นิยายรัก...อย่าให้เขารู้(17 ..อวสาน )

    17. อวสาน

    หลังจากที่ส่งต้นฉบับ ครั้งสุดท้ายเรียบร้อย  ความรู้สึกของฉันแบ่งเป็น 2 ทาง

    ทางแรก  ถ้าหากฉันโชคดี  คทาอภัยให้ฉัน  ฉันจะไม่โกหก  หรือ ปิดบังอะไรเขาอีกเลย  ฉันพอใจแล้วที่จะเป็นเพียง แม่บ้าน ที่มีหน้าที่หลักและหน้าที่เดียวคือ ดูแลบ้าน และครอบครัวให้มีความสุข  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของสามีฉันจะยอมทำทุกอย่าง โดยไม่บิดพลิ้ว หรือมีปัญหาอะไรอีกเลย

    ส่วนอีกทางหนึ่งของความคิด  ถ้าฉันไม่ได้โชคดีอย่างนั้น คทาไม่ให้อภัยฉัน เขาโกรธ และเกลียดที่ฉันโกหก และปกปิดความจริงทั้งหมดไม่ให้เขารู้  ฉันก็ควรจะไปจากชีวิตเขา  เพื่อเขาจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่มีคุณสมบัติแม่บ้านที่ดีอย่างแท้จริง และฉันจะไม่อ้อนวอนให้เขาเห็นใจหรือยกโทษให้ เพราะความผิดของฉันมันมากมายเกินกว่าที่จะกล้าอ้อนวอนใดๆ

    ฉันเดินขึ้นไปจัดกระเป๋า เอาเสื้อผ้า และของเท่าที่มันเป็นของฉันเท่านั้น ฉันถอดแหวนเกลี้ยง ที่เป็นแหวนแต่งงาน ออกจากนิ้วกลางข้างขวา ภาพแห่งความสุขมากมาย ประเดประดังเข้ามาในความคิด  เสียงนาฬิกาบนหัวเตียงรูปพระจันทร์เสี้ยวดัง บอกเวลาเป็นเพลงรัก  ใกล้เวลาที่คทาจะกลับมาแล้ว ฉันเอากระเป๋าไปใส่ไว้ท้ายรถ  และเดินเข้าครัว เพื่อทำอาหารว่างให้เขาเหมือนปกติ

    เสียงรถแล่นเข้าบริเวณบ้าน  ฉันออกไปรับสามีสุดที่รักตามปกติ  ฉันไม่กล้ามองใบหน้าของเขา   ฉันส่งกระเป๋าให้จิตาไปเก็บ  จิตาเดินเลี่ยงไปที่บ้านใหญ่  ฉันเดินเข้าไปในครัว  คทาเดินตามเข้ามา  ความเงียบมาเยือนอย่างน่าอึดอัด

    ฉันเลื่อนถ้วยใส่รากบัวลอยแก้วให้เขา   คทากล่าวขอบคุณเสียงแผ่วเบา

    เสียงถอนใจ ของคทาดังหนักหน่วง  ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขาครั้งแรก
    “ปิ่น  ทำไมคุณไม่บอกผมตั้งแต่แรก” เขาพูดประโยคแรกในที่สุด
    “ปิ่นขอโทษค่ะ” ฉันกล่าวขอโทษและก้มหน้า น้ำตาไหลพรูอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฉันพยายามเช็ดและกลั้นสะอื้นไว้  ฉันไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันจะเอาน้ำตามาเป็นเครื่องมือขอให้เขายกโทษ หรือเห็นใจ
    “คุณทำให้ผมอึดอัด  บอกไม่ถูก คุณบอกผมหน่อยสิ ผมควรดีใจ หรือเสียใจ”ฉันนิ่งเงียบ  ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร  ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ได้แต่ก้มหน้านิ่ง พยายามกลั้นน้ำตา และหายใจอย่างรำเค็ญเหลือเกิน   คทาลุกขึ้น  เดินตรงมาเกาะไหล่ฉันไว้แน่น  
    “คุณน่ะใจร้ายมากนะ  แถมเจ้าเล่ห์มากด้วย” เขาก้มลงมา พูดข้างหูของฉัน  ฉันนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าขยับตัว    คทานิ่งเงียบไปนาน  อยู่ๆ เขาก็ หอมที่แก้มของฉัน ฟอดใหญ่   ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างตกใจ
    “อ้าว มองผมทำไม  กลัวจำหน้าผมไม่ได้เหรอ” คทายิ้มพราย  นั่งบนส้นเท้า เอามือจับหน้าฉันอย่างเอ็นดู
    “คนเก่ง  ทำไมขี้แงล่ะครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ
    “คุณไม่โกรธ ปิ่นเหรอคะ”  ฉันถามอย่างประหลาดใจ  ไม่แน่ใจว่าเขาคิดยังไง

    “คุณจะให้ผมโกรธคุณเรื่องอะไร”  เขาถาม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
    “คุณยังไม่ได้รับต้นฉบับเหรอคะ” ฉันถามอย่างงุนงง  เขาลุกขึ้น นั่งบนเก้าอี้
    “ได้รับแล้ว”  เขาตอบ เอื้อมมือ  ตักน้ำแข็งลงในแก้ว รากบัวลอยแก้ว
    “แล้วทำไม!!”  ฉันหยุดพูด เพราะไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไร
    “คุณจะให้ผมโกรธคุณเรื่องอะไรล่ะ ” ท่าทางของคทาตอนนี้ น่าหมั่นไส้ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา เขายิ้มเหมือนจะเยาะทำท่าเหมือคนที่เพิ่งได้รับชัยชนะจากการแข่งขันอะไรซักอย่าง    ฉันเดาอารมณ์ของเขาไม่ถูกเอาเสียเลย
    “ก็เรื่องที่ปิ่นปิดบังความจริง ไม่บอกคุณว่า ปิ่นเป็นคนเดียวกับปีนเกลียว”
    “อือใช่  ผมสมควรจะโกรธคุณ เพราะคุณทำให้ผมกังวลใจกับเรื่องนี้ หลายวัน แล้วมีเรื่องอะไรอีกที่ผมควรจะโกรธคุณ”  เขาถามอย่างเรียบเฉย เหมือนกำลังไต่สวนคดีความ
    “เรื่องที่ปิ่นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด” ฉันก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
    “ใช่ๆ เรื่องนี้อีกเรื่องนึง ผมควรโกรธคุณ”  เขาพูดเหมือนเห็นพ้องต้องตามกับสิ่งที่ฉันพูด    
    “แล้วทำไมคุณไม่โกรธปิ่นล่ะคะ ท่าทางคุณดูมีความสุขมากเชียว” ฉันพูดอย่างเหลืออด แต่ไม่ได้แสดงกิริยาอะไร
    “เอาล่ะๆ  มาว่ากันทีละเรื่องเลยดีกว่า” คทาจูงมือฉัน ไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น
    “เรื่องที่คุณไม่บอกความจริงกับผม เรื่องนิสัยที่แท้จริงของคุณ ผมไม่คิดว่า ผมควรจะโกรธ ใครเป็นผมก็น่าจะดีใจ  คุณรักผมขนาดยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองมากมายขนาดนั้น  ผมยังจะมีหน้าไปโกรธคุณได้ไง  ผมซะอีกไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อคุณเลย  คุณเองยังไม่เคยคิดจะโกรธผมเลย ความจริงเรื่องนี้ ผมรู้มานานแล้วว่าตัวตนของคุณเป็นยังไง แต่ในเมื่อทุกวัน ผมเห็นคุณมีความสุขดี ผมก็เลยแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น “ คทาพูดน้ำเสียงจริงจัง
    “คุณรู้!!  คุณรู้ได้ยังไงคะ รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันถามอย่างงุนงง

    “ผมรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอคุณที่งานของ ชุติมา  มีหลายคนในวงการหนังสือพูดถึงคุณ  เพราะคุณคือมือขาย ที่หลายเล่มอยากได้ตัวมาร่วมงาน
    “คุณเห็นปิ่นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหรอคะ   ไม่น่าเชื่อ” ฉันงงไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่
    “ผมไม่ได้เห็นเองหรอกครับ คนอื่นๆ ชวนให้ผมดู” เขายิ้มอย่างจริงใจ
    “ผมเห็นคุณครั้งแรก ก็พอจะมองออกว่า คุณมีบุคลิก นิสัยยังไง ตอนที่อรมาบอกผมเรื่องคุณ ผมยังสงสัยเลย ว่าคนเดียวกันไหม  และอาจจะเพราะความอยากรู้ด้วยว่า  คุณจริงจังกับเรื่องนี้จริงอย่างที่อรบอกหรือเปล่า” เขาจ้องหน้าของฉัน เหมือนจะถามคำถามนั้นอีกครั้ง  ฉันอึ้ง ไม่รู้จะตอบว่าอะไร
    “แล้วคุณก็พิสูจน์ให้ผมเห็นถึงความรักที่แท้จริงของคุณ  คุณยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อผมมากมาย  คุณต้องเป็นทุกข์และลำบากเพื่อผมแค่ไหนกันนะ” คทาดึงฉันไปกอดแน่นเหมือนเป็นการขอโทษ และปลอบโยน
    “ไม่เลยค่ะ ปิ่นไม่ได้มีความทุกข์หรือลำบากกับสิ่งที่ทำเลย ปิ่นมีความสุขมาก มีความสุขตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้คุณ” ฉันซุกตัวบนอกอุ่น เหมือนจะแทรกเข้าไปให้ได้มากที่สุด เพื่อซึมซับความรักที่เขามีให้
    “ใช่  ท่าทางคุณมีความสุขมาก จนผมวางใจ  แต่..” คทาชะงักคำพูดนิดนึง
    “แต่อะไรคะ” ฉันดันตัวออกห่าง จนสามารถมองหน้าเขาได้ชัดเจน
    “แต่ ผมมารู้สึกผิด และสับสน ตอนที่รู้ว่าคุณเริ่มเขียนหนังสืออย่างจริงจัง” เขาพูดอย่างครุ่นคิด เหมือนกำลังย้อนความรู้สึกไปในอดีต
    “ เรื่องนี้คุณก็รู้แล้วเหรอคะ” ฉันตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเขารู้ทุกเรื่องที่ฉันทำหมดแล้ว
    “ใช่ ผมรู้ตั้งนานแล้ว  รู้ตั้งแต่แรกๆ ที่คุณเริ่มลงมือเขียน  เวลาที่คุณคุยกับผม คุณก็จะทำท่าเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ บางทีคุณยังเคยหยุบสมุดมาจดนั่นจดนี่  แล้วที่สำคัญ แรกๆ คุณชอบ

    ทำงานค้างไว้ในเครื่อง บางตอนยังไม่จบ คุณก็เก็บไว้ในเครื่อง  ผมก็ได้อ่านอยู่หลายครั้ง” เขาพูดยืดยาว
    “แล้วทำไมคุณไม่บอกปิ่นล่ะคะ ปล่อยให้ปิ่นกังวลใจอยู่ได้ตั้งนาน” ฉันตัดพ้อ
    “ตอนแรกผมนึกว่าคุณเขียนเล่นๆ ไม่จริงจังอะไรนัก    แต่พอผลงานคุณประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม  ผมต้องกลับมาคิดแล้วว่า  ความสุขของคุณคืออะไรกันแน่ ทุกวันที่คุณอยู่กับผม คุณมีความสุขดีหรือเปล่า  ผมว่า เวลาคุณคิดนั่นคิดนี่ ดูมีสีสันดีนะ คุณเองก็มีอะไรทำเรื่อยๆ ไม่เบื่อ  แล้วงานที่คุณเขียนก็ดูน่าสนใจดี  ผมไม่อยากให้ความสุขของคุณหมดไป ผมควรปล่อยให้คุณทำอะไรอย่างที่คุณอยากทำบ้าง” เขาหัวเราะอย่างร่าเริง แต่สังเกตถึงความจริงใจในคำพูดได้ชัดเจน
    “แต่คุณเคยว่า ปีนเกลียว ซะเยอะแยะ  ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่าเป็นปิ่น คุณเจตนาหลอกว่าปิ่นนี่หน่า” ฉันแกล้งแง่งอน  คทายิ้มแล้วดึงฉันไปโอบอีกครั้ง
    “ก็ต้องให้สมจริงหน่อยสิครับ มีภรรยาเป็นนักเขียนฝีมือดีผมก็ต้องทำตัวเป็นตัวประกอบไปด้วยสิครับ” ฉันค้อนขวับให้วงใหญ่
    “ตกลงว่า เรื่องนี้ก็หมดปัญหาไปแล้วนะครับ  แต่ในฐานะที่คุณปกปิดผมมาตลอด  คุณต้องโดนทำโทษด้วย  ไม่งั้นอีกหน่อยคิดจะมีความลับอะไร กับผมอีก ต้องทำโทษให้หลาบจำ” เขาพูดเสียงเข้ม
    “โธ่ แค่นี้ ปิ่นก็จะแย่แล้วล่ะค่ะ ไม่กล้าคิดอีกแล้วล่ะค่ะ” ฉันโอดครวญ
    “ไม่ได้ครับ  ต้องทำโทษ  จะได้เข็ดจริงๆ ซะที” เขายังยืนยันคำเดิม
    “ก็ได้ค่ะ คุณจะให้ปิ่นทำอะไรล่ะคะ ปิ่นยินดีทำทุกอย่างค่ะ” ฉันรับคำโดยดี
    “คุณต้องเขียนเรื่อง เพื่อลงในหนังสือของผม ทุก 3 เดือน  ผมคิดว่าจะทำเรื่องของคุณเป็นเล่มเล็ก แนบไปพร้อม โพสโมเดิร์น   เพราะหลังจากคุณเขียนเรื่องมาลง ยอดขายก็เขยิบขึ้น

    และกลุ่มผู้อ่านก็ขยายไปในแนวกว้างมากขึ้น” เขาเว้นวรรคเหมือนรอคำตอบ  ฉันพยักหน้า
    “โดยคุณจะได้ค่าเรื่องตามปกติ เหมือนคุณทำงานให้อร  และคุณจะเขียนเรื่องให้ใครไม่ได้ นอกจากอร และโพสโมเดิร์น  อันนี้ต้องทำเป็นสัญญานะครับ เพราะเราทำธุรกิจในรูปแบบบริษัท ไม่งั้นจะมีปัญหาภายหลังได้” เขายังคงพูดต่อและเว้นวรรคเช่นเดิม  ฉันพยักหน้าอีก
    “ส่วนหลังจากเล่มนี้ตีพิมพ์ คงมีทั้งคนเข้าใจและไม่เข้าใจมากมาย  ผลที่ตามมาคือ อาจจะมีหลายคนอยากทราบความเป็นมาเป็นไป  เราสองคนจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ปล่อยให้แต่ละคนคิดกันไปเอง ใครจะว่ายังไงปล่อยเขาไป” เขาเว้นวรรคอีก  ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย
    “ตกลงตามนี้นะครับ ส่วนเรื่องอื่น คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรไหม  อยากมีเวลาทำอะไรนอกจากนี้ไหมครับ ยกเว้นกลับไปทำงาน” เขาเน้นเสียงหนักแน่น ตรงประโยคสุดท้าย
    “ไม่หรอกค่ะ เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ปิ่นก็มีความสุขมากแล้ว  ปิ่นไม่ต้องการอะไรอีกแล้วค่ะ   แค่คุณอนุญาตให้ปิ่นเขียนหนังสือต่อไป ก็เพียงพอแล้วค่ะ”ฉันโน้มคอเขาลงมา บรรจงหอมที่แก้มอย่างประจบ และขอบคุณ

    วันนี้  หนังสือโพสโมเดิร์น ฉบับที่ฉันสารภาพความจริงทั้งหมด วางแผงวันแรก จิตารายงานเรื่องโทรศัพท์ที่มีเข้ามาที่บ้านอย่างไม่ขาดสาย  เลขาส่วนตัวของสามีของฉัน ก็บ่นในทำนองเดียวกัน   ท้องฟ้าใสๆ กับทะเลสวยๆ บนเกาะงดงามในภายใต้ของเมืองไทย ทำให้ฉันและคทารู้สึกสดชื่น และมีความสุขที่สุด   เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น
    ฉันมองหมายเลขที่ปรากฏ
    “อรค่ะ” ฉันหันไปบอกสามีที่นอนเล่นอยู่ข้างๆ  เขายิ้มกว้าง พยักหน้าเหมือนอนุญาต
    “สวัสดีจ๊ะอร” ฉันส่งเสียงสดใส ทักทายเพื่อนรัก
    ต่อไปนี้ฉันจะใช้ชีวิตปกติธรรมดาซะที  ไม่มีความลับใดๆ อีกต่อไป

    จากคุณ : วรา - [ 10 ส.ค. 46 22:50:51 A:202.133.164.116 X: ]