. เ รื อ น จำ < ตอนที่ 7 : แดนพยาบาล >

             เกริ่นไว้ในตอนที่แล้ว  ว่าจะลงเรื่องเกี่ยวกับคดีในตอนใหม่นี้    แต่เห็นว่าช่วงนี้มีพยาบาลยกขบวนมาตั้งร้านอยู่ริมถนนนี้    และกำลังขายดีเสียด้วย  บวกกับท่านผู้มีพระคุณ    เอ้ย! มีท่านผู้อ่านสนใจในเรื่องของโรคติดต่อในคุก    ก็เลยตัดภาพมาที่แดนพยาบาลกันก่อน   ให้เข้ากับบรรยากาศ

             เริ่มเลยนะครับ    แดนพยาบาลที่นี่นั้น สร้างเป็นอาคารแยกต่างหากออกจากแดนอื่น   มีรั้วโปร่งกั้นรอบ    ในอาคารนั้น  ครึ่งหนึ่งเป็นห้องกรงเหมือนห้องในเรือนนอน  มีที่ว่างตรงกลางและอีกด้านเป็นห้องทำงานของหมอ

             ห้องกรงนั้นไว้เป็นที่นอนของผู้ต้องขังป่วย  ที่เดินเหิร(หรือจะเดินเหิน หว่า) ไปขึ้นเรือนนอนได้ลำบาก  ส่วนผู้ต้องขังป่วนอื่นที่ยังมีแรงเดินได้ดี  ก็จะไปนอนในห้องคนป่วยที่กั้นต่างหากในเรือนนอน

             มีหมอ 1 คน  ดูแลผู้ต้องขังป่วยทั้งหมด    แต่ความจริงหมอแกไม่ได้จบแพทย์หรอกนะครับ  แต่เรียกกันว่าหมอ  เป็นเด็กหนุ่มอายุน่าจะราวๆ 25 ปีเอง  ที่กรมราชทัณฑ์ส่งไปเรียนพยาบาล  แล้วกลับมาทำงานใช้ทุน    แต่มีพยาบาลเทคนิค(เอ้ย  ไม่สิตอนนี้แกเป็นพยาบาลวิชาชีพแล้ว) ก็ดีถมไปแล้ว  เพราะมีแพทย์ที่ไหนเขาอยากมาอยู่คุกกันเล่า   จริงไหมละครับ    อีกอย่างก็ไม่รู้จะเอาแพทย์มาทำไม  เพราะในคุกนั้นฉีดยาเก่งๆ กันเยอะแยะ < พูดเล่นครับ  เยอะแยะที่ว่าน่ะ  เป็นแต่ฉีดผง >

             มารู้จักหมอแกสักนิด    ฉายาแกคือ “ หมอพารา ”  เพราะจ่ายแต่พาราเซตามอน ทั้งปี    แต่แกเรียกตัวเองว่า “ หมอ100ศพ ”   เมื่อราวสองปีที่แล้วแกยังฉลองนักโทษตายครบ 100 ศพกันเลย  (แต่ดูท่าแกจะฉลองด้วยความเศร้าเสียมากกว่า  เพราะเมื่อ สองปีที่แล้วนั้นอายุงานของแกยังไม่ 5 ปีเลย  ก็คิดดูเองนะครับ  ในนี้อยู่กัน 700 คนโดยเฉลี่ย  และตายกันปีละ 20 คน    ก็ไม่รู้เป็นไงนะครับ  ในนี้เมื่อมีคนหนึ่งตาย  จะต้องมีอีกคนตายตามเป็น 2 คน 4 คน   ประเภทตายเดี่ยวนั้นไม่มี  และเมื่อมีการตายแล้ว  มีช่วงเว้นวรรค สักนิด  แล้วคู่ใหม่ก็จะตายตามกันมาอีก โดยที่ช่วงเว้นวรรคนั้น ไม่เกิน 3 เดือน < 5 ปีกว่าที่ผมอยู่นั้นมีเว้นวรรคเกิน 3 เดือนแค่ครั้งเดียว – และตอนนั้นหมอแกก็ฉลอง > …)

             แกมีลูกมือเป็นผู้ต้องขังอยู่ 4 – 5 คน  ไว้ช่วยจ่ายยากับเย็บแผล (ก็แผลหกล้ม เพราะติดหนี้แล้วไม่จ่ายนั่นไง    แค่คิ้วแตกคางแตกนั้น  ลูกน้องแกจัดการได้  ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล )

             หน้าที่ของหมอแกคือดูแลผู้ที่ป่วยเล็กๆน้อยๆ ในนี้  กับพาคนป่วยออกไปรับการตรวจรักษาจากแพทย์ที่โรงพยาบาลนอก (ถึงบอกว่า  ในนี้ไม่ต้องมีแพทย์ก็ไม่เป็นไรไง  ให้แพทย์เขาอยู่โรงพยาบาล  น่าจะมีประโยชน์กว่า)  แต่แกก็ไม่ค่อยจะพาคนป่วยออกไปโรงพยาบาลบ่อยหรอกนะครับ   เพราะออกไปแล้ว  หากทางโรงพยาบาลรับตัวไว้   ก็ต้องจัดเจ้าหน้าที่ออกไปเฝ้าคนป่วยที่โรงพยาบาลอีก   และอีกอย่างที่แกจะเฝ้าแดนพยาบาลของแกตลอด เพราะแกเผลอไม่ได้    เผลอแล้ว D5 ของแกหาย  กว่าจะจับได้ก็ถูกจำหน่ายเป็นยาเมาเกือบหมดกระป๋องแล้ว    อย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ  เอาเป็นว่ากุญแจผีนั้นทำได้ไม่ยากเย็นเลยสำหรับโจรในนี้  (กุญแจเรือนนอนก็ทำกันได้ครับ  แต่ที่ไม่มีการไขนั้น  เพราะไขจากในห้องไม่ได้    ประตูห้องกับฝาใกล้ประตูนั้นจะเป็นเหล็กทึบ  ไม่สามารถยื่นมือมาถึงแม่กุญแจได้)

             โรคร้ายแรง  ที่เป็นๆกันในคุกนั้น  ก็คือโรคติดเชื้อในกระแสเลือด กับ TB   (อันนี้ภาษาหมอแกนะครับ  ภาษาชาวบ้านก็คือเอดส์กับวัณโรค)  และอีกโรคที่เป็นกันวันละ 40-50 คน ก็คือเป็นไข้    หมอพาราแกมีคนไข้มารับยาวันละ 50 คน  และยาที่แกจ่ายไปก็คือพาราเซตามอล  ก็เลยได้ฉายาหมอพารา

             ไอ้ที่มารับยานั้น  ก็ไม่แน่หรอกครับว่าไข้จริงหรือเปล่าเพราะหมอก็ไม่ได้วัดปรอทกันครบทุกคน  แต่ผมเชื่อว่าถ้าคุณติดคุกมา  คุณก็ต้องเป็นไข้  เพราะจะได้อู้งาน    การมาเข้าคิวรับยานั้นอู้งานได้เป็นครึ่งวันนะครับ < พูดถึง " คุณติดคุกมา …”  ทำให้นึกได้ว่าเดิมนั้นผมสมมติว่าคุณติดคุกมา   แต่บัดนี้ลืมไปแล้ว ว่าผมปล่อย  ข.ช.คนใหม่ไว้ตรงไหน >

             มาที่แดนพยาบาลกันต่อ    โรคติดต่อในคุกนั้น  แม้ว่าจะอยู่กันแออัด  แต่ก็ไม่ระบาดหรอกครับ    หากลำดับเรื่องในตอนก่อนๆ  จะเห็นว่าในคุกนี้อยู่กันอย่างสะอาดสะอ้าน  คนป่วยวัณโรคก็มีห้องแยกขังต่างหาก    ส่วนคนป่วยโรคผิวหนัง หรือตาแดง ก็แยกไปอยู่ห้องต่างหากก่อน  รักษาหายแล้ว  ค่อยไปขังรวมกับเพื่อน

             คนป่วยอีกประเภทหนึ่งที่สำคัญคือพวก ปจ. (ย่อมาจากป่วยทางจิตหรือไงนี่ละ)  ที่นี่เขาจัดเสื้อให้ใส่  โดยกลุ่มนี้จะใส่เสื้อที่สกรีนหลังว่า ปจ.  เพื่อให้รู้กันว่าเห็นปุ๊ป ก็ระวังไว้ แต่อย่าไปยุ่งมากนัก  กลุ่มนี้สามารถเดินเข้าออกได้ทุกแดน  และมีผู้ดูแลที่ตั้งจากผู้ต้องขังด้วยกันคอยพาไปอาบน้ำ  กินข้าว   ไม่ใช่ง่ายนะครับดูแลคนบ้านี่  5 ปีมานี่  ผมเห็นแค่ 3 คนเท่านั้น ที่คุมคนบ้าอยู่หมัด

             คนบ้าที่นี่แปลกนะครับ  มีที่บ้าแบบสกปรก แค่คนเดียว  นอกนั้นสุขภาพอนามัยดีกันทุกคน  อาจดูไม่เหมือนคนบ้าจนบางคนอาจมองว่าแกล้งบ้า   เพราะแต่ละคนนั้นนับเลขเก่ง  บางคนพูดจาดูมีหลักการ   บางคนร้องเพลงทั้งวัน  และมีบางคนชอบตีหัวชาวบ้านเล่น    หมอแกก็ให้ยากินทุกวันแต่ไม่หาย  แต่เชื่อไหมครับ  เวลาเชิญนักจิตวิทยามาคุยด้วยแล้วอาการดีขึ้นกันทุกคน  ยิ่งรู้ว่าวันไหนมานี่  กลุ่ม ปจ. ก็จะอาบน้ำแต่งตัวไปคอยแต่เช้า   เห็นว่าเพราะหมอสวย  เลยทำให้หายบ้าได้

             คนป่วย ถ้าอาการหนัก  ก็จะพาไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล นอกเรือนจำ  ซึ่งผู้ต้องขังเห็นว่าดีกว่ารักษาอยู่ในคุก  จึงมักเห็นมารยาร้อยแปด  เพื่อที่จะได้ออกไปโรงพยาบาล  นักโทษบางคนนั้นเจ็บแค่เล็กน้อยแต่อาการที่แสดงออกมาทางร่างกายนั้นรุนแรง  อย่างกับว่าหากไม่ได้ออกไปโรงพยาบาลนอกแล้วตัวเองต้องตายแน่  หรือบางคนเป็นผู้หญิง  ไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแต่ขอออกไปตรวจครรภ์อะไรอย่างนี้  โอ้ย . . .สารพัดวิธีการ     แต่หากป่วยแล้วรักษาในคุกไม่ได้  แต่จะไปโรงพยาบาลนี่ผมไม่รู้สึกอะไรครับ  อย่างน้อยเขาก็ได้มีลูกเมียมาเยี่ยมใกล้ชิด   แต่บางคนนะสิ  ตั้งใจจะทำชั่วอยู่แล้ว  เช่นว่าพวกคดียาเสพติด  นัดแนะกับญาติมาเสพยาอะไรอย่างนี้   เพราะโรงพยาบาลเขาคงไม่จับตา 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว   ขนาดผู้คุมที่ผลัดเวรมาดูแล  ยังเผลอปล่อยให้ผู้ต้องขังหนีโรงพยาบาลเลย

             แต่คนป่วยจริงมักไม่หนีครับ  เพราะติดคุกก็รักษาฟรี  ที่มีหนีก็มักเป็นผู้ต้องขังหญิง  เป็นความผิดของผู้คุมนั่นแหละ  รู้อยู่ว่าผู้หญิงเขาห้ามใส่กุญแจ  แล้วยังปล่อยให้คลาดสายตาอีก   เป็นโจรนะครับถึงได้ถูกจับกุม  และผมเชื่อว่าโจรที่แก้ไขได้นะ มันมีไม่ถึงร้อยละ 20  ที่เหลือนั้น:-)   เชื่อเถอะว่าที่ถูกจับมานั้น  ส่วนใหญ่ทำชั่วจนเพื่อนบ้านระอา  ถึงได้แจ้งจับ  ลำพังให้ตำรวจตามหาเองนั้นไม่เจอหรอก

             บางคนที่คิดว่าตัวเองใหญ่   ก็ให้ญาติล็อบบี้เจ้าหน้าที่   หรือบางคนถึงกับเข้าหา ผบ.  หรือกระทั่งไปหานักการเมืองเช่นว่า ส.ส.  มาจัดการให้  เพียงเพื่อให้ได้ออกไปโรงพยาบาลนอก ( พวก ส.ส.นี่ละ ที่ผมเกลียด  ไม่เคยมาสัมผัส  พอมาทีทำเอาคุกป่วนไปทุกที   ขี้คุกที่ฝากฝังมาทางสาย ส.ส.นี่   ส่วนใหญ่แล้วเลวครับ  ไม่รู้จักเจียมตัว เที่ยวท้ารบไปทั่ว   แต่ช่างเถอะ เพราะพวกนี้อยู่กันไม่นาน   ตำรวจเองก็คงไม่ชอบสักเท่าไร  อุตส่าห์จับมาเพราะทำผิดจริง   แต่อย่าทำผิดครั้งใหม่ก็แล้วกัน   โดนข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเมื่อไร  ก็เปรตหัวเน่าดีๆ  นี่เอง

              #  คุยเรื่องหมอพารา  มาจบที่ ส.ส. ได้ไงไม่รู้  จบตอนดีกว่านะครับ  สั้นๆแค่นี้แหละ  -สวัสดี




    -----------------------------------------------------------------------------------
    ตอนที่ผ่านมา : 6
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2406776/W2406776.html

    แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 46 08:11:14

    จากคุณ : Old Man Jailer - [ 16 ส.ค. 46 08:06:11 ]