่างไร้วี่แวว.. เป็นร่างเดียวกับเด็กสาวซึ่งผลุดขึ้นมาจากเตียงในห้องพักพร้อมกับอาการดิ้นรนอยู่บนกองเลือด ไม่มีทางเป็นใครอื่นได้อย่างเด็ดขาด

    แต่ตอนนี้เธอนอนนิ่งอยู่ในห้องนี้

    แสงตะเกียงไหววูบวาบ แรเงาบนใบหน้าขาวซีดนั้นประหนึ่งว่าขนตากำลังขยับไหวเหมือนคนกำลังจะลืมตาขึ้นมา เด็กสาวพยายามบังคับให้ตัวเองเบือนหน้าหนี แต่อะไรบางอย่างกลับตอกตรึงสายตาเธอจับจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาไปได้

    ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่...แล้วเธอเป็นใครกัน ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่ หรือว่าเป็นเพียงภาพหลอน คำถามมากมายผลุดขึ้นมาในความคิดประเดประดังจนสมองพองโตแทบระเบิดด้วยความสงสัยและความกลัวจนสุดบรรยาย  พาลให้นึกถึงภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่นว่าจู่ๆเธอค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร ช่วงนั้นเด็กสาวรู้สึกว่ากาลเวลาถูกตอกตรึงปักสนิทแน่นิ่งเนิ่นนาน

    ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บแปร๊บที่ต้นแขนซ้าย หันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ และด้วยสัญชาติญาณ ใช้มืออีกข้างปัดโดยแรง

    อาจารย์แม่มดผงะออกไป เข็มฉีดยาหลุดจากมือกระเด็นตกลงไปยังพื้นแตกละเอียด ใบหน้าของอาจารย์แม่มดตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน รอยย่นบนใบหน้าเหมือนเป็นรอยแตกแยกร่องลึกใยแมงมุมมากกว่าควรจะเป็น ดวงตารี่เรียวเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหมายขวัญ รอยแสยะยิ้มบนใบหน้าดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกลายเป็นแม่มดไปแล้วจริงๆ

    “หัวแข็งมากนะ..”

    เสียงของแกก็แหบพร่าและเต็มไปด้วยความโกรธแค้นผสมกับความเย้ยหยัน

    “ที่แรกฉันกะว่าจะวางยาเธอ แต่ดันไม่ยอมดื่มเลยต้องใช้วิธีนี้”

    “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ อาจารย์...”

    เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายร้องถามเสียงสั่น ถอยหลังไปจนปะทะกับขอบเตียงอย่างไม่รู้ตัว คนที่ควรจะปกป้องคุมครองกลับกลายเป็นคนมุ่งร้าย แล้วนี่เธอถูกด้วยยาอะไรกันแน่ทำไมสมองมันถึงหมุนติ้วอย่างนี้ ดังนั้นพอถอยไปชนกับเตียงเลยล้มพลิกคว่ำหน้าลงไปบนร่างผู้ซึ่งนอนนิ่งอยู่นั้น

    เด็กสาวหวีดร้องสุดเสียงเมื่อล้มทับลงไปใส่ร่างเย็นซีดเหมือนคนตายนั้น แรงกระแทกคงทำให้เส้นเอ็นของร่างนั้นเกิดการหดตัวกะทันหัน มือที่เคยวางราบแนบลำตัวจึงงอข้อศอกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นเตียงปลายนิ้วเหยียดชี้เหยียดตรงขึ้นไปทางเพดาน มองเผินๆ ดูเหมือนกับว่าร่างนั้นยกมือขึ้นมารับร่างของเด็กสาวซึ่งกำลังดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดอันแห่งความตายน่าสะพรึงกลัว

    พยายามดันตัวออกจากวงแขนแข็งทื่อแต่เรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนหมด ใบหน้าของเธอตะแคงห่างจากใบหน้าซีดขาวของร่างบนเตียงอย่างหมดทางดิ้นหนีไม่กี่นิ้ว ใบหน้านั้นจะหันมาหาเธอเองหรือเป็นเพราะแรงอันเกิดจากการดิ้นรนก็ไม่ทราบทราบได้ แต่ที่แน่ๆใบหน้านั้นค่อยๆสั่นตามแรงดิ้นรน หันกลับมาหาเธอ เปลือกตากระตุกไปมาแล้วลืมตาโพลงค้างจ้องมองมาแน่วนิ่งอย่างปราศจากแวว

    ดวงตาและใบหน้าคนตายชัดๆ จ้องมองมาห่างออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

    สิ้นเสียงร้องครั้งสุดท้าย ความรู้สึกของเด็กสาวก็พังทลายครืนลง กลายเป็นความมืดดำปกคลุมไร้ขอบเขต

    +++++

    ราวชั่วกัปชั่วกัลป์

    “พี่คะ..”

    เสียงใสๆคล้ายแว่วมาจากที่ใกลแสนไกล ราวเป็นโลกแห่งความฝัน เสียงเพรียกเรียกหาจากความมืดมนอนธการ

    ใครกันเรียกเรา ทำไมมันมืดอย่างนี้

    แล้วลำแสงสีขาวพลันปรากฏขึ้นมา ณ จุดใดจุดหนึ่งของม่านแห่งความมืดแล้วขยายใหญ่ขึ้นทุกที ลำแสงซึ่งคล้ายเป็นถนนสายสีขาวทอดยาวมาจากความมืด

    หนูน้อยคนนั้นนั่นเอง มือยังอุ้มตุ๊กตาหมีตัวโปรด ใบหน้าน้อยนั่นน่ารักไร้เดียงสาและเป็นมิตร นั่นดูเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อยตัวเองก็ยังไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว

    ก้มลงจับบ่าเล็กๆอย่างดีใจเมื่อหนูน้อยเดินเข้ามาใกล้

    “ทำไมหนูมาอยู่ที่นี่เหรอจ๊ะ...”

    เด็กสาวถาม จ้องมองนัยน์ตาใสคู่นั้นอย่างจะค้นหาความจริง บางทีเด็กคนนี้อาจบอกอะไรบางอย่างที่มีประโยชน์ก็เป็นได้

    “มันตามจับตัวหนู”  เด็กน้อยว่า แววตามีแววหวาดกลัววูบหนึ่ง
    “แต่มันยังจับตัวหนูไม่ได้หรอก หนูวิ่งเร็วและรู้วิธีหลบหลีกมันเป็นอย่างดี สมน้ำหน้ามันด้วยล่ะ...นานมากแล้วที่มันพยายามจับตัวหนูแต่มันก็ยังทำไมได้”

    “อะไรที่ตามจับตัวหนูจ๊ะ”  เด็กสาวถามอีก

    “มันมาจากข้างล่างค่ะ มาจากความมืด มันเข้ามาอยู่ในหอพักนี้ รอเวลาที่จะมีอำนาจยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ถึงตอนนั้น มันคงจำตัวหนูได้......”

    แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 46 11:35:49

    แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 46 11:30:34

    จากคุณ : GTW - [ 9 ส.ค. 46 11:27:11 ]