@~~*-* ^^'' แค่หัวใจ...ที่เปลี่ยนไป^^''*-*~~@

    “เราหย่ากันเถอะ  พัท“  หญิงสาวที่ยืนเอาหน้าแนบกระจกหน้าต่างบานเล็ก ๆ เหม่อมองออกไปด้านนอกตัวบ้านอย่างเซ็งๆ ร่างเล็กบางในชุดแซกสั้นสีดำทำให้ร่างเล็ก ๆ นั้นยิ่งดูเล็กลงไปอีก

    ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าคมเข้ม ดวงตายาวรีดุ ไม่มีร่องรอยของความแปลกใจฉายให้เห็นเสียด้วยซ้ำ เค้านั่งดื่มกาแฟอยู่ไม่ห่างจากที่เธอยืนนัก ชายหนุ่มแค่วางกาแฟลงก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้างต่างบานเล็ก ๆ  

    หญิงสาวหันมาสบตาชายหนุ่มตรง ๆ  ดวงตาคู่สวยคู่นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ หากแต่มันก็เปล่งแสงแห่งความเบื่อหน่ายชัดเจนออกมาเต็มทีเช่นกัน

    “หย่ากันไปเสียที รั้งไว้ก็จะทำให้เราเจ็บปวดทั้งคู่”

    “ใครกันแน่ที่เจ็บปวด ดล หรือ ผม” ตาคู่ดุมองมา หญิงสาวถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยปากต่อ

    “ก็ทั้ง พัท และ ดล แหละ 5 ปีแล้วนะ พัท ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยระหว่างเรา ดล เองก็รู้ดีว่า พัท ทน ดล มากแค่ไหน อย่ารั้งไว้อีกเลย ถึงเราไม่หย่ากันตอนนี้ อีกไม่นานเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี” หญิงสาวเดินมานั่งประจันหน้ากับชายหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี บนโซฟาตัวยาวสีดำ

    อาพัทธ์ มองเมินไปที่กรอบรูปที่ตั้งอยู่บน ชั้นตั้งโชว์ของกระจุกระจิกที่วางอยู่ข้าง ทีวี  กรอบรูปที่มีรูปถ่าย สามคน พ่อ แม่ ลูก ยืนยิ้มสดใสให้กล้อง เค้ายังจำวันนั้นได้ดีเหมือนมันเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เลยทีเดียว วันแห่งความสุข และความรัก แต่ในวันนี้ …. วันแห่งความร้าวฉาน

    “ยาย ปาล์ม นะ ให้อยู่กับคุณยายไปก่อน” หญิงสาวพูดถึงลูกสาวที่ตอนนี้อยู่ในการดูแลของคนเป็นแม่ของเธอที่ ภูเก็ต “พัท จะรั้งรออีกทำไม ในเมื่อเราแยกกันอยู่มานานเกือบปีแล้วนะ อีกอย่าง มันก็เป็นการดีไม่ใช่เหรอ ที่พัท จะได้เป็นโสดอีกครั้ง”

    “ดีงั้นเหรอ ดล” เสียงที่ดังกลับมาเหมือนจะตวาดกลาย ๆ หากแต่คนที่นั่งอยู่ไม่ได้สนใจ เพราะคุ้นชินกับสภาพนี้เสียแล้ว “ดลว่า ดีงั้นเหรอ ที่ผม จะได้เป็นโสด ผมไม่เห็นว่ามันน่าดีใจตรงไหนเลย ในเมื่อทุก ๆ อย่าง ดล ก็เป็นคนจัดการให้มันเป็นไปทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเรื่องยัยปาล์ม หรือเรื่องที่เราต้องแยกกันอยู่นี่” อาพัทธ์ ลุกขึ้นยืนและเหลือบตามองผู้หญิงที่เคยได้ชื่อว่าภรรยาของตัวอย่างสะกัดกั้นอารมณ์เต็มที

    “พัท ก็รู้ว่ามันต้องมีวันนี้”

    “ใช่สิ และไอ้ที่ผมรู้อีกอย่างก็คือ ไอ้หนุ่มน้อยหน้ามนคนใหม่ของคุณไง ดล นายวีร์ รุ่นน้องผมที่เป็นนักดนตรีในบาร์ผมไง ใช่ไหมล่ะ ดล ก็ไอ้เรื่องนี้แหละที่ทำให้คุณดิ้นรนหนักหนาที่จะหย่ากับผม” อาพัทธ์มองหน้าอดีตภรรยาของตน ทีซีดลงเมื่อเค้าพูดจบ

    ดลลชา ตกใจกับประโยคที่ อดีตสามีพูด เธอไม่นึกว่าเค้าจะรู้ แต่ก็นั่นแหละ เค้ารู้จนได้ ถึงไม่รู้วันนี้ก็ต้องรู้ในวันหน้าอยู่ดี หญิงสาวปรับสีหน้า ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่แคร์

    “นั่นก็เป็นสาเหตุด้วยเหมือนกัน” เธอตอบไม่เต็มเสียงนัก

    “สาเหตุใหญ่เชียวแหละ” เค้าต่อให้อีกอย่างประชดประชัน

    “ตามใจ พัทอยากคิดว่าไรก็ตามใจ แต่อย่างไร ดล ก็ขอ หย่าอยู่ดี” เธอบอกอย่างไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ก่อนจะรวบกระเป๋าถือตรงหน้าไว้ พร้อมที่จะออกไปจากบ้านทุกเมื่อ

    “ผมหย่าให้คุณได้ แต่มีข้อแม้ว่า น้องปาล์ม ต้องอยู่กับผม” ประโยคนี้ทำให้คนที่กำลังหันกลับออกจากประตูบ้านไปชะงักก่อนจะหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับคนที่ตัวสูง ตาดุที่ยืนจ้องอยู่ แต่ก่อนจะได้เอ่ยปากค้านอะไรออกมา เค้าก็ชิงพูดเสียก่อนว่า

    “ถ้าไม่ได้ยายปาล์มมาอยู่ด้วย ผมจะไม่ยอมหย่า ทั้งสิ้น อีกอย่าง ถึงคุณจะไปฟ้องร้อง ก็ตามใจผมจะสู้ทุกวิถีทางที่จะให้ลูกได้มาอยู่กับผม” อาพัทธ์ พูดจบก็เดินออกจากห้องรับแขกไปในทันทีไม่รอยฟังเสียประท้วงจากอดีตภรรยาเลยสักนิดเดียว

    ดลลชา มองตามแผ่นหลังกว้างที่เธอเคยซบอิง และอุ่นเป็นหนักหนาในอ้อมกอดกว้างอุ่นนั้น หากบัดนี้มันกลับว่างเปล่า และ หนาวเย็นในความรู้สึก หญิงสาวรีบเดินตามคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตสามีไปทันที

    “อย่างไร ยัยปาล์ม ต้องอยู่กับ ดล” เธอบอกเมื่อเดินตามเข้าไปทันชายหนุ่มที่ห้องอาหารเล็ก ๆ น่ารักของบ้าน เจ้าของบ้านหันมามองเหมือนมองคนแปลกหน้าก่อนจะแค่นยิ้มจาง ๆ

    “คุณว่า ศาลจะตัดสินว่าอย่างไร ถ้ารู้ว่า แม่ของเด็กกำลังจะแต่งงานใหม่กับหนุ่มน้อยอายุอ่อนกว่าน่ะ ดล คุณน่าจะรู้กฎหมายดีนะ ก็ในเมื่อคุณอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนมานี่หน่า”

    ดลลชานิ่งอึ้งเพราะถูกย้อนด้วยประโยคที่เจ็บพอสมควร เหตุผลที่เข้าพูดมันถูกทุกอย่าง และต้องเป็นเช่นนั้นแน่นนอนถ้าเธอแต่งงานใหม่กับ ประวีร์ หญิงสาวจนด้วยคำตอบจึงเงียบไป

    จากคุณ : เปียร์รุส - [ 11 ส.ค. 46 23:06:02 ]