~~เรื่องเล่าริมถนน ของคนชอบเขียน ~~ ตอนที่ 7 ล๊อตเตอรี่ [นิยาย]

    หลังจากที่ความวุ่นวายในร้าน และนอก “ร้านบุ๊คคอฟฟี่” ผ่านไปด้วยความทุลักทุเล ปีศาจสีม่วงถูกเจ๊โอพยาบาลจอมขมังเวทย์จับขังไว้เพื่อนำตัวกลับไปบำบัดที่โรงพยาบาลเต่างอยโดยติดตามดูแลอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าไวรัสสีม่วงจะไม่แพร่ระบาดไปมากกว่านี้

    ร้านเหล้า ปลา และ ยาดองก็ถูกน้องริเศรษฐ์เข้ามาคุมร้านแทนอาจารย์จีสตริง และนายไซโคแมนที่กำลังหลบหนีการจับกุมโทษฐานก่อความเสียหายแก่สาธารณชน จริงๆแล้วอาจารย์ได้ฝากฝังร้านไว้กับน้องริเศรษฐ์แทนแล้วตัวเองก็รีบจัดกระเป๋าออกเดินทางหลังจากที่ได้ข่าวมาว่าปีศาจสีม่วงโดนหมัดทะลวงน้องชายในข้อหาเข้าไปก่อความรำคาญให้แก่เจ๊โอพยาบาลสุดสวย และ กำลังตามล่าหามือเลื่อยที่ทำให้ร้านต้องปิดไปหลายวัน รวมทั้งจะทวงค่ากาแฟที่ค้างไว้...

    ...........................................................................

    ร้านบุ๊คคอฟฟี่กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง

    ...หลังปิดร้าน...

    “เจ๊โอ ต้องกลับเต่างอยแล้วเหรอ” เจ๊หมู หนูยี PRหลิง นายหมิง หญิงกอล์ฟ และยัยกานต์ ร้องขึ้นพร้อมกัน

    “ใช่ จ๊ะ เจ๊ต้องกลับไปดูว่าสินสอดเจ็ดแสนตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”

    “แล้ว...ถ้าอาจารย์จีกับนายไซโคแมนกลับมาอีกล่ะจะทำยังไงคะ” หนูยีพูดคัดค้าน

    “ใช่ๆ มีเจ๊คนเดียวนะที่พอจะรับมือพวกนั้นไหวน่ะ” PRหลิง กอล์ฟ สนับสนุนทันควัน

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เด็กๆ เรื่องนี้เจ๊ปรึกษาเจ๊หมูและคิดหาทางแก้ไว้แล้ว”

    “ทำยังไงล่ะเจ๊” นายน๋อนถาม

    “ก็เจ๊จะเขาจะเอาอาจารย์ กับ นายไซโคแมนกลับไปรักษาและดูแลที่เต่างอยด้วยน่ะสิ” เจ๊หมูบอก

    “แต่ตอนนี้ยังตามตัวไม่เจอเลย ถ้าเจอนะแม่จะทะลวงให้ หึหึ” เจ๊โอหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม

    “โฮะๆ แต่ก็ไม่เชิงว่าไปรักษานะค้า เจ๊จะเอาไปออกงานวัดที่เต่างอย หาเงินได้เยอะดี” เจ๊โอพูดแฝงด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

    ทุกคนในร้านต่างถามเจ๊โอเซ็งแซ่ด้วยคำถามเกี่ยวกับหนุ่มพานทองแท้และวิธีจัดการเอานายไซโคแมนไปออกงานวัด แต่มีคนนึงทีไม่ได้ถามอะไรและกำลังนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว นายน๋อนนั่นเองที่ดีใจว่าเจ๊โอจะกลับเต่างอยแล้วเพราะว่าค่าไวน์ที่ตอนกินเข้าไปหกหมื่นตอนนี้ออกดอกออกผลเป็นแสนสี่แล้วกำลังมีทีท่าว่าจะขึ้นเรื่อยไม่มีหยุด

    “นายหมิง……….ง” เสียงหนาวยะเยียบ ดุจดังใบมีดน้ำแข็งที่ปาดเข้าสู่สามัญสำนึกของน๋อนน้อย ดึงให้หลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง

    นายน๋อนหันไปช้าๆตามเสียงที่เย็นยะเยียบนั้น

    “ค่าไวน์เจ๊...ยิ่งนานไปยิ่งแพงนะ แต่น๋อนน้องรักไม่ต้องห่วงนะ ไม่เป็นไรหรอก หึหึ” แววตาของเจ๊ไม่ได้แสดงถึงความหมายตามที่พูดออกมาเลยสักนิดเดียว แต่รังสีอำมหิตฉายออกมาอย่างแรงกล้า บอกน๋อนน้อยให้รู้ว่า

    …ถ้าคิดตุกติกหรือชักดาบ...กลายเป็นน๋อนย่างนั่งยางภูเขาไฟอบแก๊สแน่นอน....

    “ค...ค...ครั.....ครับ” นายหมิงตอบรับอย่างยากลำบาก พลางควักกระเป๋าตังออกมาดู ก็มีเพียงแค่แบงค์ 100 เก่าๆ ยับยู่ยี่ เท่านั้นที่ซุกอยู่ในมุมลึกที่สุดของกระเป๋ารอดพ้นสายตาที่คมประดุจเหยี่ยวของเจ๊โอมาได้

    “แล้วจะเอาที่ไหนไปจ่ายเจ๊เขาเนี่ย ทำงานเงินเดือนก็ไม่มาก แต่ดอกเบี้ยค่าไวน์ 3 วันจาก 60,000 ไปไงมาไงเป็น 140,000 วะเนี่ย” นายน๋อนนั่งพึมพำกับตัวเองตัดพ้อชะตากรรมอันแสนอาภัพ

    “เอาล่ะ เจ๊เมื่อยจังเล้ย ไม่อยากจัดกระเป๋าซะแล้วใครช่วยไปจัดกระเป๋า เก็บของให้เจ๊หน่อยสิ” เจ๊โอพูดลอยๆแต่กวาดสายตามายังนายน๋อนที่สติไม่อยู่กับเนื้อตัว

    น๋อนรู้สึกได้ถึงรังสีที่แผ่มาจากสายตาเจ๊โอ นายหมิงรับรู้ด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอด

    “ได้ครับเจ๊ เดี๋ยวผมไปจัดให้...ครับ” นายน๋อนเดินตาละห้อยขึ้นไปชั้น 2 เพื่อเก็บของอย่างรวดเร็ว

    “โฮะๆ เห็นไหมนายหมิงน่าร๊าก น่ารัก ช่วยเจ๊เต็มที่เลย เดี๋ยวจะลดดอกเบี้ยให้เหลือวันละ 20,000 ละกัน”

    ทุกคนในร้านก็ต่างแยกย้ายกันไปเก็บร้าน ทำความสะอาดกันต่อไป โดยมีเจ๊โอนั่งเอกเขนก  จิบค็อกเทลชั้นดี ฟังเพลงจาก CD Walkman ของนายน๋อนที่โดนยึดไปหักค่าไวน์เรียบร้อย บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ ชี้นิ้วสั่งการนายน๋อนจัดกระเป๋าเดินทางของเจ๊โออยู่อย่างขันแข็ง....

    =======================================

    เช้าวันรุ่งขึ้น
    “เฮ้ย หมิงๆ ตื่นๆ มานอนอะไรตรงนี้ล่ะ” หลิงเดินมาปลุกพลางเข่ยาตัวนายน๋อนท่ามกลางกองกระเป๋าสัมภาระของเจ๊โอ ที่ยังกองรวมอยู่กับนายน๋อนกลางทางเดินชั้น 2 นั่นเอง

    “อืม...เช้าแล้วเหรอ เหนื่อยจังเลย เมื่อคืนเก็บของถึงตี 4 แน่ะ ขอนอนก่อนนะ” นายหมิงตอบเสียงงัวเงีย

    “อะไรน่ะหลิง กองอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ” เจ๊หมูถาม

    “ก็นายหมิงน่ะสิคะเจ๊ เก็บของแล้วนอนกองอยู่ตรงนี้เลย สงสัยโดนเจ๊โอใช้งานหนัก”

    “เหรอ ปลุกไม่ตื่นล่ะสิ เอาล่ะลองวิธีนี้ดีกว่า” เจ๊หมูยิ้มอย่างมีเลศนัย พลอยทำให้PRสาวแปลกใจไปด้วยว่าเจ๊จะมีวิธีอะไรปลุกนายน๋อนได้

    “เจ๊โอมา !!!!!!”  พี่หมูพูดเสียงดัง

    “ง่า คาบ ยางไม่หลาบค้าบ อย่าเพิ่มดอกเบี้ยนะคราบ” นายน๋อนสะดุ้งตื่นโดยอัตโนมัติเหมือนหนอนโดนน้ำร้อน ทั้งๆที่อยู่ในสภาพสลึมสลือเหมือนคนติดยา...

    “โห เป็นเอามากแฮะ” PR หลิงหัวเราะคิกๆหลังจากเห็นสภาพเพื่อนร่วมงาน

    “เอ้าๆ เช้าแล้วนะหมิงไปเตรียมตัวได้แล้ว จะเปิดร้าน” เจ๊หมูสั่ง

    “หา...ได้ครับ...ได้ครับ...” นายน๋อนตอบรับพลางลุกเดินไปยังห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

    เพื่อเตรียมตัวออกไปส่งเจ๊โอที่สนามบิน ซึ่งมีเครื่องบินส่วนตัวจากหนุ่มที่เต่างอยส่งมาแย่งกันรับเจ๊โอสุดสวยกลับเต่างอยกันจนเกือบจะเป็นจลาจลย่อมๆเลยทีเดียว แค่ขบวนของเจ๊โอก็ใช่ย่อย แค่กระเป๋าสัมภาระก็มีมากถึง 7 ใบเลยทีเดียว ยังไม่รวมถึงหน่วยทหาร Navy Seal ที่ผู้การยศใหญ่โต ชื่อย่อ ก. ส่งมาคุ้มครองเจ๊โอหลังจากได้ข่าวว่าเจ๊โอจะนำปีศาจสีม่วงไปงานวัด เอ้ย บำบัดที่โรงพยาบาลเต่างอยด้วย

    ================================

    ขณะที่เครื่องบินของเจ๊โอทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและค่อยๆลับสายตาไปกับท้องฟ้ากว้างสีคราม มุ่งหน้าสู่เต่างอย ทิ้งไว้เพียงความทรงจำและความสงบเงียบของร้านกาแฟบุ๊คคอฟฟี่....

    ในขณะที่สมาชิกร้านบุ๊คคอฟฟี่กำลังเดินออกจากสนามบิน เสียงคุยกันจ๊อกแจ๊กเกี่ยวกับเมนูใหม่ที่กานต์สาวเชียงใหม่นำเข้ามาบริการลูกค้า เจ๊หมูที่กำลังคิดว่าจะใช้โปรโมชั่นใหม่อะไรดีหลังร้านเปิด PRหลิง กอล์ฟ และหนูยีก็ตื่นเต้นกับการเปิดร้านใหม่หลังจากที่ปิดไปหลายวัน คนที่เดินรั้งท้ายขบวนคือนายน๋อนที่กำลังกลุ้มกับว่าจะใช้เงินค่าไวน์คืนยังไงเพราะกลัวหมัดทะลวงน้องชายของเจ๊โอจริงๆ

    “พลั่ก !!” ชายแปลกหน้าแต่งตัวซอมซ่อ สวมหมวกปีกกว้างโทรมๆปิดใบหน้าเดินเข้ามากระแทกกับนายน๋อนจนล้มกันทั้งคู่

    เอกสารที่ชายแปลกหน้าถือมากระจัดการะจายเต็มพื้น ไม่เชิงเป็นเอกสารหรืออะไรแต่เป็นกระดาษที่เขียนด้วยข้อความที่ดูเหมือนไม่ใช่ภาษาไทยหรืออะไรที่ใกล้เคียงกัน

    ชายแปลกหน้าและนายน๋อนรีบลุกขึ้นเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายนั้น แต่น่าแปลกที่เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นไม่ได้ทำให้กลุ่มสมาชิกที่เหลือของบุ๊คคอฟฟี่สนใจเลยแม้แต่น้อย

                   พิจารณาจากการแต่งตัวและรูปร่าง นายน๋อนคาดเดาได้ว่าคงเป็นคนที่มีอายุพอสมควรเลยทีเดียวแต่การแต่งตัวแบบนี้แกเข้ามาเดินในนี้ได้ยังไง

    “เอ่อ เป็นอะไรมากไหมครับ ขอโทษทีนะครับ” นายน๋อนรีบขอโทษ

    ไม่มีเสียงตอบจากลุงคนนั้น แต่ก่อนที่นายน๋อนจะถามซ้ำอีกครั้งลุงคนนั้นก็พูขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบ หยาบกร้าน

    “วันนี้เจ้าจะโชคดีหนุ่มน้อย” จากนั้นก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วพอๆกับที่โผล่มา

    โชคดีเหรอ เอาอะไรมาพูดน่ะ ตอนนี้ยังโชคร้ายไม่พอหรือไง ... เฮ้อ ... นายน๋อนรีบเดินตามไปสมทบกับทุกคนที่เดินนำไปได้สักระยะหนึ่ง และกำลังหยุดรอเพื่อที่จะเรียก Taxi กลับร้านบุ๊คคอฟฟี่

    คำพูดของชายแปลกหน้าคนนั้นยังรบกวนอยู่ในหัวของนายน๋อนอย่างมาก เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าตัวเองจะโชคดีได้อย่างไร นี่ไม่ใช่สมัยโบราณนะ นี่มันยุค Digital แล้วนะ .... แต่อะไรมันจะแย่ลงกว่านี้ล่ะ นายน๋อนตัดสินใจควักเงิน 100 บาทสุดท้ายที่รอดพ้นสายตาเจ๊โอมาได้ เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ใบ

    “นายน๋อนเน่ารถมาแล้วจะกลับไหม เดี๋ยวให้กลับเองซะเลยนี่” เสียงของยัยกานต์ตะโกนมา

    “ไปแล้วๆ” นายน๋อนรีบวิ่งไปขณะที่รับเงินทอมจากคนขายอย่างเร่งรีบ


    บรรยากาศภายในร้านยังคงเป็นเช่นเดิม ลูกค้ามากหน้าหลายตาเข้ามาเยี่ยมเยียนร้านบุ๊คคอฟฟี่

    เจ๊หมูคอยกำกับและเก็บเงินอยู่ที่แคชเชียร์

    PR หลิงเข้าไปต้อนรับลูกค้าใหม่ แนะนำเมนู และ โปรโมชั่นของร้าน

    หนูยียังคงซุ่มซ่ามอยู่ในครัว และออกมาช่วยหน้าร้านบ้าง

    เจ้ากานต์ยังคงเข่มนกับกลุ่มนารีหน่ายที่มุมร้านอย่างเอาเป็นเอาตาย

    กอล์ฟ และแพร 2 สาวโบราณทำหน้าที่เสริฟและจัดการความสะอาดภายในร้านอย่างขยันขันแข็ง

    นายน๋อนยังคงประจำอยู่ที่มุมหนังสือ และ ควบคุมการทำงานของเครื่องชงกาแฟ Digital ที่เป็นหัวใจการทำงานของร้านนี้เช่นเดิม

    กลุ่มนารีหน่ายที่กำลังจะจัดตั้งกลุ่มใหม่เป็นกลุ่มนารีขยาดเมื่อแกนนำหลักของสมาคมโดนหมัดทะลวงน้องชายไปเต็มๆ รวมทั้งสถานที่กบดานแห่งที่ 2 ก็โดนน้องริเศรษฐ์คุมอยู่ตอนนี้ อาจารย์จีก็ยังคงหนีการตามล่าจากสายสืบตาสัปปะรดของพยาบาลเกเร

    (ไปเรียนก่อนนะครับ) To Be CoNTinuE...>>

    แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 46 10:28:17

    จากคุณ : น๋อนหนังสือ - [ 18 ส.ค. 46 10:26:39 ]