+++ใฉัน..อยู่กับเธฮ +++ ตอนที่ 1

       แก้ไขชื่อเรื่องใหม่นะคะ    "  ใจฉัน......อยู่กับเธอ  "  
                     
    (ขอโทษค่ะ..มือไวไปนิด....ด)


                      ยายหนูเล็กหรือบราลี นักศึกษาครุทายาทชั้นปีที่สามสาขาวิทยาศ่าสตร์สถาบันราชภัฎแห่งหนึ่ง เธอกำลังจะเดินผ่านตึกคณะมนุษยศาสตร์เพื่อไปเรียนภาควิชาครูที่คณะครุศาสตร์อย่างรีบเร่ง

                      ขืนชักช้านอกจากจะเข้าเรียนไม่ทันเพื่อน ยังได้นั่งโต๊ะหลังๆได้ยินเสียงอาจารย์ไม่ค่อยชัดแล้วยังจะมองไม่เห็นแผ่นสไลด์อีกต่างหาก เพราะความเร่งรีบทำให้ไม่ได้เหลียวมองรอบข้างว่ามีสายตาอีกคู่คอยจ้องมองเธออยู่ทุกย่างก้าว  

                      พอเดินเข้ามาใกล้ตึกแล้วนั่นละเสียงร้องทักทายไม่มีปี่มีขลุ่ยจากใครอีกคนก็ดังมาจากบนตึก  บนตึกที่ว่านั้นคือ  บนตึกเรียนคณะมนุษยศาสตร์ชั้นที่สาม ด้วยเสียงร้องเรียกที่ดังลั่นของเขา  ทำให้เธออายนักศึกษาคนอื่นๆที่จ้องมองมาที่เธอแทบเป็นตาเดียว บางคนมองมาแล้วก็อมยิ้มขบขันและเดินจากไป

                      เธอเขินจัดจนแทบอยากกลายร่างเป็นขอมดำดิน จะได้มุดพื้นดินตรงนั้นหนีไปให้ไกลๆ ก็นั่นมันชั้นสามของตึกนี้ ห้องอื่นๆเขาก็นั่งเรียนกันอยู่  แล้วนายคนนั้นก็ร้องเรียกชื่อเธอออกมาได้ยังไงกัน  คิดๆแล้วก็อยากจะบ้าตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ทำไมเธอจะต้องมารู้จักนายคนนี้ด้วยนะ  นายเก่ง   เก่ง  และกล้าดีเดือด  สมชื่อเขานะละ  

                      "  คุณบราลีแฟนผม  คนที่สะพายเป้สีแดงๆคนนั้นนะหยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนึงนะ  ผมจะลงไปหาเดี๋ยวนี้ล่ะ  “  

                      ไม่รอชักช้าให้เขาเดินลงมาพบ  บราลีเดินแกมวิ่งเพื่อไปให้พ้นๆจากบริเวณตึกนี้ทันที  คนข้างบนก็ไม่รอช้าไถลตัวลงมากับราวบันไดอย่างทันทีโดยมิได้นึกเกรงกลัวว่าตัวจะผลัดตกลงมาแต่อย่างใด  เขากระโดดลงมาทันเธอที่บันใดชั้นที่หนึ่งพอดี๊ พอดี มันก็เนื่องมาจากขายาวๆและความคล่องตัวเป็นเลิศของเขานะล่ะ ไม่อย่างนั้นคงตามเธอไม่ทัน

                      " ว้าย….ตาบ้านี่  จะบ้าเหรอ  โดดลงมาได้ยังไง  ชั้นนี้บันไดมันมีตั้งสิบห้าขั้นนะ  อยากตายหรือยังไง   “        
                 
                      บราลีแผดเสียงร้องโวยวายอย่างตกใจ  ท่าทางพิเรนๆนั้นของชายหนุ่ม  

                      "  ขนาดโดดลงมาเร็วขนาดนี้  ยังเกือบไม่ทันเธอเลยนะ  “  อีกฝ่ายยังยืนทำท่าทะเล้นอยู่กับราวบันไดของตึก

                      "  อ้อ… เธอไม่ทันฉันแน่ๆ  ถ้าเธอยังทำแบบเมื่อสักครู่นี้อีกครั้ง ฉันจะไม่พูดกับเธออีกแล้วด้วย  “  เธอบอกเสียงเข้ม  ทำท่าจะผละจากไป

                      "  แน่ละซิ  ฉันทำอะไรเคยถูกใจคุณบราลีที่ไหนกัน   คงมีนายจุลดิศคนเดียวเท่านั้นละมั้งที่ทำอะไรก็ถูกใจคุณบราลีไปหมดนะ  “  

                      ชายหนุ่มยืนพิงผนังตึก  เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงขายาวสีดำ   พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจในตัวหญิงสาวนิดๆ และประโยคหลังนั้นเขาก็เอ่ยออกมาเพียงแพ่วเบาเหมือนพูดลำพึงกับตัวเอง  

                      "  ก็มาตะโกนแบบนั้น  ใครที่ไหนจะชอบใจล่ะ  ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันก็เถอะนะ “

                      บราลีพูดต่อว่าเขาเบาๆ   เพราะยังนึกเขินอายกับถ้อยคำที่เขาตะโกนออกมาเมื่อสักครู่อยู่นะเอง แต่นั้นกลับยิ่งสร้างความหงุดหงิดใจให้แก่ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น

                      "  ต้องเป็นนายจุลดิศทำใช่มั้ย  มันถึงจะถูกใจเธอไปหมดทุกอย่างนะ  ใช่ซินะ  ฉันมันไม่เคยอยู่ในสายตาของเธออยู่แล้วนี่   “  

                      น้ำเสียงคนพูดฟังดูแปร่งๆ  แต่เธอหาได้สนใจในน้ำเสียงนั้นไม่    และเธอก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมเขาจะต้องเอาจุลดิศมาเกี่ยวข้องกับการกระทำของเขาด้วย  ทั้งที่ทำมาทั้งหมดนี่ไม่มีส่วนไหน ของจุลดิศเกี่ยวข้องเลยสักนิด

                      “  นี่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยใช่มั้ย  งั้นก็…. ไม่ต้องพูดไปให้มากความหรอกเสียเวลาเปล่าตราบใดที่เธอไม่เคยเข้าใจอะไรเลยเหมือนกันนะกล้า  “

                      เธอพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากตึกคณะมนุษยศาสตร์มุ่งหน้าสู่ตึกคณะครุศาสตร์ที่เธอจะต้องเข้าเรียนอีกวิชาหนึ่งในภาคบ่ายของวันนี้  เก่งกล้ามองตามร่างโปร่งบางที่เดินออกไปจากตึกเขาอย่างว้าวุ่นใจ  พูดกับตัวเองว่า

                      “ ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้าใจอะไรอย่างที่เธอว่าซะหน่อย  คนที่ไม่เคยเข้าใจ  ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของเขานะคือเธอต่างหากล่ะ “  

                      ขนาดจุลดิศเรียนไกลถึงอังกฤษ  เธอก็ยังMailไปหาทุกวัน  คุยโทรศัพท์กันเกือบทุกวันครั้งละนานๆ  ทั้งที่เขาและเธอเรียนใกล้กันเพียงปลายก้อย  ก็ดูราวกับว่าห่างไกลกันเป็นร้อยโยชน์  พันโยชน์    

                      นายนั้นมันมีอะไรดีจึงได้ยึดครองใจเธอได้เหนียวแน่น  เสียจนไม่เหลือเผื่อแผ่มาถึงเขาเลยสักน้อยนิด

                      ดูเอาเถอะเพียงแค่จะหยุดคุยกันดีๆให้สาสมกับที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายเดือน เพราะต่างคนต่างออกไปเก็บประสบการณ์วิชาชีพครูบ้างแล้วนะเอง  พอกลับมาเจอกันแทนที่จะคุยกันให้สาสมกับความคิดถึง  กลับต้องมาทะเลาะกันซะนี่ปะไร  ทำไมเธอไม่เข้าใจเขาอย่างที่เข้าใจจุลดิศบ้างนะ


    จุลจ๋า…

                     วันนี้เล็กมีเรื่องทะเลาะกับนายเก่งกล้ามาอีกแล้วนะ...  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจะต้องคอยทะเลาะกับเขาแบบนี้  แต่ว่าก็ว่าเถอะนะจ๊ะ  นายนั้นชอบทำพิเรนๆให้เล็กได้อายนักศึกษาคนอื่นๆอยู่เรื่อยๆ  ชอบทำอะไรไม่นึกถึงใจคนอื่นเลย  

                     อย่างวันนี้ก็ตะโกนมาจากตึกคณะมนุษย์  ว่า  “  คุณบราลีแฟนผม…. .ให้รออยู่ตรงนั้นเดี๋ยว   “  คนบ้าตะโกนอย่างนั้นออกมาได้ยังไงกัน  พอเล็กต่อว่าเค้าไป  

                     ตาบ้านั้นก็ทำท่าหงุดหงิดไม่พอใจ  มาว่า เขาไม่เคยทำอะไรถูกใจเล็กสักครั้ง  มีแต่จุลเท่านั้นที่ทำอะไรก็ถูกใจเล็กไปหมด  ก็ไม่เห็นแปลกนี่  ก็เล็กสนิทกับจุลก่อนนายกล้าเสียอีกนะ  และก็ถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนจุลเล็กจะไม่สนิทด้วยหรอกนะ  พูดก็ไม่อยากจะพูดด้วยซ้ำ  

                     คนอะไรนิสัยไม่ดี  ชอบพาลพาโลโทษคนอื่น ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกคนอื่นๆเลย  พูดไปได้ยังไงว่าเล็กเป็นแฟนเค้า  เล็กเป็นผู้หญิงนะ  พ่อแม่ส่งเสียให้มาเรียนหนังสือไม่ได้มาหาอย่างว่า  และ  คนอื่นๆเค้าจะคิดว่ายังไงจริงมั้ย  วันนี้เท่านี้ก่อนนะ  แล้วเล็กจะMailมาคุยด้วยใหม่  


    *******ปล.  ถ้าว่างก็สั่งสอนนายเพื่อนปากมอมของจุลหน่อยก็ดีนะ  
             

                     คิดถึงเสมอ  บราลี

     
                     พอส่งMailเสร็จเธอก็ Disconnect  และปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเดินไปหยิบหนังสือแปลที่โต๊ะมานอนอ่านบนเตียง  

                     ยังไม่ทันจะเปิดอ่านด้วยซ้ำ  โทรศัพท์มือถือของเธอก็ส่งเสียงดังบอกว่ามี Message เข้ามา  เธอรีบเปิดอ่านทันทีเช่นกัน  เป็นMessage จากนายเก่งกล้า  

                     ตาบ้านั้นส่งอะไรมาถึงเธออีกนะ  เมื่อกลางวันนั้นก็ทะเลาะกันไปทีแล้ว  คราวจะนอนยังส่ง Messageมากวนใจอะไรอีก  

                     “ อยากรู้ไหมตอนนี้ผมกำลังคิดถึงใคร เธอหรือเปล่าคนดี  ฝันดีครับ ฝันถึงผมด้วยนะ….เก่งกล้า “  

                     เธออ่านข้อความจบแล้วก็รีบกดลบข้อความนั้นทันทีเช่นกัน  แต่ยังไม่ทันจะวางโทรศัพท์ลงกับเตียงนอนเลย  เสียง Message ก็ดังขึ้นมาอีกรอบทำให้เธอต้องเปิดอ่านอีก 1 ข้อความอย่างช่วยไม่ได้

                     " อ้อ….ลืมบอกไปว่า  ถ้าใครลบข้อความเมื่อสักครู่  แสดงคุณก็รู้สึกคิดถึงผมเหมือนกันใช่มั้ย  5555…. เก่งกล้า “

                     อ่านข้อความจบเธอก็ร้องยี้  ก่อนกดลบข้อความนั้นตามข้อความเมื่อสักครู่ไปอีกหนึ่งข้อความ  แล้วเปลี่ยนใจล้มตัวลงนอนแทนการอ่านหนังสืออย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกแล้วแท้ๆๆ....

    (มีต่อค่ะ)

    แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 46 02:18:31

    แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 46 00:50:37

    จากคุณ : พยาบาลเกเร - [ 15 ส.ค. 46 00:45:13 ]