[บรรยากาศเคมูไก]
ขอบคุณค่ะพี่ ..ขอบคุณค่ะพี่
แพรมนกล่าวขอบคุณพยาบาลผู้ช่วยผ่าตัดและพยาบาลดมยา เมื่อเคสที่ผ่าตัดทำคลอดเสร็จสิ้นลงด้วยดี
ถอดถุงมือสเตอร์ไรส์และรอให้ผู้ช่วยพยาบาลมาปลดเชือกที่ผูกอยู่ข้างหลังเสื้อคลุมผ่าตัดให้
ก่อนเดินไปล้างมือ แล้วกลับมาอยู่รอช่วยตอนย้ายคนไข้ไปห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดอีกครั้ง
แพรมนย้ายจากแผนกเด็กมาประจำที่แผนกสูตินรีเวชกรรม ได้หลายวันแล้ว
แพทย์พี่เลี้ยงจึงไว้ใจให้ผ่าตัดทำคลอดเองได้ จริงๆแล้วสมัยเรียนแพรมนก็เคยทำมาบ้าง
แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างกันออกไป เพราะสมัยเรียนนั้นจะมีรุ่นพี่หรืออาจารย์เข้ามาดูแลทุกเคส
แต่พอจบออกมาเป็นอินเทิร์นแล้วนั้น หลังจากฝึกให้จนแน่ใจ แพทย์พี่เลี้ยงก็เริ่มปล่อยให้
บินเดี่ยว
โดยส่วนตัวหญิงสาวไม่ชอบแผนกที่ต้องผ่าตัดนัก หากแต่เมื่อเป็นหน้าที่ ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกครั้งที่ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย แพรมนจะถอนใจยาวอย่างโล่งใจ และเหนื่อย ราวกับลมหายใจเฮือกสุดท้าย
ได้ถูกปล่อยไปกับเสียงถอนใจนั้น
ห้องผ่าตัดเป็นสถานที่ดูดพลัง อย่างกับตกเข้าไปอยู่ในบรรยากาศเคมูไกยังไงยังงั้น เฮ้อ จะบ้าตาย
แพรมนยังจำเรื่องราวในการ์ตูนที่เคยดูตอนเด็กๆได้ หากเหล่าตัวเอกที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ตกเข้าไปอยู่ใน
บรรยากาศเคมูไก ย่อมอยู่ในภาวะเสียเปรียบ เพราะจะใช้พลังต่างๆไม่ได้ตามปกติ
เธอคิดว่าบรรยากาศในห้องผ่าตัดเป็นอย่างนี้ มีความกดดันที่เกิดจาก ความไม่เชื่อถือของผู้ร่วมงาน
เพราะพวกเธอเป็นแค่ หมอใหม่ ที่ยังอ่อนประสบการณ์ แต่เรื่องของการผ่าตัดนั้น
มันเป็นเรื่องของทักษะและความชำนาญโดยแท้
ก็รู้ล่ะว่าเป็นแค่หมอใหม่ แต่เราก็ตั้งใจเต็มที่แล้ว ไม่เคยเห็นชีวิตคนไข้เป็นเรื่องเล่นๆ
แล้วก็ไม่ได้ทำผิดพลาดอะไร แต่จะให้คล่องแคล่วได้ดังใจอย่างพี่ที่เขาทำมาสิบปีคงไม่ได้เหมือนกัน
เพื่อนหลายคนบ่นอย่างนั้น บางคนถึงกับน้ำตาซึมกับอาการ ไม่ยอมรับและโดนกดดัน
แพรมนเองก็รู้สึกเช่นนั้น แต่เธอก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า ความไม่เชื่อถือที่ว่า คงอิงอยู่กับ
เจตนาดีที่มีต่อคนไข้ของผู้ร่วมงาน หากเธอต้องการการยอมรับก็คงต้องใช้ความพยายาม
พิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่า เธอมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการดูแลคนไข้และพัฒนาทักษะของตนเอง
เฮ้ออ
คิดถึงตรงนี้เธอก็ถอนใจยาว ทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะเขียนชาร์ทที่จัดไว้หน้าห้องผ่าตัดอย่างอ่อนแรง
เป็นไง เหนื่อยมากเลยเหรอแพรมน
เสียงถามที่เริ่มคุ้นเคยทำเอาแพรมนสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งลงตรงกันข้ามอย่างแปลกใจ
สบตายิ้มๆที่อยู่หลังแว่นกระจกใส ถึงมีmaskบังหน้าที่เหลืออีกตั้งครึ่ง เธอก็จำเขาได้
พี่วรินทร์ สวัสดีค่ะ
แพรมนพนมมือไหว้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ควรนั่งอ้าปากประหลาดใจ
แม้จะมี mask ปิดไว้เหมือนกันก็เถอะ
เป็นไง สนุกไหม ย้ายมาอยู่สูติ
คำทักทายยังคงเหมือนพี่หมอเด็กคนเดิมที่ ใจดี๊ใจดี แบบที่น้องๆพูดถึง(อย่างชื่นชม)ลับหลัง
สนุกค่ะ
ไม่รู้ว่าคำตอบของเธอมันผิดอะไรตรงไหน คนฟังถึงได้หัวเราะเหมือนขำเสียนัก
พี่มารับเด็ก
หลังจากหัวเราะจนพออกพอใจ คนเส้นตื้นก็เฉลยเหตุที่เขาโผล่เข้ามาทำให้หัวใจเธอได้ออกกำลังกาย(ใจ?)
โดยการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ถึงในห้องผ่าตัด
อ๋อ เคส fetal distress ของพี่ประวิทย์ใช่ไหมคะ
แพรมนหมายถึงคนไข้ผ่าตัดทำคลอดอีกห้องหนึ่ง ซึ่งสงสัยว่าเด็กในท้องมีภาวะเครียดเพราะ
ตรวจพบการเต้นที่ผิดปกติของหัวใจเด็ก จึงต้องรีบผ่าตัดทำคลอด ซึ่งในกรณีนี้ต้องมีการประสานงาน
ให้กุมารแพทย์มาช่วยดูแลทันทีที่เด็กคลอดออกมา หรือที่เรียกกันว่า มารอรับเด็ก
ใช่ เข้าไปเตรียมอะไรๆไว้เรียบร้อยแล้ว รอคนไข้อยู่ ยังมาไม่ถึงเลย
มาเร็วมากเลยนะคะนี่ ..สมแล้วที่เขาว่าพี่ขยัน
ประโยคหลังนั่นเธอไม่ได้พูดไปหรอก ..แค่คิดในใจ
พอดีอยู่ใกล้ๆ ก็เลย เข้ามาเตรียมไว้
แล้วอินเทิร์นล่ะคะ ทำไมวันนี้พี่ต้องมารับเด็กเอง
แพรมนเริ่มชวนคุยบ้าง ไม่อยากให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเก้อกระดาก(ของตัวเธอเอง)นัก
พอดีมีบรรยายพิเศษเรื่อง neonatal resuscitation พี่เลยให้น้องสองคนเขาไปฟัง
อ๋อ ดีจัง อยากไปฟังบ้าง
อะไรกัน เราผ่านเด็กมาแล้วยังต้องไปฟังอีกหรือ เสียชื่อคนสอนแย่
คนพูดพูดอย่างแกล้งแหย่ แต่แพรมนก็พาซื่อ
พี่ไม่ได้สอนเรื่องนี้แพรนี่คะ
อ้าว ไม่เข้าใจตรงไหนล่ะ จะได้สอนให้ เรื่องนี้สำคัญนะ ถ้ารู้ว่าไม่เข้าใจ ไม่ให้ผ่านเด็กมาหรอก
..วู้ๆๆไม่รู้ใครพาซื่อ หรือแกล้งซื่อกว่าใคร แพรมนอมยิ้มแก้มตุ่ย เพราะถือว่ามี mask ปิดไว้
เธอลืมไปว่า บางครั้งดวงตาคนเราก็ พูดได้
เข้าใจค่ะเข้าใจ เรื่องนี้พี่ปรัชญาสอนไว้ตอนผ่านเนอสเซอรี่ แพรแค่อยากจะบอกว่า
ถึงแพรไม่เข้าใจก็ไม่เสียหายมาถึงพี่ เพราะเรื่องนี้พี่ไม่ได้เป็นคนสอนแพร
อย่างนี้พี่ควรจะดีใจหรือเสียใจที่เธอเข้าใจแล้วนะ
คะ
แพรมนสะดุดใจกับประโยคนั้น แต่ไม่ทันพูดอะไรอีกฝ่ายก็ขยับตัวลุกขึ้น
พี่ประวิทย์เข้าเคสแล้วล่ะ พี่ต้องไปรอแล้ว ทำงานต่อเถอะแพรมน
จากคุณ :
เจ้าหญิงน้อย
- [
18 ส.ค. 46 15:15:51
A:203.113.61.197 X:
]