กุญแจข้ามภพ - บทที่ 3 มิตรภาพ




    กุญแจข้ามภพ

    บทที่ 1 เหมือนเคยพบกัน
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2397330/W2397330.html

    บทที่ 2 รอยแตกของมิติ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2399726/W2399726.html

    บทที่ 3 มิตรภาพ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2409514/W2409514.html

    บทที่ 4 ภารกิจ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2420475/W2420475.html

    บทที่ 5 ทางที่ไม่ได้เลือก
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2437475/W2437475.html

    บทที่ 6 ภูติเงา
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2446759/W2446759.html

    บทที่ 7 ข้อจำกัด
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2456861/W2456861.html




    ภาคคีตกานท์
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2421433/W2421433.html


    แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 46 11:42:44

    แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 46 21:51:58

    แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 46 18:19:36

    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 46 23:42:46

    แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 46 11:40:04

    แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 46 09:38:41

    จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 12 ส.ค. 46 09:38:19 ]

 
 

        ความคิดเห็นที่ 1




        (((( บทที่ 3 - มิตรภาพ ))))



        “เป็นไงบ้างครับ บรรยากาศลานเบียร์  ถูกใจคุณเมฆหรือเปล่า”

        “เมฆครับ”  เอ่ยแก้เรียบๆ  ตายังจับจ้องทอดมันในจานตรงหน้า ขณะใช้ไม้จิ้มส่งเข้าปาก

        หมอกหัวเราะเสียงกังวาน  “ผม... พี่พลาดไม่ได้เลยนะครับ  เมฆไม่เคยปล่อยให้รอดเลยซักครั้ง”

        เมฆเงยหน้าขึ้นมาทำท่ายิ้มเจ้าเล่ห์แบบในการ์ตูนญี่ปุ่น  แต่พอเห็นประกายตาวาววามล้อแสงไฟยามดึกของหมอกเข้าเท่านั้นแหละ  ทั้งๆ ที่เตรียมตั้งตัวไว้แล้ว หัวใจก็อดวูบไหวไม่ได้

        เสียงฟุ่บเบาๆ ดังขึ้นไกลๆ  เมฆหลบตาหมอก  มองเสไปยังเตาปิ้งบาร์บีคิวเลยด้านหลังหมอกออกไป  พนักงานประจำเตากำลังเอาเหล็กคีบเขี่ยถ่านในเตาอย่างงงๆ  ไม่รู้ถ่านกระสอบนี้มันเป็นอะไรนักหนา  อยู่ดีๆ ก็ลุกพรึ่บขึ้นมาหลายครั้งแล้ว  ดีตรงทำให้เนื้อสุกเร็ว คืนวันศุกร์ลูกค้าเยอะ ปิ้งไม่ค่อยจะทัน  แต่เสียตรงต้องคอยมองอยู่ตลอด เผลอไม่ได้ เดี๋ยวไหม้  ต้องทิ้งแล้วปิ้งใหม่ก็จะเสียเวลาไปอีก

        เมฆนึกขอโทษในใจ  แหะๆ  ม่ายล่ายตั้งใจแกล้งนะตัวเอง

        “สงสัยไม่ค่อยถูกใจ...”  หมอกเอ่ยต่อลอยๆ

        เมฆหันกลับมามองหมอก  คราวนี้มองจมูกแทนเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของพนักงานปิ้งบาร์บีคิว

        “เปล่าครับ  แต่มัน... แปลกดี  เวลามองจากบนรถเมล์แล้วมันเป็นอย่างนึง  พอมาลองนั่งจริงๆ แล้วก็เป็นอีกอย่างนึง”

        เมื่อตอนออกจากบ้าน หมอกถามว่าอยากกินอะไร  เมฆคิดไปคิดมาอยู่ครู่นึงแล้วก็บอกว่าอยากไปลานเบียร์ เพราะนั่งรถเมล์ผ่านทุกปี แต่ไม่เคยเข้าไปสักครั้ง

        “งั้นพี่ไม่ถามแล้ว ว่าแปลกแล้วดีรึเปล่า  ว้า... รู้งี้ พี่น่าจะพาเมฆไปที่อื่น”  หมอกทำท่าจริงจัง

        “ไม่เอาครับ ไม่ดี”  เมฆท้วง กลัวพี่หมอกเสียใจ  “มานี่แหละดีแล้ว  ถ้ามาคนเดียวผมคงไม่กล้าเข้ามาแน่เลย”

        หมอกไม่หัวเราะ  แต่เมฆเห็นตายิ้มๆ ก็รู้ตัวว่าตกหลุมอีกแล้ว  อาไรฟะ พี่หมอกเนี่ย  ใจคอจะล้อเมฆเล่นจากโลกนี้ไปถึงโลกหน้าเลยรึไง  เมฆนึกฉุนๆ แล้วพนักงานประจำเตาบาร์บีคิวก็เกาหัวแกรกๆ คว้าเหล็กคีบขึ้นมาแยงๆ เข้าไปในเตาอีกเป็นครั้งที่ประมาณยี่สิบได้

        พนักงานประจำลานเข้ามาเก็บโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยจานเล็กจานน้อยแทบไม่เหลือที่วางแก้ว  ตอนแรกเมฆนึกไม่ออกว่าที่ลานเบียร์เค้าจะมีอะไรให้กินบ้าง กลัวว่าอาจจะไม่มีอาหารหนักเพราะหิวเกือบโซทีเดียว  แต่พอมาเห็นซุ้มเล็กซุ้มน้อยมีอาหารว่างนานาชนิดก็เกิดอาการตาโตอยากกินทุกอย่าง  นี่ถ้ากินได้ทุกอย่างที่อยากกินจริงๆ เมฆคงไม่ต้องกินข้าวอีกเลยจนกว่าจะหลังปีใหม่แน่

        “ของหวานมั้ยครับ”  หมอกเอ่ยถาม

        เมฆมองไปรอบๆ  ลมเย็นของกลางดึกฤดูหนาวโชยมาแผ่วๆ  กรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีฤดูหนาวให้ชื่นใจเลย  ในขณะที่หลายจังหวัดก็มีข่าวคนหนาวตายให้เห็นอยู่เรื่อยๆ  เฮ้อ...  ว่าแต่... ฤดูหนาวแบบอุ่นๆ อย่างนี้ต้องกินอะไรดีน้า  สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ตู้ไอติมไม่ห่างออกไปนัก

        หมอกมองตามสายตาเมฆ แล้วอุทานเบาๆ  “เมฆเพิ่งทานไปเมื่อตอนบ่าย...”

        เมฆหรี่ตามองหมอก  “พี่หมอกอย่าล้อดิครับ  ก็ผมชอบอ้ะ...”

        หมอกหัวเราะอารมณ์ดี  “ไม่ล้อก็ได้  เมฆสั่งเผื่อพี่ด้วยนะครับ”  ที่นี่มีพนักงานเก็บโต๊ะ แต่ลูกค้าต้องไปสั่งอาหารตามซุ้มเอง โดยเอาบัตรเลขโต๊ะไปยื่นให้คนขาย

        “พี่หมอกจะเอาอะไรดีครับ”

        “เอาแบบที่เป็นชามใหญ่ที่ใส่ไอติมหลายๆ ลูกน่ะครับ”  หมอกทำมือทำไม้ประกอบ

        “โห  โลภมาก...”  เมฆตาโต

        “ก็พี่อยากลองชิมหลายๆ รสนี่ครับ”  หมอกทำหน้าน่าสงสาร  “แต่คงทานคนเดียวไม่หมดแน่เลย”  ว่าแล้วก็ทำตาโตเหมือนนึกอะไรขึ้นได้  “รู้แล้ว  เมฆช่วยพี่ทานได้มั้ยครับ  สั่งมาชามใหญ่ๆ แล้วพี่ยกให้เมฆ  แต่พี่ขอแอบขโมยนี้ดเดียว...”

        เจ้าเล่ห์  เจ้าเล่ห์อีกแล้ว  เมฆละสงสารพนักงานปิ้งบาร์บีคิวจริงๆ  พี่หมอกบ้า  พี่หมอกใจร้าย  ชอบแกล้งคนอื่น  เดี๋ยวเหอะ ต้องหาทางแก้เผ็ด  แต่ถ้าสั่งไอติมไม่อร่อยมา เมฆก็คงต้องรับกรรมด้วย  ฝากไว้ก่อนละกัน  ฮึ่ม...

        ซุ้มไอติมหลบอยู่ตรงมุมๆ  เมฆลุกขึ้น แล้วเดินผ่านด้านหลังหมอก  พอดีกับที่มีชายไม่ค่อยหนุ่มนักสองคนเดินคุยกันเสียงดังเข้ามานั่งที่โต๊ะถัดไป  ทั้งสองคนโยนเสื้อนอกพาดบนพนักเก้าอี้ ในขณะที่ชายคนที่เสียงดังมากกว่าหันมาพ่นควันบุหรี่ทางที่เมฆกำลังเดินผ่าน  เมฆเอียงคอหลบวูบ เนื่องจากควันบุหรี่กับเมฆไม่ค่อยถูกกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะกำลังหมกมุ่นอยู่กับว่าจะสั่งไอติมรสอะไรบ้างดี

        เดินกลับมาแบบกระหยิ่มเล็กๆ เพราะสั่งไอติมไปแปดลูก  เค้าช่างมีให้เลือกเยอะดี สะใจ...ชอบ  แม้จะอิ่มแล้วแต่เมฆก็ไม่หวั่น  มาถึงโต๊ะ เห็นหมอกกำลังเหม่อมองเข้าไปในตัวตึก ซึ่งตอนนี้ปิดไฟมืดแล้ว  เมฆเดินผ่านโต๊ะข้างๆ ที่มีเสื้อนอกสองตัวพาดเก้าอี้อยู่  เจ้าของเสื้อคงกำลังไปสั่งอาหาร  ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งเงียบๆ แล้วเสียบบิลไอติมไว้ในแก้วใส่บิลบนโต๊ะ

        หมอกละสายตามามองเมฆ  ตาคู่นั้นไม่ยักมีแววยิ้มๆ ล้อเลียนอย่างที่เคย  เมฆรู้สึกใจไม่ค่อยดี  อืม... นี่เมฆทำตัวน่าเบื่อหรือเปล่า...  หรือว่าพูดอะไรผิดไป  สงสัยทำตัวสนิทสนมเกินกว่าเหตุ พูดจาไม่ค่อยมีสัมมาคารวะแน่เลย  พี่หมอกคงไม่ค่อยชอบใจ  ทำหน้าซีเรียสอย่างนี้...

        “เมฆครับ...”  หมอกเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงไม่มั่นใจ  เมฆหลบตาลงมามองโต๊ะว่างเปล่าตรงหน้า  พี่หมอกคงลำบากใจ ไม่รู้จะพูดกับเมฆยังไง  เมฆอ้าปากจะขอโทษ

        “เมื่อตอนเที่ยง... พี่ขอโทษ”  เมฆเงยหน้าขึ้นมองงงๆ  โล่งใจขึ้นเป็นกอง  แต่พี่หมอกขอโทษเรื่องไรเหรอ

        “ตั้งแต่เด็ก พี่ฝันอยากจะมีน้องชายมาตลอด...  พี่มักมีความรู้สึกเหมือนกับว่า พี่เคยมีน้องชาย...  แต่พี่ก็ไม่มี...  เมื่อเช้าตอนพี่เห็นเมฆ  พี่รู้สึก... ถูกชะตา  รู้สึกเหมือน... พี่ได้กลับมาเจอกับน้องชายที่หายไป...”

        เป็นครั้งแรกในรอบวัน ที่เมฆเห็นหมอกหลุบตาลงต่ำเหมือนไม่กล้าสบตา  ทำไมเมฆจะจำไม่ได้ ยังเล่าให้ชัดฟังเลย  ที่พี่หมอกบอกพี่แพนว่าจะดูแลเมฆเอง ถ้าเมฆไม่รังเกียจจะรับพี่หมอกไว้เป็นพี่ชายซักคน

        เมฆนิ่ง  บอกไม่ถูกว่าจะเสียใจหรือจะดีใจดี  ชัดมันเก่ง มันรู้ว่าคราวนี้เมฆชอบพี่หมอกเอามากๆ ทั้งๆ ที่ตัวเมฆเองยังไม่อยากจะยอมรับ  เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้  แต่การรู้อยู่แล้วกับการได้ยินคำยืนยันกับหูมันแตกต่างกัน  เมฆรู้สึกถึงอารมณ์ภายในที่พลุ่งพล่าน  อารมณ์ที่เมฆก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร  จะว่าผิดหวังก็ไม่ควรจะใช่ เพราะเมฆบอกตัวเองไม่ให้หวังอะไรมาแต่ต้น  แต่ลึกๆ มันก็คงอดไม่ได้ที่จะไขว่คว้าไปลมๆ แล้งๆ

        เมฆขบริมฝีปากแน่น  สะกดตัวเองอย่างยากลำบาก  ยังไม่อยากยิงดอกไม้ไฟตอนนี้  โชคดีที่หมอกยังหลุบตาลงต่ำ  จึงไม่เห็นสีหน้าและริมฝีปากเม้มแน่นของเมฆ

        “คุณเมฆคงไม่พอใจ ที่ผมพูดจาล่วงล้ำถือวิสาสะอย่างนั้น”

        พี่หมอกบ้า  ทั้งๆ ที่ยังพลุ่งพล่านแต่ก็อดขำไม่ได้  นี่คงเครียดมากเลยกลับไปเรียกแทนตัวเองแบบเดิมโดยไม่รู้ตัว

        เมฆเริ่มเข้าใจอะไรรางๆ  นี่พี่หมอกคงไม่สงสัยเลยสักนิดว่าเมฆแอบชอบตัวเองอยู่  สายตายิ้มๆ ล้อเลียนที่ส่งมาอยู่สม่ำเสมอ  ไม่ใช่สายตาของหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่หว่านเสน่ห์ไปรอบตัวเพื่อให้ผู้คนหลงใหล แต่เป็นสายตาเอื้อเอ็นดูที่เห็นน้องน้อยเป็นเด็กเล็กๆ ที่ไม่มีทางจะโตขึ้นได้ในความรู้สึกของคนที่เป็นพี่

        เมฆตัดสินใจว่าเมฆควรจะดีใจ

        เมฆเอียงคอน้อยๆ มองเสี้ยวหน้าที่มีเคราบางๆ ของพี่หมอกในแสงสลัวๆ ที่สะท้อนมาจากท้องถนนของมหานคร  รู้สึกถึงความชื้นที่ขอบตา  กระแสอบอุ่นจากในอกแผ่ซ่านไปทั่วตัว  เมฆอาจจะไม่เคยโชคดีเรื่องความรัก  แต่เมฆรู้ว่าตัวเองเป็นคนโชคดีมากเรื่องเพื่อน  แล้วนี่เมฆยังได้พี่ชาย ...ที่เมฆไม่เคยมี และไม่เคยกล้าฝันว่าจะมี... เป็นของขวัญวันเกิดอีก

        ดีใจจนเกือบหายใจไม่ออก

        “ไม่พอใจครับ”  เสียงเมฆฟังดูชื้น

        หมอกเงยหน้าขึ้นสบตาเมฆด้วยสายตาหม่นแสง  ตาคู่นั้นดูตระหนกเมื่อได้ยินน้ำเสียงเปียกชื้นของเมฆ และยิ่งเห็นดวงตาของเมฆส่งประกายวาววับราวกับหยดน้ำต้องแสงไฟ

        “คนเป็นพี่ชายเค้าไม่แทนตัวเองว่าผมหรอกครับ  แล้วก็ไม่เรียกน้องว่าคุณด้วย  แล้วถ้าจะให้ดี คำว่าครับเนี่ย เก็บเอาไว้ใช้กับลูกค้าดีกว่า”  เสียงยังเปียกชื้น  ก็มันห้ามไม่ได้นี่นา  แต่สองตาของเมฆส่องประกายราวกับมียิ้มซักร้อยยิ้มพันยิ้มมากระจุกอยู่รวมกัน

        หมอกชะงักไปสองวินาที ก่อนจะเริ่มเข้าใจ  รอยยิ้มค่อยๆ คลี่คลายช้าๆ  ดูอิ่มเอม  ก่อนที่จะทันตอบอะไร  ก็มีเสียงโวยดังมาจากโต๊ะข้างๆ

        “เฮ้ย  ระวังหน่อยเดะน้อง  นี่คนนะไม่ใช่...”  ตามด้วยชื่อสัตว์เลี้ยงน่ารักประจำบ้าน ที่ตามปกติก็ไม่ใช่คำหยาบคายอะไรแม้จะไม่ถือว่าสุภาพเป็นทางการนัก  แต่พอมาอยู่ในประโยคนี้ ก็ต้องถือว่าไม่น่าฟังเอามากๆ  เมฆขมวดคิ้ว

        “ขอโทษค่ะ  ขอโทษค่ะ”  สาวร้านไอติมระล่ำระลัก  ขณะที่ชายไม่หนุ่มนักที่พ่นบุหรี่ใส่เมฆไปเมื่อครู่ยังคำรามในลำคอเป็นทำนองไม่พอใจ  ก่อนจะคว้าเก้าอี้ของตัวเองแบบเซๆ นิดๆ เหมือนคนเริ่มเมา แล้วทิ้งตัวลงนั่งเสียงดัง

        สาวร้านไอติมวางชามยักษ์ลงตรงหน้าเมฆและหมอกมือไม้สั่น  สองหนุ่มมองเธออย่างเห็นใจ ก่อนที่เธอจะย่องกลับไปโดยเลือกเส้นทางที่ห่างจากโต๊ะที่เกิดเหตุให้มากที่สุด

        เมฆยังขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ค่อยพอใจนัก  แต่พอนึกถึงหมอกที่นั่งอยู่ตรงหน้า  ความหยาบคายของชายโต๊ะข้างๆ ก็ดูไม่สลักสำคัญอะไรเลย  ยิ่งพอนึกถึงไอติมด้วยแล้ว... เอื๊อก... น้ำลายสอ...

        ดูเหมือนหมอกจะรู้ทันเมฆไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องกิน  หยิบกระดาษทิชชู่เช็ดช้อนยาวสวยส่งให้เมฆ แล้วเลิกคิ้วปรายตาไปยังชามไอติมเป็นเชิงเชิญชวน

        ล้อก็ล้อไป เมฆไม่สนหรอก  ยักคิ้วให้พี่หมอกสองที แล้วเมฆก็เริ่มดำเนินการสวาปาม...


        แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 46 09:59:49

        จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 12 ส.ค. 46 09:44:46 ]

       
       

        ความคิดเห็นที่ 2




        สองหนุ่มนั่งจัดการไอติมกันไปโดยไม่พูดอะไร  ถึงอยากจะคุยก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องเท่าไหร่  เพราะสองชายที่ไม่ค่อยหนุ่มโต๊ะข้างๆ เหมือนจะคุยเผื่อคนทั้งลาน  ตั้งแต่นั่งลงครบองค์ประชุมนี่ดูจะยังไม่มีเว้นวรรคเลย  บางช่วงเมฆได้ยินเหมือนมีสองเสียงคุยพร้อมๆ กันด้วยซ้ำ  แล้วใครจะเป็นคนฟังกันละเนี่ย  สงสัยจะคุยเผื่อคนทั้งลานจริงๆ

        หมอกนั่งยิ้มๆ ไม่ว่าอะไร  คบหากันมาหนึ่งวัน (เหมือนนาน) ยังไม่เคยเห็นหมอกโกรธอะไร  เมฆนั่งกินไป หมอกก็กินบ้างนานๆ ที แล้วก็คอยหมุนชามให้เมฆเข้าถึงไอติมทั้งแปดรสอย่างทั่วถึง  จนไอติมชามยักษ์กลายเป็นชามเปล่าอย่างค่อนข้างรวดเร็ว

        “เอาขนมมั้ยเมฆ”  หมอกร้องถามเสียงดัง เหมือนนั่งห่างกันสักครึ่งลาน  ถึงขนาดนั้น ยังเกือบโดนเสียงรบกวนจากโต๊ะข้างๆ กลบ  รู้ว่าตัวเองโดนล้ออีกแล้ว ก็เลยร้องตอบกลับว่า

        “ขนมจีนน้ำยาสองครับ พี่หมอก”

        หมอกยิ้มขัน แล้วหันไปทำท่าบุ้ยใบ้กับใครด้านหลังเมฆ  เมฆเหลียวตาม เห็นคุณยายแก่มากๆ คนนึงเดินอยู่ท่ามกลางบรรดาโต๊ะด้านที่อยู่ข้างตัวตึก  มือนึงคุณยายถือตะกร้าใบไม่ใหญ่มาก อีกมือนึงมีท่อพลาสติกกลมๆ ยาวสักฟุตกว่าๆ มีพวงมาลัยแบบต่างๆ แขวนอยู่ไม่กี่พวง

        คุณยายละจากลูกค้าสาวๆ โต๊ะห่างออกไปไม่ไกล แล้วเดินตรงเข้ามาตามรอยยิ้มของหมอก  เมฆเอียงคอมอง  เมฆไม่เคยซื้อพวงมาลัย ไม่รู้หรอกเค้าขายกันยังไง ราคาเท่าไหร่  แล้วก็เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้างนอกจากถวายพระ  เห็นหมอกก้มลงมองในตะกร้า เลือกอย่างเบามือเหมือนกลัวจะช้ำ  แล้วหยิบพวงมาลัยพวงอ้วนขึ้นมาพวงนึง  เป็นพวงมาลัยดอกมะลิล้วนๆ อัดกันแน่นทั้งพวง  ตรงปลายอุบะมีดอกกุหลาบสีขาวดอกโตหลายดอก  หมอกยกขึ้นดมให้มั่นใจว่าใช่อย่างที่ต้องการ แล้วหยิบเงินส่งให้คุณยายไป

        “ขอมือให้พี่หน่อยสิเมฆ”  หมอกบอกเรียบๆ เมื่อคุณยายคล้อยหลังไป

        เมฆแบมือให้แบบว่าง่าย  เป็นน้องเป็นนุ่งก็ต้องเชื่อฟังพี่ใช่มะ

        “สองมือ”  พี่หมอกบอก

        สองมือก็สองมือ  หมอกเลื่อนชามเปล่าไปด้านนึง ขณะที่เมฆแบมือทั้งสองบนโต๊ะตรงหน้า  หมอกจับมือทั้งสองของเมฆให้เรียงชิดกัน แล้ววางพวงมาลัยอ้วนสีขาวล้วนลงบนสองมือ  แล้วเอามือทั้งสองของตัวเองหุ้มสองมือของเมฆไว้

        “รับขวัญน้องชาย”  เมฆยิ้ม  ชักมือออกจากอุ้งมือใหญ่โตของพี่หมอก  ยกพวงมาลัยขึ้นสูด  ดอกมะลินี่หอมจริงๆ

        “ขอบคุณครับพี่”  เมฆทำเสียงล้อๆ เหมือนในโฆษณา  จริงๆ แล้วเขิน  แต่พี่หมอกคงรู้แหละ สายตามันฟ้อง

        เหมือนฟ้าจะช่วยไม่ให้น้องเมฆกับพี่หมอกต้องซาบซึ้งกันนานๆ เดี๋ยวจะเลี่ยนเกินไป  เสียงโครมดังขึ้นข้างหลังพี่หมอก  เมฆเห็นชายไม่หนุ่มที่เสียงดังและหยาบคายคนเดิมลุกขึ้น แต่ไม่รู้ลุกท่าไหน เก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ล้มพับไปด้านหลัง  เสื้อนอกพาดแผ่อยู่กับพื้น แต่เจ้าตัวก็ยังไม่สนใจ  ยืนโงนเงนร้องเรียกโหวกเหวก

        “เฮ้ย  ยายๆ  ยายแก่ขายพวงมาลัยนั่นน่ะ”  เมฆได้ยินแล้วอดย่นหน้าไม่ได้  แต่งตัวก็เหมือนคนมีฐานะดี ทำไมพูดจาไม่ดีเลยนะ  ถ้าเมฆเป็นคุณยาย เมฆคงไม่เดินมาหาหรอก  แต่คุณยายคงไม่ได้คิดอะไร คิดแต่ว่าลูกค้าจะซื้อพวงมาลัย ก็เลยเดินช้าๆ ตามประสาคนแก่เข้ามา

        นายใจยักษ์นั่นคงไม่ทันใจ เดินเซๆ ตรงเข้าไปหาคุณยายแล้วเท้าสะเอวชี้  ว่าเสียงดัง  “เข้ามาขายได้ยังไงน่ะ  ไม่รู้เรอะว่าที่นี่เค้าไม่ให้พวกหาบเร่เข้ามาขาย  มันเกะกะรำคาญตา  รบกวนลูกค้า  ออกไปเร็วๆ เลย  เดี๊ยะ เดี๋ยวแจ้งยามมาจับโยนออกไปซะหรอก”

        เพื่อนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะคงจะกลัวเกิดเรื่อง เลยลุกขึ้นไปคว้าเพื่อนกลับมา  นายใจยักษ์นั่งคงจะเมามาก พอหมุนตัวตามแรงเพื่อนก็เซไปกระแทกคุณยายซึ่งกำลังตกใจกลัวงกๆ เงิ่นๆ ทำอะไรไม่ถูก  ตัวนายนั่นเองไม่ล้มเพราะมีเพื่อนคว้าเอาไว้ ได้แต่ส่งเสียงด่าคำสบถคำไฟแล่บไปหมด

        เมฆกลั้นหายใจตะลึง ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน  แต่พี่หมอกยังกับเป็นโกล์ฟุตบอลทีมชาติ  ไม่รู้ลุกขึ้นไปตอนไหน ประคองคุณยายไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงกระแทกพื้น  เมฆระบายลมหายใจโล่งอก  อายุมากๆ ขนาดนั้น ขืนล้มลงกระแทกพื้นแรงๆ คงอันตรายน่าดู  หันกลับมาเห็นนายใจยักษ์นั่นนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย  เพื่อนคงจะยกเก้าอี้มาตั้งให้ เพราะเจ้าตัวดูเหมือนไม่สนใจอะไร  ยกไฟแช็กสีทองขึ้นมากำลังจะจุดบุหรี่มวนต่อไป

        เมฆลืมตัว นึกโกรธจี๊ดขึ้นมา  นายใจยักษ์คนนั้นสะกิดฝาไฟแช็กให้เปิดออก  ตัวเองยังไม่แน่ใจเลยว่าได้ขยับนิ้วกดไฟแช็กหรือยัง  แต่ปรากฏว่าตรงหน้าระหว่างบุหรี่กับไฟแช็ก มีประกายไฟแตกเปรี๊ยะอยู่กลางอากาศเกือบสิบลูก  ดูเหมือนลูกนึงจะแรงพอที่จะจุดบุหรี่ให้ติดได้โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องช่วยสูบอย่างการจุดบุหรี่ปกติด้วยซ้ำ

        นายใจยักษ์สะดุ้งตกใจปล่อยไฟแช็กให้หล่นลงบนโต๊ะ  ปากที่คาบบุหรี่ปล่อยให้บุหรี่ตกลงไปบนขากางเกง  เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยคงไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะหันมามองงงๆ ว่าทำไมอยู่ดีๆ เพื่อนก็ทิ้งไฟแช็ก  พอจะเอ่ยปากถาม  นายใจยักษ์ก็ผลุดลุกขึ้นร้องโอ๊ย มือกุมอยู่เหนือเข่า  บุหรี่ที่ยังติดไฟแดงๆ กระเด็นตกลงมาบนพื้นก่อนที่จะวูบดับไป  โชคดีที่เพื่อนซึ่งก็ยังไม่หายงงคว้าโต๊ะไว้ได้ทัน  ไม่งั้นคงเอิกเกริกน่าดูชมกว่านี้เยอะ

        เมฆแอบแลบลิ้นแบบรู้สึกผิดเล็กๆ  จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ  แต่มันลืมตัวโกรธวูบขึ้นมาเท่านั้นเอง  แต่ท่าทางรวยหยั่งงี้  กางเกงมีรูนิดเดียวขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกน่า เนอะ

        หมอกเดินกลับมาที่โต๊ะ  เมฆลุกขึ้น วิ่งหยอยๆ หลบหลีกโต๊ะตามคุณยายไป  ซักพักก็กลับมาพร้อมกับพวงมาลัยโปร่งๆ ยาวๆ เหมือนกับสร้อยคอ  กลับมาหยุดยืนตรงหน้าหมอก แล้วยื่นให้

        “ขอบคุณพี่ชายครับ”  เมฆส่งยิ้มขนาดร้อยแรงเทียน

        หมอกยิ้มรับ  “คล้องให้พี่หน่อยนะ”  แล้วก้มคอให้

        โอ๋ยโหย  อึ่ม... เราเป็นน้อง คล้องให้พี่ได้เหรอ  เมฆขอโทษอุบอิบ  ยกมือไหว้แล้วคล้องพวงมาลัยรอบคอพี่ชาย  หมอกคงเรียกเก็บตังค์ไปเมื่อตอนที่เมฆวิ่งตามคุณยาย  พนักงานเดินเอาเงินทอนกลับมาให้  เมฆได้ยินเสียงเหมือนคนกัดบุหรี่พูดจาออกไปในเชิงจาบจ้วงสาวพนักงานเก็บเงิน  เมฆหันไปมองหรี่ตา  ถึงจะชอบผู้ชาย แต่เมฆไม่เคยเกลียดผู้หญิง  แถมเป็นโรคบ้าสิทธิสตรีอ่อนๆ ด้วยซ้ำ  เมฆว่าคืนนี้นายใจยักษ์ชักจะทำตัวแย่เกินไปซะแล้ว  ขอทีเถอะน่า...

        เมฆย่นหัวคิ้วตั้งสมาธิ เพ่งไปที่บุหรี่ของนายนั่น  กลัวพลาดไปโดนที่อื่นเหมือนกัน เดี๋ยวเป็นอันตราย  เมฆเกาะขอบเก้าอี้แน่น เหมือนเวลาถ่ายรูปต้องระวังไม่ให้มือไหวเวลากดชัตเตอร์ยังไงยังงั้น  พอเมฆโฟกัสมวนบุหรี่ได้ก็กลั้นใจ เกร็งกล้ามเนื้อขอบตา...

        ฟุ่บ...

        บุหรี่ทั้งมวนลูกเป็นไฟวูบขึ้นต่อหน้าต่อตาชายไม่หนุ่มทั้งสองคน เหลือแต่ก้นกรองค้างอยู่บนริมฝีปาก  คนสูบรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย...  ผงเถ้าที่เคยเป็นมวนบุหรี่ถูกสายลมเย็นของฤดูหนาวเป่าพรูเข้าหน้าราวกับจะล้อเลียน





        จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 12 ส.ค. 46 09:45:39 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 3




        ห้าทุ่มแล้ว  รถราบนถนนเบาบางลงไปมาก  แต่บนสะพานลอยยังมีผู้คนเบียดสวนกันไปมา ราวกับจะรอฉลองคืนวันศุกร์สุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนศักราช  เมฆปล่อยให้ตัวเองเลื่อนไหลตามติดแผ่นหลังกว้างของหมอกไปตามกระแสคน  เสียงผู้คนพูดคุยหัวเราะกัน ดูเหมือนใครๆ ก็มีความสุข  เมฆก็มีความสุข  แม้แต่การที่ต้องเดินช้าๆ บนสะพานลอย ก็ทำให้เมฆรู้สึกว่าได้มองแผ่นหลังอบอุ่นของพี่หมอกนานๆ  คิดแล้วก็อยากเตะก้นตัวเอง  บอกแล้วไงว่าพี่ชาย พี่ชาย  อย่าคิดฟุ้งซ่าน  สั่งไม่รู้จักเชื่อ  สอนไม่รู้จักจำ  นึกบ่นตัวเองแล้วเมฆก็ขำ  หมอกเหลียวมามองเป็นระยะๆ เหมือนกลัวเมฆจะหล่นหายไปกลางทาง  นี่ถ้าจูงมือได้คงจูงไปแล้ว  โธ่ พี่หมอก  นี่เมฆเป็นหนุ่มแล้วนะครับ  ไม่ใช่เด็กประถมซักหน่อย  (แต่นึกอีกที ให้พี่หมอกจูงมือก็ไม่เลวนะ  อุ๊บ... เอาอีกแล้ว  สอนไม่จำ    เฮ้อ...)

        พอลงจากสะพานลอย แยกตัวจากฝูงคนออกมาได้ ลมดึกของฤดูหนาวก็วูบมาปะทะหน้า  หมอกหันมายิ้มและชะลอฝีเท้าให้เมฆก้าวขึ้นมาเคียง  เมฆเริ่มรู้สึกคุ้นกับการมีพี่หมอกอยู่ใกล้ๆ และการเห็นรอยยิ้มของพี่หมอกทุกๆ ครึ่งนาทีแล้ว  ไม่ตื่นเต้นและเขินจนต้องยิงดอกไม้ไฟระบายความเครียดเหมือนเมื่อตอนนั่งกินข้าว ซึ่งเมฆแก้ตัวอุบอิบกับตัวเองว่า นั่งจ้องหน้าระยะประชิดปานนั้น จะไม่เขินยังไงไหว

        นึกภูมิใจความสามารถในการควบคุมตัวเองอยู่ได้ครู่เดียว  พอเมฆสาวเท้าขึ้นมาทันหมอก ก็เกือบได้ยิงดอกไม้ไฟฉลองปีใหม่ล่วงหน้าอีกลูกใหญ่ เมื่อเมฆรู้สึกว่าบนบ่าสองข้างของตัวเองมีแขนของพี่หมอกพาดแปะลงมา

        เกือบสะดุดขาตัวเองหกล้ม

        โชคดีที่ตั้งสติทัน ก้าวขาต่อไปตามจังหวะเดินของพี่หมอก  บอกตัวเองว่าเพื่อนผู้ชายเค้าก็กอดคอกันอย่างนี้แหละ  อย่าตื่นเต้น  ...แต่จะว่าไป เดี๋ยวนี้เมฆก็ไม่ค่อยเห็นผู้ชายกอดคอกันซักเท่าไหร่  ยกเว้นเวลาเมา...  เมฆเหลือบตาขึ้นมองหมอกแบบเฉียงๆ  เห็นแต่เสี้ยวหน้ากับเคราที่เมฆเริ่มคุ้นตา  หมอกมองตรงไปข้างหน้า ครางเพลงหงุงหงิงๆ อยู่ในลำคอ ซึ่งเมฆไม่ได้ยินเพราะถนนมันออกจะเสียงดัง  เมื่อครู่เมฆดื่มเบียร์ไปแค่แก้วเดียวแล้วก็ยอมแพ้ หันกลับมาหาน้ำอัดลมตามเดิม  แต่พี่หมอกนี่สิ เมฆลืมนับว่าซัดไปกี่เหยือก  จะเมามั้ยเนี่ย  

        ถนนยังคงสว่าง  ผู้คนยังเดินสวนกันไปมา  มีแผงลอยตั้งอยู่เยอะแยะ แต่ดูเหมือนผู้คนก็ไม่เดือดร้อน  ส่วนใหญ่เดินกันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม  ทอดน่องกันตามสบายไม่ได้รีบร้อนไปไหน  เหมือนตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาเดินช้าๆ อยู่แล้ว  การมีแผงลอยก็เลยช่วยเป็นข้ออ้างไปโดยปริยาย

        สองหนุ่มเดินๆ หยุดๆ ดูของกระจุกกระจิกที่มาตั้งขายไปเรื่อยๆ  จนมาถึงแผงเล็กๆ แผงนึงที่วางขายตุ๊กตาเรซิน มีตั้งแต่ตัวเล็กขนาดหัวแม่โป้งไปจนถึงตัวสูงกว่าคืบ  ตัวเล็กทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ มีทั้งหมาแมวหนูกระต่าย  ตัวใหญ่ทำเป็นรูปคนเหมือนตัวละครในนิทานฝรั่ง  มีหญิงสาวเดินอยู่ในป่า  มีเจ้าชายกับม้า  มีนายพราน  มีแม่มด  ฝีมือละเอียดละออสวยงาม  ทั้งเส้นผม ดวงตา ตลอดไปจนเสื้อผ้ากับใบไม้

        เมฆหยุดยืนมอง เอียงคอ  ถ้าชีวิตคนเราเหมือนนิทานที่จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งก็ดีสินะ  ไม่ว่าจะผจญภัยยากลำบากแค่ไหน  พอถึงหน้าสุดท้าย เจ้าชายกับเจ้าหญิงก็จะครองคู่กันอย่างมีความสุขไปจนกัลปาวสาน

        เมฆรู้ว่าชีวิตมันไม่เหมือนนิทานนัก  เมฆรู้ว่าเมฆไม่ใช่เจ้าชาย และก็ไม่มีทางเป็นเจ้าหญิงด้วย  แม้จะฝันอยากจะมีเจ้าชายส่วนตัวซักคน แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสนั้น  แต่จะเป็นไรไป  ถึงเมฆจะไม่มีโชคในเรื่องความรัก  แต่เมฆก็เป็นคนโชคดีติดอันดับโลกในเรื่องเพื่อน  เมฆก็จะอยู่กับเพื่อนกับพี่ชายนี่แหละไปจนกัลปาวสาน ใครจะทำไม

        สายตาเมฆมาสะดุดอยู่ที่ตุ๊กตาตัวนึง  ...ไม่ใช่สิ... คู่นึง  ขนาดพอดีอุ้งมือของคนมือใหญ่อย่างพี่หมอก  เป็นรูปหมีสองตัวนั่งอยู่  หมีตัวเล็กนั่งอยู่บนขาของหมีตัวใหญ่ และมีแขนของหมีตัวใหญ่โอบไว้ด้านหลัง  สายตาเมฆอ่อนแสงลงโดยไม่รู้ตัว  แขนพี่หมอกยังพาดแปะอยู่บนบ่า  อาจไม่ซึ้งเหมือนกับตุ๊กตา แต่สำหรับเมฆ แค่นี้ก็เกินพอแล้ว

        เมฆหยิบสองหมีพี่น้องขึ้นมาดูใกล้ๆ  ฝีมือละเอียดละออยังกับไม่ได้ทำมาจากโรงงาน  น้องหมีสองตัวมีขนปุกปุยดูน่ารัก  ถ้าไม่หยิบจับดูก็แทบจะไม่นึกว่าเป็นเรซินเลย  หมีน้อยเอียงคอขึ้นมองหมีใหญ่ ในขณะที่หมีใหญ่ก้มลงมองหมีน้อย  ส่วนมือข้างนึงของหมีน้อยก็แปะอยู่บนพุงของหมีใหญ่ ในขณะที่มือข้างที่ว่างของหมีใหญ่ก็แปะอยู่บนมือข้างนั้นของหมีน้อยอีกที

        “น้องหมีบอกพี่หมีว่าชักจะอ้วนไปแล้วนะพี่  ส่วนพี่หมีบอกว่าอ้วนสิดีน้อง อุ่นดี”  เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ข้างหู  เมฆเหลือบตาขึ้นมองพยายามไม่เอียงคอแบบหมีน้อยเดี๋ยวโดนล้อ  ทันเห็นประกายตายิ้มๆ ของหมีใหญ่ เอ๊ย...พี่หมอก ตวัดกลับไปมองตุ๊กตาสองหมี  แถมมีเสียงหึๆ อยู่ในลำคอ

        น่าซัดนักพี่เรา  เมฆเคี้ยวฟันอยู่ในใจ แล้วหันไปถามคนขาย  “ชิ้นนี้เท่าไหร่ครับ”

        “ไหนคะ”  คนขายสาวใหญ่รับตุ๊กตาไปดู  แล้วร้องอ๋อเสียงยาว  “ชิ้นนี้แฮนด์เมดค่ะ  ไม่ใช่ของโรงงานหรอก  เค้าฝากมาขายอีกที  แต่ไม่แพงหรอกค่ะ  ถ้าน้องชอบเดี๋ยวพี่ลดให้”

        ราคาไม่ถูก แต่เทียบกับฝีมือแล้วก็ไม่แพงจริงอย่างที่คนขายว่า  ปกติเด็กจบใหม่รายได้น้อยอย่างเมฆไม่ยอมซื้อของแพงเด็ดขาด  แต่คืนนี้เป็นคืนพิเศษ คนข้างๆ (ซึ่งยังครางเพลงหงุงหงิงๆ ต่อ) ก็เป็นคนพิเศษ  คู่ควรกับตุ๊กตาสองหมีพี่น้องแฮนด์เมดชิ้นพิเศษ  เมฆก็เลยหยิบเงินส่งให้อย่างไม่เสียดายหลังจากที่คุณคนขายห่อตุ๊กตาด้วยกระดาษนุ่มกันกระแทกแล้วบรรจุกล่องให้เรียบร้อย

        “พี่หมอกเดินไหวมั้ยครับ  ผมอยากไปดูไฟ”  เมฆรับถุงแล้วหันไปถามเย้าพี่ชาย

        “โหย  เห็นพี่แก่ขนาดเดินไม่ไหวเลยเหรอ เมฆ”  หมอกร้องโวยวาย แถมยังเขย่าบ่าเมฆเล็กน้อย แสดงความมีอาวุโสสูงกว่า

        “เปล๊า...”  เมฆร้องปฏิเสธเสียงสูง  “พอดีผมลืมนับเหยือกเบียร์น่ะครับ  เลยไม่รู้ว่าพี่หมอกเมาแค่ไหนแล้ว ยังเดินไหวหรือเปล่า”

        “ม่ายมาว...  เอิ๊ก”  หมอกทำเสียง แล้วหัวเราะขำตัวเอง  “เดินดูไฟก็ดี  พี่น้องสองคนทานกันเยอะขนาดนั้น ขืนไม่เดินย่อยอาหารซะบ้าง มีหวังอ้วนเป็นพี่น้องสองหมีแน่”

        เมฆละอยากจะขว้างค้อน (พอดีขว้างไม่เป็น)  ก็เมื่อกี๊พี่หมอกกินเยอะซะที่ไหน แตะนั่นนิดนี่หน่อยยังกับคนลดความอ้วน  มีแต่เมฆนั่งเพลิดเพลินกับจานนั้นจานนี้อยู่คนเดียว  แล้วนี่พี่หมอกพูดหยั่งงี้หมายความว่างายเนี่ยะ

        สองหนุ่มข้ามถนนพร้อมกับฝูงคนล้นหลาม  ช่องทางข้ามนิดเดียวก็ต้องแบ่งๆ กันไป  ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว คนก็ยังขึ้นไปบนฟุตปาธไม่หมด  รถยนต์ที่จอดรออยู่ก็แสนดี ไม่เร่งรัดไม่บีบแตร  ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอย่างใจเย็น

        ศาลเทพเจ้าสูงสุดของศาสนาสำคัญยังเปิดไฟสว่างไสว  ผู้คนยังวนเวียนกันเข้าออก  แผงลอยขายดอกไม้พวงมาลัยก็ยังร้องเรียกลูกค้าแข่งกับเสียงรถยนต์ตรงสี่แยก  สาวคนขายบางคนหันมาเห็นพวงมาลัยมะลิที่คล้องคอหมอกแล้วชี้ชวนกันดู  บางคนก็ชูพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองสด เป็นเชิงถามว่ารับเพิ่มมั้ยคะ ดาวเรืองก็สวยนะพี่อะไรทำนองนั้น  เมฆขำแต่ทำหน้าตาย  หมอกทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะขำดีหรือจะเขินดี  เหลือบมาเห็นสีหน้าแบบกลั้นหัวเราะเต็มที่ของเมฆแล้วเลยส่งเสียงคำรามในลำคอออกมานิดนึง  เป็นทำนองว่าฝากไว้ก่อนนะน้องชายอะไรอย่างนั้น

        เมฆไม่สนใจ ก้าวฉับๆ นำหน้าหมอกผ่านทะลุความจอแจไปจนถึงบริเวณหน้าโรงแรมที่ประดับไฟสีเป็นรูปต่างๆ สวยงาม  คืนนี้มีคนเดินมาดูไฟกันเยอะ แต่ไม่แออัดเหมือนฝั่งศูนย์การค้าที่สองหนุ่มเพิ่งจากมา

        ดูไกลๆ ว่าสวยแล้ว  พอมาหยุดยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟส่องประกายระยิบระยับราวกับมีดาวดวงน้อยๆ เรียงรายอยู่รอบตัว เมฆเกือบกลั้นหายใจด้วยความตื้นตัน  เมฆชอบไฟดวงเล็กๆ สีขาวกระจ่าง แขวนระเกะระกะไม่เป็นระเบียบอยู่บนแมกไม้  

        ...เหมือนดาว...  เหมือนอยู่ในเทพนิยาย

        หมอกกระหืดกระหอบตามมาทัน ทำท่ามันเขี้ยวที่เมฆขำแล้วหนีมาคนเดียว ปล่อยให้ตัวเองเป็นเป้าสายตาคนเดินถนน (จริงๆ ก็ไม่ได้มีใครมองซักกี่คนหรอก คิดไปเองแท้ๆ)  ก็เลยล็อกคอเมฆจากด้านหลัง (แบบนุ่มๆ) จนเมฆเซถอยมาปะทะอกกว้างเต็มแรง  แต่คนตัวกว้างแข็งแรงอย่างพี่หมี เอ๊ย พี่หมอก มีหรือจะสะเทือน  กลับปักหลักหนักแน่น ปล่อยให้เมฆแหงนหงายพิงอกตัวเองอยู่อย่างนั้น

        เมฆร้องโวยวาย จนหมอกหัวเราะ  เมฆทั้งเกาะทั้งแกะแขนหมอกออกจากคอตัวเอง แต่แรงหมีน้อยดูเหมือนจะแพ้หมีใหญ่อยู่หลายขุม  เมฆทั้งฉุนทั้งขำ อดหัวเราะเองไม่ได้  แสงดาวระยิบระยับล้อมอยู่รอบตัว ดูใกล้จนเหมือนล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าที่ไม่มีจริง  แสงดาวเหมือนจะส่องข้ามภพข้ามเวลา ไม่รู้ว่ามาจากไหนและเมื่อไหร่  รู้แต่ว่าตอนนี้มันสาดส่องอยู่ในดวงตาระยิบระยับสองคู่ และในหัวใจสองดวง

        ผู้คนที่เดินผ่านไปมาชื่นชมแสงไฟ  อดหันไปยิ้มให้กันและกันไม่ได้ เมื่อเห็นพี่ชายตัวใหญ่ล็อกคอน้องชายตัวเล็กกว่า  ยืนแอบอยู่ข้างลาน ท่ามกลางแสงไฟสีขาวระยิบระยับจับตา  หัวเราะกันจนตัวโยนทั้งสองคน




        จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 12 ส.ค. 46 09:47:46 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 4




        ใกล้เที่ยงคืน...  วันเกิดของเมฆกำลังจะจบลง  เป็นวันเกิดแบบที่เมฆไม่เคยมีมาก่อน และไม่นึกว่าจะมีวันเกิดแบบนี้ได้ตลอดชีวิตนี้  แม้เมฆจะยังมองไม่ออกว่าชีวิตของเมฆจะเป็นยังไงต่อไป แต่เมฆก็รู้สึกได้ว่านับแต่นี้อะไรๆ จะไม่เหมือนเดิม  แทบไม่น่าเชื่อเลย... ภายในเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง นับจากเที่ยงคืนของเมื่อวาน เมื่อวันเกิดของเมฆเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ...

        เมื่อเมฆ ‘พบ’ กับชายในชุดสีดำ  หากสภาพการณ์อย่างนั้นจะพอเรียกว่า ‘พบกัน’ ได้...

        เมื่อเมฆ ‘พบ’ กับหมอก  ซึ่งเหมือนกับเคยพบกันมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน และเมื่อไหร่...

        เมื่อเมฆและชัดตกอยู่ในรอยแตกของมิติชั่วเวลาสั้นๆ และเป็นประจักษ์พยานให้กับการเดินทางข้ามภพของชายหนุ่มคนนึง ซึ่งป่านนี้คงยังไม่รู้สึกตัว  และการเข้ามาสู่ภพนี้ของอะไรบางอย่างที่เมฆไม่รู้จัก  ...แต่กลัว...  ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับเงาดำที่ดูจะแผ่ขยายเข้ามาปกคลุมถึงข้างในใจ...

        เมื่อเมฆอยู่ดีๆ ก็เกิดมี ‘ความสามารถพิเศษ’ ในการยิงดอกไม้ไฟเมื่อตื่นเต้น และชัดอยู่ดีๆ ก็เกิด ‘เห็น’ ภาพบางอย่างระหว่างที่อยู่ในรอยแตกนั่น ซึ่งไม่ใช่การเห็นด้วยตาแต่เหมือนเป็นการเห็นจากภายใน  ความสามารถของเมฆยังคงอยู่และเมฆกำลังเริ่มเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน แต่ไม่รู้ของชัดจะยังอยู่ด้วยหรือเปล่า...

        และเมื่อเมฆได้พี่ชายมาเป็นของขวัญวันเกิดที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้รับ...

        ...ไม่น่าเชื่อ...  เหมือนฝัน...

        เมฆอดกลัวไม่ได้ว่า พรุ่งนี้เช้าพอตื่นขึ้นมาจะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้เป็นเพียงแค่ฝันไป  เป็นเพียงการเล่นตลกของความทรงจำ  เป็นเพียงความซุกซนของอวกาศและเวลา

        แต่อย่างน้อย ตอนนี้เมฆก็ยังคงมีวันนี้  และตอนนี้เมฆก็ยังมีพี่ชาย  ถ้าพรุ่งนี้อะไรๆ จะเปลี่ยนไป เมฆก็อยากจะขอเพียงแค่ให้ความทรงจำของวันนี้อยู่กับเมฆตลอดไป  ไม่รู้จะขอมากเกินไปหรือเปล่า...

        สองหนุ่มเดินเคียงคู่กันมาเงียบๆ หลังจากที่แกล้งกันไปแหย่กันมาเกือบตลอดทาง ตั้งแต่ตอนที่ดูไฟ  จนกระทั่งเมฆเริ่มตกอยู่ในห้วงคิดเมื่อเดินกันมาจนใกล้คอนโด  เมฆไม่ทันสังเกตว่า เท้าทั้งคู่พาตัวเองและหมอกมาตามเส้นทางในซอยเล็กด้านหลังบ้านตามความเคยชิน

        มารู้สึกตัวก็เมื่อเดินจนเกือบถึงจุดที่เกิดเหตุเมื่อตอนพลบค่ำ  เมฆชะงัก  หมอกเดินเลยไปครึ่งก้าวก่อนเหลียวกลับมาเลิกคิ้วแล้วหยุด แต่ไม่พูดอะไร

        เมฆสะกดใจตัวเอง  หายใจยาวๆ ช้าๆ  แล้วก้าวต่อไปทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่หัวใจเต้นโครมคราม  เมฆต้องใช้พละกำลังอย่างมากในการสะกดความกลัวให้อยู่ในที่ในทางของมัน ไม่ออกมาอาละวาดโวยวายเหมือนเมื่อตอนค่ำ  เมฆรู้สึกเหมือนแต่ละก้าวที่สืบเท้าไปข้างหน้าเหมือนโดนถ่วงด้วยตะกั่ว เหมือนเดินอยู่ในหินหนืด ทั้งเหนียวทั้งหนัก  จะรีบเดินให้พ้นๆ ไปก็ไม่ได้ จะถอยกลับวิ่งหนีไปก็ไม่ได้อีก

        เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาสองสามเม็ดตามไรผม  ลมดึกของฤดูหนาววูบมาปะทะหน้า  ในซอยเล็กๆ ไกลถนนใหญ่อย่างนี้ ลมหนาวดูจะหนาวกว่าเมื่อตอนอยู่ข้างนอก  เม็ดเหงื่อชื้นเย็นส่งกระแสเย็นเยือกแล่นไปตามเนื้อตัวจนเมฆเผลอสะดุ้ง แม้จะไม่มีเสียงหลุดลอดจากปากออกมา

        เหมือนหมอกจะสังเกตเห็นเมฆสะท้าน  ไม่พูดอะไร แต่ยกแขนซ้ายขึ้นโอบเมฆกระชับเข้ามาแนบตัว  เดินเคียงคู่ไปด้วยกัน

        ไออุ่นจากร่างกายหมอกถ่ายทอดเข้ามาทำให้ใจเมฆสงบลง  หัวใจเต้นช้าลง  หายใจยาวขึ้น  กล้ามเนื้อที่เขม็งเกร็งน้อยๆ เริ่มผ่อนคลายตัว  จุดเกิดเหตุใกล้เข้ามาทุกที  ไม่ใช่สิ...  เมฆกับหมอกเดินใกล้จุดเกิดเหตุเข้าไปทุกที  และเมื่อวินาทีนั้นมาถึงเมฆก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจซึ่งหมอกคงสัมผัสได้ เพราะเมฆรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆ ที่ต้นแขนพร้อมกับที่ตัวหมอกกระชับชิดเข้ามาราวกับจะปกป้อง

        สองเท้าสาวผ่านจุดใจกลางรอยแตกของมิติเมื่อตอนพลบค่ำ  ...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...  เมฆระบายลมหายใจยาว  รู้สึกถึงแรงบีบบนต้นแขนที่ผ่อนเบาลง  สองหนุ่มเดินเลี้ยวเข้าประตูรั้วด้านหลังของคอนโด โดยที่เมฆไม่ได้สังเกตเห็นว่าลึกเข้าไปทางก้นซอย  มุมหนึ่งดูเหมือนจะมืดกว่าปกติ และถ้าเพ่งดูให้ดีก็อาจจะเห็นว่าความมืดที่ว่านี้ ระริกไหวอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่สงบนิ่ง  ...แม้ในเวลาที่ไม่มีลมหนาวพัดผ่าน...





        จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 12 ส.ค. 46 09:49:21 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 5




        “ขอบคุณครับพี่หมอก ที่เดินมาส่งผมข้างบน  จริงๆ ผมน่าจะไปส่งพี่หมอกที่รถมากกว่า”

        “ถ้าเมฆเดินลงไปส่งพี่ เดี๋ยวพี่ก็ห่วงเมฆอีก ก็ต้องตามมาส่งข้างบนอีก  มีหวังเดินส่งกันไปส่งกันมาถึงเช้าแน่”  หมอกยิ้ม  “เมฆพักผ่อนเถอะ  พี่พาเดินเสียเหนื่อยเลย  นี่ก็ดึกแล้ว”

        เอาอีกละ พี่หมอกนี่  เมฆขำ  นี่แกล้งกระทบเมฆอีกแล้วแหงเลย  ก็เมฆตะหากที่เป็นคนชวนเดินดูไฟ แล้วพอจะกลับบ้านก็เป็นคนคะยั้นคะยอให้เดินกลับอีกต่างหาก  อ้างเหตุผลว่าจะได้ไม่อ้วนเป็นสองหมีพี่น้อง

        “ใช่ครับ”  เมฆค่อน  “พี่หมอกนี่ควรถูกทำโทษจริงๆ ที่ทำให้น้องเหนื่อย”

        หมอกหัวเราะ  “เก็บไว้วันหลังดีมั้ยเมฆ  ถ้าเมฆมัวแต่ทำโทษพี่เดี๋ยวจะยิ่งเหนื่อยกว่านี้  พี่เป็นห่วง”

        หัวเราะได้หัวเราะไป  เมฆคิด  ไว้รอถึงทีเมฆบ้างเถอะ ฮึ่ม...  คิดแล้วเมฆก็เอียงคอน้อยๆ มองใบหน้าที่กลายเป็นความคุ้นเคยไปในระยะเวลาแสนสั้น  มองเคราบางๆ ที่ล้อมกรอบหน้าคมให้ยิ่งคมเข้ม  มองตายิ้มๆ เป็นประกายที่จับหัวใจเมฆตั้งแต่เมื่อแรกเห็น  เมฆหยิบพวงมาลัยมะลิพวงอ้วนที่พี่ชายซื้อให้ออกจากถุงที่ใส่กล่องตุ๊กตาสองหมีแล้วยื่นถุงให้หมอก

        “ของขวัญปีใหม่ครับ”

        หมอกทำหน้าเหรอ  “ยังไม่ปีใหม่เลยเมฆ  อีกตั้งหลายวัน  นี่ใจคอเราจะไม่เจอกันจนถึงปีใหม่เลยเหรอ”

        “อ้าว ก็ทีพี่หมอกยังให้ของขวัญปีใหม่เมฆแล้วเลย”

        “อ้อ...  อ้า...  อืม...”  หมอกพูดไม่ออก มองถุงในมือเมฆที่ยื่นมาตรงหน้า

        “เมื่อยแล้วคร้าบ...”  เมฆร้อง นึกสะใจเล็กๆ ที่พี่หมอกเถียงไม่ออก  เพราะปกติเหมือนเมฆจะพูดอะไรก็ถูกพี่หมอกแกล้งดักคอไว้หมด  ดี โดนซะมั่ง เป็นไงล่ะ  นึกแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเอง

        หมอกรับถุงไปแต่โดยดี  แต่ก็ยังไม่วายบ่นอุบอิบอะไรอยู่ในลำคอ ซึ่งเมฆทำหูทวนลมซะ เผื่อเป็นคำโวยวายให้เมฆรู้สึกผิด  ไม่มีทางซะล่ะ

        “นี่เมฆจะว่าพี่อ้วนละสิ  ซื้อตุ๊กตาหมีจับพุงให้พี่”  ยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปดตามหลัง แต่แล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มเจ้าเล่ห์บอกว่า  “แต่ยังไงพี่ก็เจอเมฆก่อนปีใหม่แน่นอน  หนียังไงก็ไม่พ้นร้อก”

        เมฆยิ้มตอบ  “โอ๊ย กลัวจังเลยครับ”  แล้วสบตาพี่ชายเป็นเชิงท้าทาย ทันเห็นสายตาของคนเป็นพี่อ่อนแสงลงพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากทำท่าเหมือนกับกำลังมองน้องชายซนๆ แล้วหาวิธีดัดนิสัย  มองสบตากันอยู่นานเหมือนจะแข่งจ้องตา แล้วเมฆก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้หลบตาลงมองถุงของขวัญในมือหมอก

        “ขอบคุณนะครับพี่  ทั้งของขวัญ ทั้งมื้อเย็น แล้วก็เวลาที่พี่ให้ผมตั้งหลายชั่วโมง”  ใจอยากจะบอกว่าขอบคุณที่พี่มาเป็นพี่ชายผม แต่ไม่รู้จะบอกออกไปยังไง

        “ยินดีที่สุดเลยเมฆ  พี่ขอบคุณเมฆด้วยที่ยอมรับพี่ไว้เป็นพี่ชาย  ไปพักผ่อนเถอะ ดึกแล้ว”

        “บายบายครับ”  เมฆงับประตูช้าๆ  อยากให้พี่หมอกอยู่ต่ออีกหน่อย แต่ก็รู้ว่ายืดเยื้อไปก็เท่านั้น  ยังไงก็ต้องลาจากกันอยู่ดี  แต่จากกันวันนี้ ก็เพื่อจะพบกันวันใหม่  ถ้างั้นรีบๆ ไปนอนดีกว่า จะได้เจอกับพี่หมอกอีกเร็วๆ

        “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะเมฆ”  เสียงแว่วมาก่อนที่บานประตูจะปิดสนิทเพียงวินาทีเดียว  หัวใจเมฆอาบไปด้วยความอบอุ่น  ขอบคุณครับ พี่หมอก  แล้วเจอกันครับ

        ดอกไม้ไฟสีขาวดอกเล็กๆ ฟูฟ่องขึ้นในอากาศรอบๆ ตัวเมฆเบาๆ ระบายความสุขออกมาหลังจากที่เมฆต้องสะกดกลั้น ‘ความสามารถพิเศษ’ เอาไว้ตลอดทั้งค่ำคืน (ซึ่งไม่ใช่ว่าจะสำเร็จทั้งหมด)  เมฆยกพวกมาลัยดอกมะลิขึ้นมาสูดหายใจลึกเต็มปอด  รู้ก็รู้แหละนะ ว่าเดี๋ยวนี้เค้าใช้สารเคมีปลูกดอกไม้กันทั้งนั้น  แต่แหม นานๆ ทีคงไม่เป็นไรหรอกน่า  แล้วพวงมาลัยพวงนี้ก็เป็นพวงพิเศษด้วย  เมฆจะแขวนเก็บไว้ในห้องนอน  พอเริ่มแห้งเมฆก็จะเอาไปตากแดดเป็นดอกไม้แห้งเก็บไว้ดูนานๆ

        เดินกระหยิ่มยิ้มย่องไปแง้มประตูห้องของนายชัดเบาๆ  แวะไปดูซะหน่อยว่าเป็นไงบ้าง  ไฟเพดานข้างในยังปิดมืด  โคมไฟที่เมฆเปิดทิ้งไว้ก็ยังส่องแสงนวลอยู่  เมฆเดินไปที่เตียง เอาหลังมือแตะหน้าผากและซอกคอของชายหนุ่มจากภพอื่น  ไม่ร้อน... ไม่มีไข้แล้ว  ชายหนุ่มหลับตาพริ้ม วงหน้าดูอ่อนเยาว์บริสุทธิ์เหมือนเด็กชายที่ยังไม่โต แม้ร่างกายจะบ่งบอกว่าน่าจะเป็นหนุ่มวัยเดียวกับชัดและเมฆ

        ละสายตาจากหนุ่มแปลกหน้ามายังเพื่อนร่วมห้องที่คบหากันมานาน  เมฆเดินอ้อมปลายเตียงมายังกองผ้านวมข้างเตียงที่ตัวเองกึ่งลากกึ่งจูงชัดมาทิ้งเอาไว้  คิ้วได้รูปของชัดย่นน้อยๆ ทำให้ใบหน้าคมคายส่อแววกังวล  เมฆใช้หลังมือข้างเดียวกันกับที่วัดไข้ชายหนุ่มแปลกหน้า ไล้ไปตามแนวคิ้วของชัดอย่างเบามือ จนคิ้วเคร่งของชัดคลี่คลายออกทีละน้อย

        เมฆยิ้ม  ไม่เคยเห็นชัดสนใจใยดีใคร  มีคนมาชอบมาจีบชัดมากมาย ทั้งชายและหญิง  แต่ชัดดูออกจะเหมือนเจ้าชายหิมะ  สวยงามตอนที่ร่วงลงจากฟ้า แต่คว้าไว้ไม่ได้ เมื่อตกถึงมือก็ละลายหายไป  ครั้งจะหันไปหาหิมะที่ท่วมทับอยู่บนแผ่นดิน ก็ทั้งหนาวเย็น ทั้งแข็งกระด้าง เป็นเพียงน้ำแข็งที่ไร้น้ำใจเท่านั้น  ชัดไม่เคยสนใจใคร และไม่เคยคิดจะเริ่มสนใจใคร  ชายหนุ่มจากภพอื่นนี้เป็นใครกันหนอ ทำไมถึงทำให้เพื่อนเมฆแปลกไปขนาดนี้

        เมฆยิ้ม  หลังมือไล้ไปตามวงหน้าคมคายของเพื่อน  “เฮ้ยชัด  ชั้นเจอคนพิเศษของชั้นแล้วนะเฟ้ย”  เมฆกระซิบ  “ถึงจะเป็นพี่ชาย ไม่ใช่คนรักก็เถอะ  นายคงเจอคนพิเศษของนายแล้วเหมือนกันใช่ปะ  โชคดีนะเพื่อน”

        เมฆงับประตูห้องชัดตามหลังแผ่วเบา  เดินปิดไฟรอบบ้าน แล้วกลับเข้าห้องของตัวเอง

        หลังจากอาบน้ำประแป้งแต่งตัวพร้อมจะเข้านอนแล้ว เมฆก็เปิดตู้เสื้อผ้าด้านในซึ่งเก็บเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใช้  ค้นกุกๆ กักๆ อยู่ครู่นึง แล้วก็ยิงดอกไม้ไฟดวงเล็กสีส้มอย่างดีใจเมื่อเจอของที่ต้องการ

        เมฆปิดตู้ ปิดไฟ แล้วกลับมาที่เตียงพร้อมกับตุ๊กตาตัวนุ่มหนาขนปุกปุยตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ไหนเมฆก็จะต้องพาติดตามไปด้วยตลอด แม้จะไม่ได้เอาออกมาไว้ที่เตียงเพราะเมฆโตแล้วก็ตาม  วันนี้เป็นวันดี เป็นวันแห่งการเริ่มต้น  เมฆจะพาน้องตุ๊กตาสองตัวออกมานอนกับเมฆอีกครั้ง  

        ตุ๊กตาหมีเท้ดดี้แบร์สองตัวติดกัน หมีตัวใหญ่โอบไหล่หมีตัวเล็ก วางแปะอยู่บนหน้าอกของเมฆขณะที่เจ้าตัวหลับตา ฝันเห็นดวงดาวระยิบระยับนับพันเปล่งประกายแข่งกับรอยยิ้มในดวงตาสองคู่และในดวงใจสองดวง





        จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 12 ส.ค. 46 09:51:26 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 6

        จบบทที่ 3 ครับ

        ตกลงว่าใช้เวลาสัปดาห์นึงเต็มๆ อย่างที่กะเอาไว้ไม่มีผิด
        (วันนี้วันอังคารแย้ว...)
        ขอบคุณเพื่อนๆ ที่คลิกเข้ามาอ่านนะครับ

        ขอให้คุณแม่ของเพื่อนๆ และของผมด้วย มีความสุขมากๆ
        ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ทุกๆ วัน
        สุขสันต์วันแม่ครับ


        ==== ตอบกระทู้จากบทที่แล้ว ====

        ตามคำแนะนำของคุณ scottie นะครับ
        ผมคัดลอกคำตอบจากบทที่แล้วมาแปะไว้ในบทนี้ด้วย
        สำหรับเพื่อนที่ไม่ได้ตามไปอ่านกระทู้เดิม
        ขอบคุณคุณ scottie ที่แนะนำนะครับ

        ==== ตอบกระทู้จากบทที่แล้ว ====



        ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านมากๆ เลยนะครับ
        แล้วก็ที่สละเวลาฝากความเห็นไว้ให้ด้วย  ซาบซึ้งจริงๆ
        (ฮือๆ น้ำลายไหลสามหยด)
        วันนี้ยังไม่มีบทใหม่มาโพสต์นะครับ
        แต่อยากมาตอบความเห็นเพื่อนๆ
        อยากให้เพื่อนๆ รู้ว่าแต่ละความเห็นมีค่ากับคนเขียนมากๆ ครับ
        (อีกหน่อยจะเซฟเก็บไว้ ฮี่ๆ)


        (((( คุณเบื่อ ))))

        โอ๋ยโหย  ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ แหะๆ
        ถ้างานเขียนของผมทำให้คนอ่านเบื่อ ผมตะหากต้องขอโทษ
        ที่ใช้คำว่า "ติดตาม" เพราะเห็นว่าเป็นบทที่ 2 แล้วน่ะครับ
        เลยโมเมเหมาเอาว่าคงได้อ่านบทที่ 1 แล้ว
        ขอบคุณที่สละเวลาฝากความเห็นไว้นะครับ  : )


        (((( คุณฤทัย ))))

        ขอบคุณคับป๋ม
        สัปดาห์ละ 2 ตอนจะพยายามนะครับ
        นี่ไง สัปดาห์นี้ผมออกมา 2 บทแล้วนะ (ภูมิใจนิดๆ อิๆ)
        เมื่อวันอาทิตย์บทนึง  วันอังคารอีกบทนึง
        จะพยายามให้ได้ปลายสัปดาห์อีกบทนึงนะครับ

        คุณฤทัยรู้ทันแหละ  แหะๆ
        ต้องมีดอกไม้ไฟอยู่แล้ว ไม่มีไม่เฮ
        ทำไมพล็อตผมมันเดาง่ายหยั่งงี้นะ
        เดี๋ยวก่อน ต้องคิดมุขก่อน
        เดี๋ยวคุณฤทัยไม่เซอร์ไพรส์  : )


        (((( คุณ scottie ))))

        แม่นแล้วครับ
        (หวังว่าจะไม่ธรรมดา  เพี้ยง...สาธุ  : )
        ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
        น่าจะใช่คุณ O-HO หรือคุณ Clear Ice อย่างที่คุณ scottie ว่า
        พอคุ้นๆ แล้วล่ะ

        ผมจะดำเนินการตอบกระทู้ตามที่คุณ scottie แนะนำนะครับ
        จะลอกคำตอบจากบทที่ผ่านมามาแปะไว้ที่บทปัจจุบันไปทุกบท
        (ถ้าไม่ลืม  ความจำค่อนข้างระยะสั้น แหะๆ
        ต้องช่วยเตือนมั้งครับเนี่ย)

        ส่วนเรื่องเมฆอย่างนั้นอย่างนี้กับสรรพนาม
        (ฟังดูเท่ดี น่าเอาไปตั้งชื่อเรื่องสั้นนะเนี่ย)
        ขออนุญาตยกยอดไปตอบพร้อมคุณ GTW นะครับ  : )


        (((( คุณอะเดล_อิ้วๆๆ ))))

        อย่าเพิ่งงงเรื่องลิ้งค์เลยครับ คือผมทำแบบขี้เกียจๆ น่ะ แหะๆ
        ผมเป็นคนขี้เกียจมากถึงมากที่สุดน่ะครับ
        เลยอยากให้มีลิ้งค์ของทุกบท จะได้ไม่ต้องมานั่งหาเอง
        ทีนี้แทนที่จะพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง
        ก็จะพิมพ์ทีเดียวแล้วก็ก๊อปมาแปะๆๆ
        แต่ละบทก็เลยจะมีลิ้งค์ไปหาบทตัวเองด้วยไงครับ
        เพราะขี้เกียจลบ  ฮี่ๆ

        งานหลายชิ้นนี้คืองานเรียนครับ
        มิใช่งานเขียน
        ขอบคุณที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมชมครับ
        มิกล้าทำงานเขียนหลายๆ ชิ้นพร้อมๆ กันหรอกครับ
        (แค่ชิ้นเดียวก็เขียนไม่ทันแล้ว  : )

        ป.ล. ตอนนี้ยังไม่ได้อ่าน อมตภพ...สู่...กาลนิรันดร์
        เพราะกำลังตามอ่าน รัตนมณีแห่งดวงดาวอยู่
        เมื่อวานมัวแต่ลุ้น เกือบเข้าเรียนสายแหนะครับ  แหะๆ  : )


        (((( คุณศรีจิตรา ))))

        ขอบคุณครับ
        สำนวนน่ารักเพราะคนเขียนน่ารักมั้งครับ  :P
        (พูดไปไม่ค่อยอายฟ้าดินเลยนะเนี่ย)
        ตอนนี้เมฆคงยังไม่ค่อยชอบลูกไฟของตัวเองเท่าไหร่
        แต่อีกหน่อย ไม่แน่ ฮี่ๆ

        คุณศรีจิตรารู้สึกว่าเมฆเหมือนผู้หญิงเหรอครับ
        อืม... น่าสนใจมาก
        (คุณพีททำท่าเลียนแบบเชอร์ล็อคโฮล์มตอนพบปมปริศนา)
        คนเขียนเป็นผู้ชายนะครับเนี่ย
        ไม่เคยรู้จริงจริ๊ง ว่าผู้หญิงเค้าคิดกันยังไง
        ผมสงสัยว่า
        คนเราคงมีธรรมชาติบางอย่างร่วมกันละมังครับ
        ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
        ก็เลยสื่อถึงกันได้ไง
        (ทฤษฎีผมพอถูไถมะครับ  : )


        (((( คุณณัฐกร ))))

        ดีใจที่ชอบบทบรรยายครับ
        ผมยังห่วงอยู่มาก ว่าจะทำให้เบื่อหรือเปล่า
        แต่ผมค่อนข้างอินกับเรื่อง  แหะๆ  :P
        เวลาเขียนไปก็เห็นภาพ  ก็รู้สึก
        เลยเขียนไปตามที่เห็น ที่รู้สึก

        แล้วก็ดีใจด้วยที่ถึงจะขนลุก ก็ยังอ่านอยู่
        ไม่รู้ตอนนี้ขนลุกน้อยลงหรือยัง
        อืม...
        ขอบคุณมากๆ ที่ใจกว้างครับ
        "ทุกอย่างมันมีเหตุผลในตัวของมันเอง"
        ชอบจัง
        ขอยืมไปใช้บ้างได้มะครับเนี่ย  :P

        ป.ล.  Fic or Fact ตอนที่ 6 ใกล้คลอดรึยังน้อ  รออยู่...
        (ไม่กล้าเรียกชื่อไทย กลัวเรียกผิดครับ  : )


        (((( คุณ GTW ))))

        ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาเยี่ยม
        สารภาพว่าเห็นชื่อนี้แล้วรู้สึกเกร็งหน่อยๆ
        (โชคดีที่ผมไม่มีดอกไม้ไฟอย่างเมฆ)

        ไหนๆ คุณ GTW ก็ "ดัดแปลงมาจากความเห็นคุณ scottie"
        ผมก็เลยขออนุญาตตอบพร้อมกันเลยนะครับ
        เห็นด้วยครับว่า มีเมฆอย่างนั้นอย่างนี้
        แล้วก็ เมฆ หมอก ชัด เต็มหน้าไปหมดเลย
        (สงสัยมีเฉลี่ยย่อหน้าละเกือบห้าชื่อ)
        เหตุผลคงเหมือนกับที่ตอบคุณณัฐกรไปตอนต้น
        คือผมเขียนไปตามที่เห็น ที่รู้สึก
        มันก็เลยออกมาหยั่งงั้น  แหะๆ
        (สงสัยในสมองผมไม่ค่อยมีสรรพนามเก็บอยู่)
        คุณ scottie กับคุณ GTW อาจสังเกตเห็นว่า
        บางประโยคไม่มีประธานด้วยซ้ำ
        (มีหวังตกวิชาไวยากรณ์ภาษาไทยแหง็ม)
        ไม่มีข้อแก้ตัวครับ
        สงสัยคงจะเป็นหยั่งงี้ไปทั้งเรื่องมั้งเนี่ย
        หวังว่าคงไม่น่ารำคาญจนเกินไปนะครับ
        ขอโทษๆ _/|\_
        (เลียนแบบคุณ scottie  : )


        (((( คุณกัญแก่น ))))

        ดีใจที่ชอบครับ
        ได้กำลังใจขึ้นมาโขเลย
        ต้องแอบสารภาพว่า ผมเองก็อยู่ในช่วงทดลอง
        ค้นหาวิธีเขียนที่ถูกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
        พยายามเขียนในวิธีที่คิดว่าตัวเองชอบ
        ถ้าคนอ่านชอบด้วย ก็เหมือนได้รางวัล
        ขอบคุณมากครับ


        (((( คุณกริช ))))

        มิต้องห่วงเรื่องลูกไฟเลยครับ
        มีเยอะแน่ๆ  เพียงแต่จะออกมายังไงแล้วล่ะทีนี้

        จะพยายามให้ได้มากกว่าสัปดาห์ละครั้งนะครับ
        ผมเป็นคนเขียนช้าไง
        แต่ละบทยาวแค่ 10 หน้าเอสี่นะ
        เขียนเป็นหลายชั่วโมง
        แล้วต้องอ่านแล้วอ่านอีก
        ให้ได้อย่างใจ
        เขียนว่าช้าแล้ว  คิดยิ่งช้ากว่าอีก
        บางฉากนี่ คิดข้ามคืนหลายๆ คืนเลยนะ
        ขอเวลานี้ด...นาครับ  มือใหม่หัดเขียนง่ะ
        ขอบคุณที่ตามอ่านนะครับ  : )

        (((( คุณ SuengTueng ))))

        ดีใจที่ตั้งชื่อเรื่องได้ถูกใจครับ
        เลยหลอกล่อให้คุณ SuengTueng คลิกเข้ามาอ่านได้  ฮี่ๆๆ

        ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
        ไม่ว่าหรอกครับ
        คุณ SuengTueng ให้มาสองชื่อ...
        ผมก็ไปเปิดดูของทั้งสองคนเลยครับ
        ก็ได้เรียนรู้มาก  จะค่อยๆ พยายามปรับมาใช้นะครับ
        (มือใหม่เหมือนกัน ยังลองผิดลองถูกอยู่)

        ผมลงชื่อบทกำกับไว้บนหัวข้างบนตามที่แนะมาแล้วครับ
        (บางทีอาจลืมบ้าง นึกได้ก็จะตามมาลงนะครับ แฮ่ๆ)
        ส่วนลิงค์ผมไว้ข้างบนจะได้หาง่ายไงครับ
        เหมือนสารบัญ  จะได้ไม่ต้องเลื่อนบาร์หาว่าอยู่ตรงไหนน่ะ

        ขอบคุณที่ตามอ่านงานของเพื่อนๆ และคอยให้กำลังใจครับ  : )



        (((( คุณปิ๊ววววววววว ))))

        (ไม่แน่ใจว่าใส่ ว.แหวน ครบหรือเปล่า : )
        ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ
        ผมตามอ่านเรื่องของคุณปิ๊วอยู่เหมือนกัน
        ไว้จะตามไปทักในกระทู้คุณปิ๊วด้วยนะ
        เห็นแล้วล่ะว่าออกตอนใหม่มาแล้ว
        ต้องรีบไปอ่านแล้วล่ะ...   : )


        (((( คุณอรพิม ))))

        ได้รับกำลังใจแล้วครับ ขอบคุณมาก
        จะสู้ๆๆๆ อย่างที่คุณอรพิมบอกครับ  : )




        แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 46 10:10:15

        จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 12 ส.ค. 46 09:56:40 ]

       
       

        ความคิดเห็นที่ 7

        ตามมาอ่านแล้ว  ถ้าเขียนช้าก็พิมพ์ดิคับ จะได้ไวขึ้น
        (ล้นเล่นน่ะคับ)


        จากคุณ : กริช - [ 12 ส.ค. 46 14:02:26 A:202.44.8.98 X:10.11.13.113 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 8

        ลองนับดูเล่นๆ
        ย่อหน้าหนึ่ง ยาว 2 บรรทัดครึ่ง มี 6 เมฆ
        อีกอัน ยาวแค่บรรทัดครึ่ง ปาเข้าไป 4 เมฆแน่ะ
        กระทู้นี้เมฆหมอกลอยเต็มไปหมด อิอิ ...

        ตกลงว่าเมฆกับชัดเป็นแค่เพื่อนกันใช่ไหม?
        แล้วชัดก็ชอบผู้ชายหรือคะ? แล้วหมอกล่ะ??
        จากเท่าที่เคยได้ยินหรือเจอด้วยตัวเอง
        ผู้ชายจำนวนหนึ่งจะหลีกเลี่ยงผู้ชายที่นุ่มนวลเป็นพิเศษ
        อย่างเมฆนี่ แสดงออกเหมือนผู้หญิงมากๆ เลยล่ะ


        จากคุณ : scottie - [ 12 ส.ค. 46 15:32:37 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 9

        ตอน 3 เนี้ยยาวดี แต่ชอบนะอ่านมันส์ดี
        เรียกแต่ เมฆๆ  แล้ว เมฆน่ะ หน้าตาเป็นไงเหรอ บอกที่สิ อยากรุ้ ( จะคอยตอนต่อไปนะ)  >__<    


        จากคุณ : แสนฤทัย - [ 13 ส.ค. 46 10:59:44 A:203.155.175.1 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 10

        ตอนนี้อ่านแล้วขนเลิกลุกแล้วครับ แต่รู้สึกจักจี้แทน ฮิๆ

        ชักอยากกินไอติมซะแล้วซิ  ว่าแล้วก็ขอตัวไปทานก่อนนะครับ

        ปล. ถ้าตอนที่6 ออกแล้วครับอยู่ล่างๆ  ส่วนตอน 7 เป็นวันเสาร์นี้ครับ


        จากคุณ : ณัฐกร - [ 13 ส.ค. 46 19:20:30 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 11

        ^__^..

        จากคุณ : GTW - [ 13 ส.ค. 46 21:53:26 A:210.86.196.30 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 12

        ตอนนี้พรรณนาอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้ดีนะ ขอชมด้วยใจจริง มีเพื่อนที่เป็นเกย์ค่อนข้างมาก ทั้งรุกและรับ รู้สึกเพื่อนๆ เป็นอารมณ์อย่างนี้จริงๆ หวามไหว วูบวาบ น้อยใจ รุนแรง เอื้ออาทร สะเทือนใจง่าย โกรธทีเหมือนดวงไฟลุกเลย

        พูดถึงเรื่องสรรพนาม อาจจะซ้ำไปบ้างอย่างทีคุณ GTW บอก แต่พออ่านๆ ไป ส่วนตัวรู้สึกว่าในเรื่องนี้ ใช่เมฆอย่างนั้นอย่างนี้ก็โอเคเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าถ้าเปลี่ยนเป็น เขา อารมณ์มันจะได้แบบหวามไหวอย่างนี้หรือเปล่า เป็น เธอ ก็คงไม่เหมาะนัก นิยายเรื่องนี้มันค่อนข้างพิเศษหน่อยน่ะค่ะ คุณพีทลองเปลี่ยนแล้วอ่านทวนดูก็ได้ ว่าอารมณ์มันไหลไหม


        จากคุณ : ร้อยบุปผา - [ 14 ส.ค. 46 11:19:28 A:218.2.249.121 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 13

        O _______________ o

        ^ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ ^


        จากคุณ : เอ่อ่อ่ะนะคะ - [ 14 ส.ค. 46 21:25:11 A:202.28.27.2 X:202.28.251.211 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 14

        มาแล้วววววว
        รอตั้งนานนนนน

        ^_^


        จากคุณ : SuengTueng - [ 15 ส.ค. 46 08:01:22 A:210.1.18.140 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 15

        inlove
        ^_________________________^


        จากคุณ : adel_ew - [ 17 ส.ค. 46 10:50:43 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 16

        อยากมีพี่ชายบ้าง :)
        แต่สงสัยเหมือนคุณ scottie เลย เรื่องหมอกน่ะค่ะ :)


        จากคุณ : เจ้าหญิงน้อย - [ 20 ส.ค. 46 12:23:14 A:203.113.61.199 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 17



        (((( คุณกริช ))))

        ขอบคุณที่ตามมาครับ ช่วยตามต่อไปด้วยนะครับ
        (ฮ่าๆ ทำ marketing ซะเลย)
        พิมพ์เร็วกว่าเขียนจริงๆ ครับ
        นี่ถ้านั่ง "เขียน" สงสัยคงออกได้เดือนละบท
        ว่าแต่...
        เวลาคิดช้า ทำไงดีครับ ถึงจะไวขึ้น
        แฮ่ๆ
        ^o^


        (((( คุณ scottie ))))

        โอ๋ยโหย อายจัง
        ถ้าคุณ scottie นับผมทุกบทคงเหนื่อยแย่เลย
        ไว้จบแล้ว ผมหาโปรแกรมมาทำสถิติเลยดีกว่า  อิๆ

        เมฆกับชัดเป็นแค่เพื่อนแหละครับ
        เป็นมากกว่านั้นไม่ได้หรอก ตีกันตาย  หุๆ
        ชัดก็ชอบผู้ชายหรือเปล่า...
        อ่านบทนี้แล้วอาจจะพอได้คำตอบมากขึ้นนะครับ
        ส่วนหมอกนี่  ยังไม่รู้หรอกครับ
        สงสัยต้องรออีกหลายตอนนะถึงจะรู้

        อาจจะจริงอย่างที่คุณ scottie ว่า
        "ผู้ชายจำนวนหนึ่งจะหลีกเลี่ยงผู้ชายที่นุ่มนวลเป็นพิเศษ"
        แต่อย่างเมฆเนี่ย คงจะห่างไกลความ "นุ่มนวล" อยู่ซักหน่อยมั้งครับ
        ทั้งเอ๋อ ทั้งซุ่มซ่ามมือวางอันดับหนึ่งอย่างนี้
        สงสัยต้องไปเข้าคอร์สซักสองสามปี กว่าจะนุ่มนวลกะเค้าได้ละม้าง..
        ^o^


        (((( คุณแสนฤทัย ))))

        คุณแสนฤทัยนี่คือคนเดียวกับคุณฤทัยรึเปล่าหนอ...
        แกล้งให้ผมคิดอะไรยากๆ เรื่อยเลยนะครับ  : )
        ขอบคุณที่แบ่งปันความมันส์ให้ผมทราบครับ
        ปลื้มใจนะ
        บทที่ 4 นี้สงสัยไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่
        ออกแนวเครียดซะมากกว่า

        เมฆหน้าตาเป็นไงเหรอ
        รู้แต่บอกไม่ถูกง่ะ
        รอเดี๋ยวนะ  เดี๋ยวบทต่อๆ ไปจะค่อยๆ บรรยายให้ฟังดีมะ
        ว่าแต่...
        คุณแสนฤทัยอยากให้เมฆหน้าตาเป็นไงละครับ
        ^o^


        (((( คุณณัฐกร ))))

        ผมยอมแพ้แล้วก๊าบ...
        เดี๋ยวขนลุก  เดี๋ยวจั๊กจี้
        เดี๋ยวคราวหน้าเอาแบบเจ็บๆ มั่ง ห้ามบ่นนะเอ้อ
        (ผมยังไม่มีโอกาสไปกินไอติมเลย กินเผื่อด้วยละกันนะคร้าบ...)
        ^o^


        (((( คุณ GTW ))))

        ขอบคุณที่แวะมายิ้มปากกว้างให้นะกั๊บ
        มีชื่อคุณจีแปะอยู่ในกระทู้แล้วภูมิใจ ฮี่ๆ
        ^o^


        (((( คุณร้อยบุปผา ))))

        ชอบชื่อคุณจังเลย
        (เคยรู้จักเพลงชื่อนี้ด้วยแหละ)
        ขอบคุณมากๆ สำหรับคำชมนะครับ
        เชื่อแล้วว่าคุณร้อยบุปผามีเพื่อนเป็นเกย์เยอะจริงๆ
        ตรงที่คุณร้อยบุปผาตั้งคำถามว่า...
        "...อารมณ์มันจะได้แบบหวามไหวอย่างนี้หรือเปล่า"
        ใช่เลยครับ อิๆ  
        สารภาพว่าเวลาเขียน เขียนด้วยอารมณ์ "หวามไหว" อย่างที่ว่า
        (ว่าแล้วก็นึกอยากเป็นเมฆขึ้นมาตะหงิดๆ เฮือก...)
        ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะกั๊บ
        แล้วตามมาอ่านต่อนะตัวเอง
        ^o^


        (((( คุณเอ่อ่อ่ะนะคะ ))))

        หวังว่าคงสะกดชื่อถูกนะกั๊บ
        (แต่สารภาพว่าอ่านไม่ออกแหละ แหะๆ)
        ขอบคุณสำหรับยิ้มกว้างแสนหวานนะครับ
        (ป.ล.สุขสันต์วันเกิดน้า...)
        ^o^


        (((( SuengTueng ))))

        สัปดาห์นี้ก็นานอีกแล้วครับท่าน
        หวังว่าคงไม่นานเกินไปจนเลิกอ่านนะครับ  อิๆๆ
        (ป.ล.บายดีปะครับ)
        ^o^


        (((( คุณอะเดล_อิ้วๆๆ ))))

        ขอบคุณที่แวะมาทักคร้าบ...
        ตอนนี้คงสนุกอยู่กับอมตภพใช่ม้า
        คลอด (อีกที) เมื่อไหร่จะตามไปเกาะขอบจอนะครับ
        ตอนนี้ต้องตามรัตนมณีก่อง
        ^o^


        (((( คุณเจ้าหญิงน้อย ))))

        อุ๊บ เราออนไลน์พร้อมกันพอดี
        โทษทีนะครับ ตอบไปแล้วเพิ่งเห็น เลยตามมาตอบต่อ

        คุณพีทก็อยากมีพี่ชายแบบนี้เหมือนกัน ฮือๆ
        พอรู้มั้ยครับจะไปหาได้ที่ไหน
        ส่วนข้อสงสัยเรื่องหมอก
        ก้อ... อย่างที่บอกคุณ scottie
        รอไปก่อนนะตัวเองนะ

        มิตรภาพระหว่างเมฆกับชัดอุ่นมากครับ
        บางทีอุ่นน้อยกว่าน้ำเดือดนิดเดียว...
        (เฮ้อ แค่นึกก็เหนื่อยใจแทนแล้ว)
        ^o^


        แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 46 12:32:21

        จากคุณ : คุณพีท (PeterPuck) - [ 20 ส.ค. 46 12:28:15 ]