คําสาปรัก บทที่ 5

    บทที่ห้ารวดเดียวเลยคะไม่มีการปะติดปะต่อ ดิฉันแปลมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลืออีก 5 บท เป็นกําลังใจให้ดิฉันต่อไปนะคะ และบทนี้ก็เป็นบทที่ยากที่สุดที่จะแปล ขอบคุณที่ติด
    ตามอ่านคะ ถ้ามีข้อแนะนําใดใดก็บอกกล่าวดิฉันได้นะคะ
    ยินดีรับฟังคะ

                                     บทที่ 5

    คาลกุมหน้าท้องเขาไว้ยังไม่กล้าก้มลงมองมันเพราะเขาคิดว่าเมื่อเขาก้มลงมองเขาอาจจะเห็นเลือดสีแดงฉานของเขาไหลผ่านฝ่ามือเขาออกมาอยู่ก็ได้

    ความเจ็บปวดที่เขาได้รับอยู่ในขณะนี้มันกําลังผ่อนคลายลงเรื่อยๆและเขาก็คิดว่าความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองเจ็บหน้าท้องกําลังจะหายไป  แต่จิตใต้สํานึกอีกส่วนหนึ่งยังคงคิดว่าตัวเองยังเจ็บๆอยู่มันไม่ได้หายไปทีเดียวหรอก

    “อย่าปล่อยให้มันทําร้ายคุณซิคะ” เขาได้ยินเสียงบริอาน่าบอกเขา  แต่มันเลือนๆลางๆชอบกล   และเสียงของเธอก็ทําให้เขารู้ว่าเขากําลังกําแขนเธอเอาไว้แน่นอยู่ในขณะนี้

    “มันแค่ทําให้คุณจดจําถึงความเจ็บปวดในอดีตได้เท่าน้ันเอง มันหลอกให้คุณคิดว่าคุณกําลังเจ็บจริงๆคะ อย่าหลงกลมันซิคะ    อย่าหลงกลพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลอุบายของมัน”

    “ผมเห็น...เขา” เขาพูดออกมาอย่างตกตะลึงและงงงวย ก้มลงมองนิ้วมือตัวเองอยู่เป็นนาน

    “ผมเห็นมัน”

    “ใช่คะคุณเห็นมันจริงๆ ดิฉันเชื่อว่า อํานาจของมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และที่ฉันคาดไม่ถึงก็คือมันจะหุนหันพลันแล่นถึงขนาดมาปรากฎตัวถึงที่นี่” เธอค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัส
    มือของเขาข้างที่มันกําแขนเธอเอาไว้แน่น

    “อลัวแดร์ มีเล่ห์เหลี่ยมมากคะและก็มีวิธีการแยบยลโดยใช้เล่ห์อุบายของมันทําให้คุณหลงเชื่อ คุณต้องจําเอาไว้นะคะ เคลิน คุณต้องไม่ลืมว่ามันชั่วร้ายขนาดไหน”

    “ผมเห็นเอ่อ..มันจริงๆ” เขากล่าวยํ้ากับตัวเองอีกครั้งเหมือนกับให้แน่ใจในส่ิงที่เขาเห็นพยายามจะซึมซับสิ่งที่เกิดขึ่้นด้วยประสาทสัมผัสของเขาว่ามันกําลังเกิดขึ้นกับเขาจริงๆในโลกของความเป็นจริงไม่ใช่เขากําลังฝันไป

    “ผมสามารถมองผ่านร่างกายมันไปได้   คุณรู้ไหมผมเห็นแม้กระทั่งโต๊ะตัวเล็กตรงทางเดินและดอกไม้ที่วางอยู่บนนั้น ผมเห็นสิ่งเหล่านั้นผ่านจากตัวมันที่เป็นเหมือนภาพหลอนอยู่ตรงหน้าผม”

    “อย่ากังวลไปเลยคะเพราะอลัวแดร์จะไม่เสี่ยงมาที่นี่ด้วยตัวตนจริงๆ มันยังไม่ถึงเวลาเคลินคะ คุณกําลังทําให้ฉันเจ็บ” เขากระตุกมือออกจากแขนเธอทันที

    “โอ้..ผมขอโทษ ผมคงกําลังงงๆอยู่ จะไม่ให้ผมงงๆได้ไงผมเพิ่งเห็นผีสางวิญญาณหรืออะไรสักอย่างที่ผมอธิบายไม่ได้ว่ามันเป็นอะไร”

    “มันไม่ใช่ผีสางที่ไหนหรอกคะ แต่มันเป็นพ่อมดซึ่งรวบรวมความมืดมิดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณมัน ปิดกลั้นแสงสว่างของชีวิต และทําลายคําปฏิญาณทุกๆข้อที่มัน
    ให้สัตย์ไว้”

    “มันเป็นมนุษย์จริงๆหรือ? “ เขาหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเธอโดยฉับพลันทําให้เธอตกใจขึ้นมาและกระพริบตาด้วยความเจ็บปวดเพราะเขากลับมากําแขนเธอไว้แน่น
    อีกครั้ง

    “มันจ้องมองคุณด้วยสายตาของมนุษย์ผู้ชายที่มีความกระหายและปรารถนาในตัวคุณ”

    “พวกเราไม่ใช่ภูตผีวิญญานที่ไหนนี่คะ พวกเราก็มีความต้องการและปรารถนาและมีจุดอ่อนแอเหมือนกัน ใช่...มันต้องการฉันคะ มันบุกเข้ามาในความฝันฉันและทําให้ฉันเห็นถึงสิ่งที่มันต้องการจะทํากับฉันซึ่งในความรู้สึกของฉันมันไม่แตกต่างอะไรมากนักหรอกคะในความฝันหรือความเป็นจริง” หล่อนสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความกลัวสายตาของเธอพร่าเลือนลงไปชั่วขณะ หล่อนก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความกลัวเหมือนกับคนอื่นๆ

    “มันทําให้ฉันหวาดกลัว พอใจหรือยังคะกับคําตอบของฉัน ดิฉันยอมตายซะดีกว่าที่จะให้มันมาแตะต้องตัวฉัน ฉันกลัวมันจริงๆนะคะ” หล่อนพูดอีกครั้งแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของเคลิน

    “ โอ้... เคลินคะ...มือของมัน...เย็นเยือกไปถึงหัวใจฉันเลยทีเดียว”

    “มันจะต้องไม่แตะต้องคุณอีก” เขาต้องการจะปกป้องเธอด้วยกําลังที่เขามีทั้งหมดและเขาก็ไม่ปฏิเสธตัวเองเลยว่าเขามีความรู้สึกอยากจะปกป้องดูแลเธอขึ้นมา  เขาสวมกอดเธอเอาไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา

    “มันจะไม่แตะต้องคุณอีก บริอาน่า” ริมฝีปากเขาจรดลงบนเส้นผมที่อ่อนนุ่มของเธอผ่านเลยไปถึงหน้าผากนวลเนียนของเธอและท้ายสุดริมฝีปากนุ่มของเธอ

    “ บริอาน่า...” เขาเรียกเธออีกครั้งเลื่อนลอยแล้วเขาก็อุทานออกมา

    ” โอ้ พระเป็นเจ้า ผมจะทํายังไงกับคุณดี”

    เธอหลอมละลายอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยอมจํานนต่อเขาเหมือนนํ้าผึ้งที่ถูกลนไฟ หัวใจหล่อนมอบให้เขาเพียงคนเดียวมาช้านาน และเขาก็สัมผัสถึงมันได้ ลืมหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความกังวลทั้งหลายที่เขามี ความกลัว ความไม่แน่ใจมันอันตรธานหายไปสิ้น เพราะหล่อนเป็นผู้หญิงคนที่อยู่ในใจเขาเสมอไม่ว่ามันจะนานแสนนานสักแค่ไหนผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อเขาเพียงคนเดียว

    มือของเขาลูบไล้เรือนผมสีแดงเพลิงของเธอ กอบกํามันเอาไว้ในมือเขา รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นผ้าไหมสีแดงเนื้อเนียนนุ่ม ดึงเธอให้หงายหน้าขึ้นต้อนรับกับริมฝีปากของเขาอีกครั้ง และเขาก็จูบเธอด้วยความต้องการที่ซ่อนลึกอยู่ในใจเขามาช้านาน

    เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว...ไม่ว่าอะไรก็ตามที่นําเขามาที่นี่ เขาจะเผชิญหน้ากับโชคชะตาของเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามปฏิเสธหัวใจเขาสักแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการในหัวใจของเขาที่มีต่อเธอได้อีกแล้ว หล่อนเป็นของเขา ความต้องการในหัวใจเขากําลังเอาชนะเหตุและผลโดยสิ้นเชิง

    เธอส่งเสียงครวญออกมาจากลําคอของเธอ มันขอร้องและเชิญชวนเขาอยู่ในที หัวใจเธอเต้นแรงและเร็วเป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจเขา ร่างกายเธอสั่นสะท้านจากสัมผัสของเขาหล่อนลิ้มลองเล็มริมฝีปากเขาอย่างเชิญชวนเขาอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงเธอถอนหายใจเบาๆออกมาอย่างพอใจ กระซิบกระซาบคําหวานๆให้เขาได้ยิน

    เสียงกระซิบที่เธอบอกเขามันเป็นภาษา เกลิก Gaelic ** และนั้นทําให้เขาหยุดไปชั่วขณะเพราะเขาประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้งที่เขาเข้าใจมันทุกคําพูดทุกประโยคเหมือนกับมันเป็นภาษาที่เขาใช้พูดมาตลอดชีวิตของเขา (**Gaelic เป็นภาษาโบราณที่พวก Celts ที่อพยพมาอยู่ไอร์แลนด์ใช้พูดกัน )

    “ ที่รัก...” เธอพูดกับเขาในภาษาเกลิก “ โอ้ ยอดดวงใจของข้า”

    ยังมีต่อ...

    จากคุณ : โรส สลาลินน์ - [ 18 ส.ค. 46 01:04:44 A:12.108.141.234 X: ]