คําสาปรัก บทที่ 3 ต่อ

    ต่อจากความตอนที่แล้ว

    เธอจ้องมองคลื่นที่โหมเข้ามากระทบแนวฝั่งและหน้าผาสูงแห่งนี้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเล่าให้เขาฟังต่อไป…ว่า…

    “เขาและเธอรักกันมากและให้สัญญาว่าจะรักกันเช่นนี้ตลอดไป แต่เขาเป็นนักรบ เขาจําเป็นต้องออกไปต่อสู้เพื่อรักษาแผ่นดินที่เขารัก เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาจะจากเธอไปเพื่อสู้รบ เธอจะคอยเฝ้าคอยดูเขาจากดวงไฟที่เธอเนรมิตขึ้นมา เธอจะเห็นเขายอดดวงใจของเธอบนหลังม้าท่ามกลางไฟสงครามและความตาย ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และเมื่อมันเสร็จสิ้นเขาจะกลับมาหาเธอ ขี่ม้าตัวสวยงามข้ามหุบเขากลับมาหาเธอเสมอ   หล่อนทอเสื้อคลุมให้เขาจากด้ายดิบสีเทาเข้มสีเดียวกับดวงตาของเขาและใช้เวทมนตร์ที่มีอยู่ของเธอปลุกเสกลงบนเสื้อคลุมตัวนั้นเพื่อเป็นยันต์คุ้มครองเขาจากสงครามและการสู้รบ”

    “คุณกําลังจะบอกผมว่า เธอเป็นแม่มดอย่างงั้นหรือ”

    “ใช่คะ เธอเป็นแม่มดที่มีอํานาจและเวทมนตร์ที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษของเธอ  มันอยู่ในสายเลือดของเธอ และเธอจะต้องให้คําสัตย์ปฏิญาณต่ออํานาจที่เธอมีอยู่และคําสัตย์นี้จะต้องมาจากส่วนลึกจากหัวใจเธอเท่านั้นที่จะยอมรับกับโชคชะตาของเธอและมันก็เท่าเทียมกับสัญญารักที่เธอมอบให้แก่เขาที่มันมาจากหัวใจเธออย่างแท้จริง  เธอจะต้องซื่อตรงต่อคําปฏิญาณของเธอว่าจะไม่ทําร้ายผู้ใดทั้งสิ้นด้วยเวทมนตร์คาถาที่เธอมีอยู่ อํานาจที่เธอมีอยู่
    เธอต้องใช้มันเพื่อช่วยเหลือและรักษาผู้อื่นเท่านั้น  แต่ก็ไม่ทุกคนที่รักษาคําสัตย์ปฏิญาณของตน และมีผู้ได้รับอํานาจอยู่คนหนึ่งที่ไม่รักษาสัตย์ที่ตนให้ไว้ เขาใช้มันเพื่อเพิ่มพูนอํานาจที่เขามีอยู่และเขามีความสุขที่ได้ใช้มันเหมือนกับใช้ดาบที่หิวกระหายต่อเลือดและการทําลายร้างเท่านั้น”

    หล่อนสั่นระริกด้วยความกลัวในหัวใจ จากนั้นก็เล่าต่อ

    “ ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า อลัวแดร์ เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในตัวผู้หญิงคนหนึ่ง  ปรารถในร่างกาย  ในหัวใจ และจิตวิญญาณของเธอ และเขาต้องการอํานาจของเธอด้วยเช่นกันเพราะเธอมีพลังอํานาจที่แข็งแกร่ง เธอผู้นี้ที่เขาต้องการก็คือ บริอาน่าผู้รอบรู้เขาลักขโมยเข้ามาในความฝันของเธอ พยายามที่จะขโมยอะไรบางอย่างที่เธอมอบให้ผู้อื่นไปแล้ว  พยายามที่จะครอบครองในสิ่งที่เธอไม่ต้องการจะให้

    เขาเข้ามาหาเธอ  ณ ที่แห่งนี้แต่เธอไม่ต้องการเขา อลัวแดร์มีรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างดีสีผมของเขาเป็นสีทองแต่ดวงตาของเขาดําสนิทเหมือนกับมนตร์ดําที่เขาฝึกฝน เขาคิดปรารถนาที่จะได้เธอมาครอบครองหวังว่าเมื่อเธอเห็นหน้าเขามันอาจจะทําให้เธอต้องการเขา แต่เธอปฎิเสธเขาอย่างไม่ใยดี”  

    หล่อนกําราวหินไว้แน่นและหัวใจของเธอมันสั่นสะท้าน

    “ความโกรธเคืองจากการปฎิเสธของเธอมันมหาศาล ความโอหังของมันอยู่ในจิตวิญญานมันวางแผนที่จะฆ่าชายคนที่เธอรัก ท่องมนตร์ดําของมันพยายามจะสะกดชายอันเป็นที่รักของเธอด้วยเวทมนตร์คาถาแต่เสื้อคลุมที่เธอทักทอให้เขาและความรักที่เธอมอบให้เขาป้องกันเขาจากมนตร์ดําอันชั่วร้ายจาก อลัวแดร์

    แต่มันยังมีอีกหนทางหนึ่งที่จะล่อหลอกและทําลายร้าง และ อลัวแดร์ใช้มันเพื่อทําลายร้างความรักของเขาและเธอ มันเข้ามาในความฝันของเคลิน ทําให้เคลินเห็นการทรยศของบริอาน่ากับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา ทําให้เคลินเห็น บริอาน่าพลอดรักกับชู้รักของเธอ และภาพที่เขาเห็นมันทรมานจิตใจของเขา เคลินขี่ม้าสีดําสง่างามข้ามหุุบเขามาที่ปราสาทแห่งนี้เพื่อเผชิญหน้ากับเธอ เขากล่าวหาเธอทันที”

    “เธอยังมีศักดิ์ศรีและทิฐิมานะอันแรงกล้า”

    บริอาน่าเล่าต่อหลังจากที่หยุดไปชั่วขณะ

    “หล่อนไม่ปฎิเสธคํากล่าวหาที่ไม่เป็นจริงของเขา เขาและเธอทะเลาะกันอย่างรุนแรงเจ็บปวดและเสียดแทงใจ ความโกรธมีอํานาจเหนือหัวใจรักที่มีต่อกันเสียแล้ว และ อลัวแดร์รอคอยที่จะมีโอกาสได้จู่โจม เฝ้าคอยอยู่ในความมืดหัวเราะเยาะเมื่อเห็นเขาและเธอใช้วาจาทําร้ายซึ่งกันและกัน เมื่อ เคลินฉีกกระชากเสื้อคลุมของเขาออกจากตัวขว้างมันลงตรงหน้าของเธอ อลัวแดร์ฉวยโอกาสเข้าปะทะเขาทันที เลือดของเขาไหลลินซึมเข้าไปในหินผาผ่านเข้าไปสู่พื้นแผ่นดิน”  

    นํ้าตาคลอเบ้าเมื่อเธอเล่าจบ แต่เธอไม่ได้ปล่อยให้มันไหลหยดลงมาเมื่อหันกลับมาเผชิญหน้าเขา

    “ ความเสียใจทําให้เธอไม่ระวังตัวเธอรีบร้อนท่องมนตร์คาถาปล่อยออกมาเป็นรัศมีวงกลมเพื่อป้องกันเขาจากอันตรายแต่บาดแผลของเขามันสาหัสนักและเขาไม่ขยับเขยื้อนตอบรับใดๆ เขากําลังจะตาย หล่อนรับรู้ได้แต่เธอไม่อยากจะยอมรับมัน เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับ อลัวแดร์ “

    เสียงของหล่อนกึกก้องแข่งกับเสียงคลื่นที่โหมกระหนํ่ามาจากท้องทะเลเหมือนกับว่าเธอคือผู้หญิงที่อยู่ในเรื่องราวที่เธอเล่าให้เขาฟังอยู่ในขณะนี้

    “จากนั้นผนังของปราสาทแห่งนี้สั่นสะเทือนเหมือนกับมันกําลังโกรธขึ้นมา ด้วยพลังอํานาจแห่งเธอที่มันแผ่กระจายออกมา หล่อนยืนอยู่ข้างหน้ายอดดวงใจของเธอเพื่อป้องกันเขาจากอันตรายใดๆและจู่โจมหํ่าหั่นกับศัตรูของเธออย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดอีกแล้ว ทันใดนั้นท้องฟ้าเริ่มปั่นป่วนเสียงฟ้าร้องคํารามก้อง เมฆดําลอยมาบดบังพระจันทร์สีขาวที่ขึ้นเต็มดวงและดวงดาวทั้งหลายที่กระจายอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบนจนมืดมิด ท้องทะเลโหมกระหนํ่ากระทบเข้า
    หาฝั่งอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับนักรบที่วิ่งเข้าหาข้าศึกอย่างไม่กลัวตาย พื้นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง    

    ในรัศมีวงกลม เคลินอ่อนแอและรู้ตัวดีว่าเขากําลังจะตายเอื้อมมือไปที่ดาบของเขา แต่ดาบของเขาป้องกันอะไรไม่ได้เมื่อต่อสู้กับเวทมนตร์คาถา มันอ่อนแอและช่างมืดมนนักนอกจากมันจะต่อสู้ด้วยพละกําลังเท่านั้น ในหัวใจและจิตวิญญานของเขา เขาเรียกหาเธอ เพิ่งจะเข้าใจถึงความไม่เชื่อมันในตัวเธอกระจ่างแจ้งในความโง่ของเขาเอง รวมทั้งความมีทิฐิมานะและศักดิ์ศรีของเขาทําให้เขาตาบอดมองไม่เห็นความจริง แต่มันสายไปแล้ว เขาเรียกชื่อเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจจากเธอไป และเมื่อเขาตายจากเธอ หัวใจของเธอมันแตกสลายทุรนทุรายทรมานกับการจากไปกับเขา เธอไม่ได้คิดว่าชีวิตตัวเองมีค่าอะไรอีก
    ต่อไปแล้วเมื่อไม่มีเขา”  

    หล่อนถอนหายใจ หลับตาลงไปชั่วขณะก่อนจะเล่าต่อไป

    “ เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้วถ้าไม่มีเขา พลังอํานาจของ อลัวแดร์แผ่ออกมาเหมือนกับนกอีแร้งกางปีกรอคอย มันกําลังจะได้เธอมาครอบครองไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ แต่ด้วยกําลังที่เธอมีเหลืออยู่ เธอพยุงตัวเองซัดเซกลับเข้าไปในรัศมีวงกลมที่เลือดของชายคนที่รักเธอไหลลินลงบนพื้นดินแห่งนั้น   ณ ที่แห่งนี้ที่ที่คําสัญญาที่เธอให้ไว้และด้วยเวทมนตร์คาถาที่เธอยังมีอยู่  ในขณะที่ผนังปราสาทกําลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คบไฟกําลังเผาไหม้ลงมา หล่อนให้คําสัญญาสาบานว่าจะรักและรอคอยเคลินแต่เพียงผู้เดียว ถ้าเธอต้องรอถึงหนึ่งพันปีเธอก็จะรอเขาคนเดียว เธอจะคอยเขาคนเดียว เธอใช้มนตร์คาถาของเธอก่อกําเนิดไฟเพื่อเผาผลาญปราสาทของเธอเพีื่อที่ อลัวแดร์จะไม่มีวัน
    ได้ครอบครองมัน และเวทมนตร์คาถาคําสาปที่เธอใช้ครั้งสุดท้ายก็คือ…”

    หล่อนหายใจเข้ายาวลึกประสานสายตากับเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

    “หนึ่งพันปีจากนี้ไปจนคืนหนึ่ง เขาและเธอจะกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเพื่อเผชิญหน้ากับ อลัวแดร์อีกครั้งหนึ่ง ถ้าหัวใจรักที่มีต่อกันยังแข็งแกร่ง เขาและเธอจะเอาชนะมันได้ ณ
    ที่แห่งนี้  แต่เวทมนตร์คาถาคําสาปครั้งสุดท้ายของเธอมีราคาเพราะมันจะแลกกับคําสาบานที่ว่าถ้าเคลิน ไม่มีความเชื่อถือ ไม่ยืนเคียงข้างเธอในคืนนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พลังอํานาจที่เธอมีอยู่จะสูญสลายไป เธอจะตกเป็นทาสของ อลัวแดร์ไปชั่วกาลนาน  หลังจากที่เธอให้คําสาบาน เธอคุกเข่าลงข้างๆยอดดวงใจของเธอเอื้อมมือเข้าไปกอดเขาเอาไว้อย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาและเธอจะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย”

    เขายืนน่ิงอยู่ชั่วครู่ แปลกใจที่ตัวเขาเองยืนฟังเรื่องราวที่เธอเล่าให้เขาฟังเหมือนกับว่าตัวเองถูกสะกดจิต เขายืนพิจารณาเธออยู่ตรงนั้น เขาก้าวถอยหลังห่างจากเธอไปหนึ่งก้าว

    “เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจไม่น้อย บริอาน่า”

    “ทําไมคุณยังมองไม่เห็นความจริงอีกคะ” หล่อนส่ายหัวให้กับเขา สายตาของเธออ้อนวอนขอร้องให้เขาเชื่อเธอ

    “ เมื่อคุณมองมาที่ฉัน ฟังที่ฉันเล่าให้คุณฟัง คุณยังจําอะไร
    ไม่ได้อีกหรือคะ”

    “คุณจะให้ผมเชื่อว่า ผมกลับชาติมาเกิดใหม่และตัวผมเคยเป็นนักรบสมัย เคลติกและคุณเองก็กลับชาติมาเกิดใหม่และเคยเป็นแม่มดมาก่อนยังนั้นหรือ”

    เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

    จากคุณ : โรส สลาลินน์ - [ 12 ส.ค. 46 03:19:53 A:12.108.141.155 X: ]