ETERNIA SAGA ภาค กู้รัก...กู้บัลลังค์ ตอนที่ 2 ความฝัน.....ความจริง

    วัลดาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆและเหลียวมองดูโดยรอบ  เธอพบว่าตนเองยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นที่ใด  ด้วยหมอกที่ลงจัดปกคลุมทั่วบริเวณจนเธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความขมุกขมัวของสายหมอก

    "ที่นี่ที่ไหนกัน?"  หญิงสาวครางอย่างหวาดหวั่น  บรรยากาศช่างหนาวเย็นและเงียบวังเวงเหลือเกิน

    "มีใครอยู่บ้างไหม?"  วัลดาตะโกนถาม  หากไร้ซึ่งคำตอบ  เธอกลับได้ยินแต่เสียงสะท้อนของตัวเธอเองไกลออกไปเรื่อยๆ

    วัลดายืนนิ่งอย่างอับจนหนทางด้วยไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหนจึงจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้
     
    ตึก....
    ฉับพลันหญิงสาวก็ได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่าง  เบามากจนเธอไม่แน่ใจว่าตนเองหูฝาดไปหรือเปล่า?

    ตึก.....
    อีกแล้ว  วัลดามั่นใจว่าเธอไม่ได้หูฝาด  มีเสียงจริงๆ  แต่เป็นเสียงอะไรกัน?

    ตึก.....
    เสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  วัลดารู้ว่านี่เป็นเสียงฝีเท้าของใครบางคน   มีใครคนอื่นนอกจากเธออยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?

    ตึก.....
    เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา  วัลดารีบหันไปยังต้นเสียง  เงาดำตะคุ่มๆค่อยๆเลื่อนเข้ามา  เธอตกใจเล็กน้อยแต่เมื่อเพ่งมองดีๆจึงรู้ว่าเป็นเงาคน  ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนพอจำแนกได้ว่าเป็นบุรุษหาใช่อิสตรี  ทำไมเงานั้นช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน  วัลดาใจเต้นไม่เป็นส่ำ  ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาพร้อมๆกัน  สมองหยุดการสั่งการได้แต่ยืนนิ่งรอคอย  เมื่อถึงระยะ  เงานั้นก็ไม่ใช่เงาอีกต่อไป  แต่เป็นบุรุษร่างสูงโปร่ง  เรือนผมสีเงินยาวประบ่าหากมัดไว้อย่างลวกๆ  ดวงตาสีม่วงสวยมีเสน่ห์อย่างลึกลับแต่ตอนนี้กลับว่างเปล่าไม่สะท้อนสิ่งใด  ริมฝีปากเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง  ดวงหน้างดงามราวเทพสวรรค์ชั้นฟ้า  ดวงหน้าที่เงียบขรึมเย็นชาอยู่เป็นนิตย์  ดวงหน้าที่เฝ้าถวิลหาทุกลมหายใจ.........

    “ท่าน!!!”  หญิงสาวเบิกตากว้าง  น้ำตาไหลพรากด้วยความปลื้มปิติ  ร่างบางรีบวิ่งถลาเข้าไปสวมกอดบุรุษตรงหน้านั้นทันที

    “ท่านกลับมารับข้าใช่มั้ย?”  ไร้คำตอบ  หากวัลดายังคงยิงคำถามใส่อย่างไม่ลดละ

    “เซียร์ล่ะ?  นางเป็นอย่างไรบ้าง?  ได้โปรดพาข้าไปพบนางเถอะ  นางเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า  ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตข้าต้องช่วยนางให้ได้!!!”  วัลดาอ้อนวอนทั้งน้ำตา  คำพูดนั้นเด็ดเดี่ยวบอกชัดว่าเธอเอาจริง  หากบุรุษนั้นยังคงนิ่งเงียบ

    “ทำไมท่านไม่พูดอะไรสักคำ?”  วัลดาร้องไห้หนักขึ้น  “เพราะข้ามันน่ารำคาญนักหรือ?  ใช่สิ  ข้ามักคอยเป็นตัวถ่วงท่านเสมอ  สู้รบกับใครไม่ได้  ข้ามันไม่มีประโยชน์.....”  น้ำเสียงสะอื้นฮัก  “ท่านก็เลยขับไล่ข้ากลับเฟรเดการ์ใช่มั้ย?”

    “.............”  

    วัลดาแค่นหัวเราะ  “เสียใจด้วยนะ  ถึงท่านจะพาข้าวาปไปปล่อยถึงชายแดนอเดลาร์ด  ข้าก็ต้องหาทางกลับมาที่คาสตาเมียร์ให้จงได้!!!”   หญิงสาวหอบเล็กน้อยและก้มหน้านิ่งราวกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้เต็มที่

    เกิดความเงียบขึ้นเป็นเวลานาน  วัลดาเงยหน้าขึ้นสบตากับบุรุษตรงหน้าด้วยดวงตาที่อ่อนโยน

    “ข้า.....พอจะเข้าใจว่าทำไมท่านถึงทำแบบนี้”  เธอยิ้ม  ลางสังหรณ์แห่งเฟรเดการ์มักถูกต้องเสมอ  และนั่นทำให้เธอพอจะเข้าใจอะไรๆดีขึ้น

     “และดีใจมากที่ท่านเป็นห่วงข้า  เพราะนั่นแสดงว่าท่านรักข้ามากเพียงใด”  แววตาเจือแววเศร้า  

    “แต่...ทำไมท่าน......ไม่ถาม....ความเห็นข้า....สักคำ?”  น้ำใสๆร่วงพรูลงมาตามแก้มเนียน

    “ทำไม...ไม่สนใจ....ความรู้สึก......ของข้าบ้าง?”

    บุรุษผมเงินยังคงนิ่งเงียบราวรูปสลัก  เขาค่อยๆก้าวเดินต่อไปโดยไม่สนใจหญิงสาวแม้แต่น้อย  

    “เดี๋ยว!!!”

    วัลดาเอื้อมมือคว้าแขนเสื้อหมายรั้งอีกฝ่าย  แต่มือของเธอกลับผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉยๆราวกับสัมผัสอากาศธาตุ  วัลดางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก  ไม่ว่าเธอจะพยายามสักกี่ครั้งผลก็เหมือนเดิม  ร่างของบุรุษค่อยๆจางลง  เขากำลังจะจากไปแล้ว

    “ไม่นะ!!!”  วัลดาร้องเรียกด้วยหัวใจที่ปวดร้าว

    ******************************************************************************
     
    “ไม่นะ!!!”  

    หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นทันที  เธอค่อยๆยันกายลุกขึ้นหอบฮัก  ดวงหน้าเปรอะเปรื้อนไปด้วยคราบน้ำตา  เธอเหลียวมองรอบๆอย่างงุนงง

    “แค่ฝันหรอกหรือ?”  

    วัลดายกมือขึ้นแตะจี้นิลเล็กๆรูปหยดน้ำเจียรไนที่เธอสวมใส่  สิ่งที่ใครคนหนึ่งเคยมอบให้เธอเมื่อนานแสนนานมาแล้ว......

    ก๊อก.....ก๊อก

    บานประตูค่อยๆเปิดออก  เนียน่าก้าวเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มกว้าง  ในมือประคองถาดอาหารส่งกลิ่นหอมฉุย

    “อรุณสวัสดิ์จ้ะ”  หญิงชราส่งเสียงทักทายเบิกบานหากก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นหญิงสาวยืนเหม่อมองทิวทัศน์อยู่ริมหน้าต่างและร้องไห้เงียบๆ  เนียน่าวางถาดอาหารลงและเดินไปแตะไหล่เธอจากด้านหลัง

    “ เจ้า....เป็นอะไรหรือเปล่า?”  เนียน่าหยิบผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้วัลดาอย่างแผ่วเบา  “มีอะไรที่ข้า....พอจะช่วยได้มั้ย?”

    “อีกนานไหมคะกว่าข้าจะหายดี?”
     
    “อีกไม่นานหรอกจ้ะ  ทำไมหรือ?”  เนียน่าพยายามปรับเสียงให้ร่าเริงเพื่อให้หญิงสาวคลายเศร้า

    “ข้าอยากกลับคาสตาเมียร์...”

    เนียนาเบิกตากว้าง  
    “คาสตาเมียร์!!!  ด้วยสภาพร่างกายอย่างนี้น่ะหรือ?  ข้าว่าค่อนข้างเสี่ยงมากนะ  เจ้าไม่ควรเดินทางไปไหนไกลๆด้วยสภาพอย่างนี้”

    “สภาพอย่างนี้?  ทำไมคะ?”  วัลดาถามด้วยความงุนงง  “ก็ท่านบอกว่าอีกไม่นานข้าก็หายดี”

    “นี่เจ้ายังไม่รู้ตัวหรือ?”  เนียน่ามีสีหน้าประหลาดใจ

    “เรื่องอะไรคะ?”

    “เจ้า....กำลังท้อง”  

    “ท้อง!?!  ข้าน่ะรึ?”

    “ใช่  เพิ่ง 3 เดือนเท่านั้น  ท้องอ่อนๆแต่ควรดูแลระมัดระวังให้ดี”

    วัลดาหน้าซีดเผือด  ร่างกายซวนเซแทบทรุดลง  ดีที่เนียน่าประคองไว้ทัน

    “ทำไม...ในเวลาแบบนี้...?”

    “วัลดา  วัลดา  เจ้าเป็นอะไรไป?”  เนียน่ามีสีหน้าตื่นตกใจ  

    “โฮลแมน   โฮลแมน  มานี่เร็ว!!!”  เสียงตะโกนเรียกดังลั่นบ้าน  ตามด้วยเสียงตึงๆของฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาอย่างรีบเร่ง

    ประตูเปิดผัวะ  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้น  ปราดเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีน้ำตาลนั้นฉายแววตระหนก

    “เกิดอะไรขึ้น!?!”

    “วัลดาอาการไม่ดี  เจ้าเข้ามาดูนางหน่อยสิ”

    “ไม่..”  หญิงสาวปฎิเสธน้ำเสียงอ่อนล้า “ข้าไม่เป็นไร  แค่..ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น”

    “อย่างน้อยให้โฮลแมนเขาดูอาการเจ้าก่อนเถอะนะ”  เนียน่าอ้อนวอนด้วยรู้สึกใจไม่ดีที่หญิงสาวหน้าซีดเต็มที

    “ให้นางนอนพัก  แล้วนี่เจ้ากินอะไรไปบ้างหรือยังล่ะ?”  ประโยคแรกพูดกับสตรีสูงวัย  หากประโยคต่อมากลับถามร่างบางซึ่งหน้าซีดแทบไม่มีสีเลือด

    “ยังเลย  ข้าเพิ่งยกอาหารเข้ามาเมื่อครู่นี้เอง”  เนียน่าพยุงวัลดาไปที่เตียงและตอบคำถามเสียเอง

    “ข้ายังไม่หิว...”  ปฎิเสธเสียงเบาหวิว

    “ต้องกิน  เจ้าร่างกายอ่อนเพลียมาก  หากไม่กินอะไรเลยจะยิ่งแย่”  น้ำเสียงแกมบังคับหากแฝงแววเป็นห่วง

    เนียน่ายกซุปมาป้อนให้วัลดา  นางฝืนกินไปเรื่อยๆ  โดยไม่รับรู้รสชาดเลยแม้แต่น้อย

    โฮลแมนลากเก้าอี้มานั่งตรงปลายเตียง  สีหน้าดูยุ่งยาก  เขารวบรวมความกล้าสักพักจึงเอ่ยถามหญิงสาวในสิ่งที่ค้างคาใจ

    "เอาล่ะ"  โฮลแมนถอนใจแรง  "ที่นี้  เจ้าพอจะเล่าเรื่องของตัวเองให้พวกเราฟังได้ไหม? ว่าเป็นยังไงมายังไงถึงไปสลบอยู่ที่นั่น"

    "นั่นสิ  แล้วอีกอย่างนะ  สามีเจ้าล่ะ  เขาไม่ได้มาด้วยกันหรือ?"  เนียน่าโพล่งถามออกไปทันที  โฮลแมนหันมาส่งสายตาปรามๆ

    "คือ...สามีของข้า...เขา..เขา..เอ่อ..."  วัลดาน้ำตาคลอ  เมื่อนึกถึงด้านหลังของบุรุษในความฝัน  จะบอกพวกเขาอย่างไรดี  จะพูดความจริงทั้งหมดออกไปเลยดีไหม  พวกเขาก็เป็นคนดีนะ  แต่...จะเชื่อเธอหรือ  ในเมื่อเรื่องราวไม่ใช่ธรรมดาเอาเสียเลย

    วัลดานิ่งเงียบ  เนียน่าเห็นดังนั้นจึงตีความไปอีกอย่าง

    "โถ..น่าสงสารจริง  เป็นม่ายตั้งแต่ยังสาวแบบนี้  เจ้าคงคิดถึงเขามากสินะ"  แล้วเนียน่าก็เข้ามาโอบกอดเธออย่างปลอบโยน

    วัลดากระพริบตาปริบๆด้วยรู้สึกงุนงงอยู่ชั่วครู่จึงรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดไปไกล  "มะ..ไม่ใช่...คือ..."  แล้วเธอก็ต้องชะงักค้าง  ให้พวกเข้าใจไปอย่างนี้ก้อดีเหมือนกัน  เพราะเธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี  และนี่อาจจะเป็นโอกาส......

    "คือ...ข้าไม่มีที่ไป  ขออาศัยอยู่ที่นี่สักระยะได้ไหมคะ?"  วัลดาอ้อนวอนด้วยใจระทึก  ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร  ตัวเธอในตอนนี้คงใช้พลังอีกไม่ได้แน่ๆ

    "เจ้าไม่มีญาติพี่น้องเลยหรือ?"  โฮลแมนถามอย่างไว้ที

    "ไม่..."  วัลดาหน้าเศร้าเพราะนี่คือความจริงที่มักตอกย้ำเธออยู่เสมอ "ไม่มีเลย..."

    "ให้นางอยู่ไปเถอะน่า  ชั้นสองยังมีห้องว่างอีกไม่ใช่รึ  นางน่าสงสารออก  เจ้าก็อย่าใจไม่ไส้ระกำไปนักเลย"  เนียน่าตัดสินใจแทนเจ้าของบ้านให้เสร็จสรรพ

    โฮลแมนถอนใจเฮือก  ด้วยรู้ว่าขืนไปขัดใจเพื่อนต่างวัยคนนี้เข้า  เขาคงโดนบ่นอีกยืดยาวแน่ๆ  เผลอๆอาจจะถึงขั้นทำร้ายร่างกายก็เป็นได้  ดังนั้นจึงได้แต่ทำใจยอมรับ  "ก็ได้  อยู่จนกว่าจะหายดีแล้วกัน"  

    วัลดายิ้มขอบคุณ  ส่วนเนียน่าตบบ่าหมอหนุ่มป้าบใหญ่จนเขาแทบล้มหน้าคะมำ  "ต้องอย่างนี้สิ  เพื่อนยาก!!!"  

    โฮลแมนยิ้มเจื่อนพร้อมกับเริ่มนึกเสียใจขึ้นมาหน่อยๆที่มารู้จักกับเนียน่าแถมยังเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกันเสียอีก    


    จากคุณ : ~Mizora~ - [ 9 ส.ค. 46 12:35:49 A:203.147.0.42 X:203.156.25.246 ]