มนตรา ตอนที่ 8+9

    ตอนที่   8  หนีเสือปะจระเข้

                 บรรยากาศยามค่ำคืนมืดครึ้มไปหมด แต่มีแสงสว่างวาบขึ้นที่ต้นแลมเบอร์ พร้อมกับ
    ชายหนุ่มที่ก้าวเดินออกมา และมุ่งหน้าไปยังปราสาทที่อยู่ไม่ไกลนัก

                 ปราสาททูรีเนีย ตั้งอยู่บนชะง่อนผา ด้านหลังเป็นป่ารกชัฏ  ตัวปราสาทก่อด้วยอิฐสี
    แดงดูโดดเด่นมากในเวลากลางวัน แต่ยามค่ำคืนแบบนี้มันกลับดูทะมึนและน่ากลัว  รอบๆ
    ปราสาทมีกำแพงล้อมรอบ

                 เคลียร์วอลล์....เป็นกำแพงใสที่มองแล้วเหมือนมองผ่านกระจกใสๆ แต่จริงแล้วมันมี
    ม่านพลังที่คอยป้องกันอันตรายจากเหล่าปิศาจ

               ฮาเรฟเดินผ่านเคลียร์วอลล์เข้ามายังปราสาท    ภายในผู้คนกำลังวิ่งไปมาอย่าง
    โกลาหล วุ่นวายไปหมด ชายหนุ่มคว้าแขนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งผ่านหน้าไว้แล้วถามว่า

                   “เกิดอะไรขึ้น”  ชายหนุ่มเอ่ยถามเป็นภาษาไทรบ

                    “ท่านฮาเรฟ! ท่านกลับมาทันพอดี” เสียงทักอย่างตื่นเต้น  หันมายิ้มกว้างให้ผู้เป็น
    นาย  ก่อนจะพูดต่อไป

                    “ท่านฟรอกและท่านออกัส  บอกว่าถ้าท่านกลับมาแล้วให้ไปพบที่ห้องสมุด  
    เกี่ยวกับปัญหา…”  พูดไม่ทันจบ  ก็รีบวิ่งหนีหายเข้าไปในกลุ่มคน  คาดว่าคงรีบไปแจ้งข่าว
    ให้ผู้เป็นพ่อและอาของเขาทราบ

                    .....ปัญหา....หรือว่า...ชิริสกับรีนจะถูกจับได้ระหว่างทางที่หนีมาที่นี่...

                      ความร้อนใจเกรงว่าเพื่อนสนิททั้งสองอาจจะตกอยู่ในอันตรายทำให้ชายหนุ่มรีบ
    รุดไปยังห้องสมุดทันที

                           
                            WMWMWMWMWMWMWMWMWMWMW


                      ปัง...

                      ประตูหนาทำจากไม้โอ๊ตชั้นดีเปิดออกกว้าง  และปิดตามแรงอารมณ์ของผู้เข้ามา
    ใหม่   ชายหนุ่มกวาดตาสีทับทิมมองรอบๆห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือ  มีเพียงชายกำยำร่าง
    ใหญ่สองคนยืนเป็นยามเฝ้าอยู่หน้าประตูด้านใน

                     “มาแล้วเหรอ...”  เสียงพูดเนิบๆดังมาจากใครบางคนที่ยืนอยู่ในเงามืดหลังชั้นวาง
    หนังสือขนาดใหญ่  

                        ร่างของชายวัยกลางคน  ท่าทางสง่า  ใบหน้ารูปเหลี่ยม  ลูกคางบึกบึน  และมี
    หนวดเรียวงามเหนือริมฝีปาก  เดินออกจากเงามืดมายังผู้ที่เพิ่งย่างเท้าเข้าห้องสมุดมา

                        .... เขาคือ  ออกัส  ราเวล  นักทำนายที่เก่งที่สุดและเป็นมันสมองของเผ่าไทรบ ...
    นอกจากนี้ยังเป็นอาของเขาด้วย  

                     “แล้วท่านพ่อล่ะ...เกิดอะไรขึ้น?!”  ฮาเรฟมองสีหน้าเรียบเฉยเคร่งเครียดของผู้
    เป็นอาที่ได้แต่หลบสายตาของผู้เป็นหลานเหมือนมีความนัย   ก่อนจะถอนหายใจยาว  หัน
    หลังให้

                   “...อา...อาขอโทษด้วยนะ...”  คำพูดสั้นๆ  แต่ทำเอาชายหนุ่มมือเท้าเย็นวาบทันที

                  “… หรือว่า...จ้าวแห่งแม่มด...”  

                        ผัวะ

                       ชายร่างใหญ่สองคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่เมื่อกี้  ใช้ไม้หน้าสามขนาดใหญ่ฟาดลงที่
    ศีรษะของฮาเรฟอย่างแรงก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว  ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของผู้
    เป็นอา  

                     “อาจำเป็นจริงๆ…ไป  พวกเจ้ารีบพาเจ้าตัวแสบไปจัดการได้แล้ว”   ออกัส มอง
    ภาพผู้เป็นหลานที่กำลังโดนหิ้วปีกออกจากห้องสมุดไป  ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา  

                      ...ถ้าหากเจ้ายอมดีๆ  ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้...

                      ชายวัยกลางคนคิดก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้อง  เพื่อไปสมทบกับคนที่กำลังรอ
    อยู่ข้างนอก...


                               WMWMWMWMWMWMWMWMWMWMW


                         ลานโล่งสีเขียวกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกอยู่ทางด้านหลัง
    ปราสาททูรีเนีย ถูกตกแต่งประดาประดาด้วยสิ่งของเครื่องประดับมากมาย  บริเวณกลางลาน
    พระจันทร์ได้สาดส่องฉายแสงลงมากระทบกับแผ่นหินอ่อนรูปทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีซุ้ม
    ประตูดอกไม้สีชมพูขนาดใหญ่ตั้งอยู่
     
                         เสียงแตรดังยาว  คล้ายจะบอกว่าถึงเวลาพิธีแล้ว  ผู้คนทั้งหญิงและชายต่างหันมา
    มองประตูโค้งด้านหลังของปราสาททูรีเนียที่ สูงประมาณสามเมตร  ค่อยๆทิ้งตัวเปิดออกมา
    จากด้านบนลงล่างช้าๆ  

                       บรรดาแขกในงานต่างพากันโยนกลีบดอกไม้ขึ้นบนท้องฟ้าเหนือร่างของคู่บ่าว
    สาว  เพื่ออวยพรให้แก่คู่บ่าวสาวที่กำลังจะเข้าพิธี…!!?

                    “นั่นไง  พี่ชิริส  ข้าบอกแล้วว่ายังไงพี่ฮาเรฟก็ต้องพลาดท่าแน่ๆ  เอามาซะดีๆ”  
    รีนชี้ไปยังร่างปวกเปียกไม่ได้สติในชุดเจ้าบ่าวสีขาวที่ทำจากผ้าเนื้อหนา  มีผ้าสีขาวสะอาดพัน
    รอบบริเวณศีรษะ  ข้างๆมีคนรับใช้ชายสองคนช่วยพยุงมาเข้าพิธี  

                         “หนอย...ไอ้เพื่อนเวร  ทำข้าแล้วไหมล่ะ  ไหนว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
    ไงฟะ  แค่นี้ก็เอาตัวไม่รอดแล้ว”  ชิริสเพื่อนสนิทบ่นพึมพำก่อนจะควักแท่งทองขนาดเล็ก
    ออกถุงที่ห้อยไว้บริเวณเอว  ยื่นให้เพื่อนรุ่นน้อง

                           “โธ่  ถึงจะเป็นพี่ฮาเรฟก็เหอะ  ยังไงก็คงเอาชนะท่านออกัสไม่ได้หรอก  รู้ๆอยู่
    ว่าต้นแบบนิสัยเจ้าเล่ห์ของพี่ฮาเรฟมาจากใคร”  รีนยักคิ้วให้อีกฝ่ายก่อนจะรับทองที่เดิมพัน
    กันไว้มานับ  

                           “ถึงว่า....ไม่น่าเล้ย...”  ชิริสพึมพำขึ้นมา  ก่อนจะคิดถึงแผนการเหนือเมฆของ
    ออกัสไม่ได้  

                          ...การแต่งงานกับจ้าวแห่งแม่มดอย่างเร่งด่วนนี้  จะทำให้พวกเขาได้พลังอำนาจ
    ที่จะช่วยปกป้องปราสาททูรีเนียและคนในหมู่บ้านกาเบียลที่อยู่ในเขตการปกครองของ
    ท่านฟรอกจากการโจมตีของผู้ที่ต้องการตัวจ้าวแห่งแม่มด  และยังหมดปัญหาเรื่องการแย่งชิง
    ตัวจ้าวแห่งแม่มดอีก....และผู้ที่เหมาะสมที่สุดคือ....

                       ….ทายาทผู้สืบทอดตระกูลราเวล ตระกูลที่คอยปกปักษ์รักษาเผ่าไทรบให้
    อยู่รอดมาหลายชั่วอายุคน  อีกทั้งยังเป็นตระกูลเดียวของเผ่าไทรบที่สามารถครอบครองของ
    วิเศษอย่างสร้อยคอแห่งรีนีจ....

                                และทายาทรุ่นล่าสุดก็คือ  ฮาเรฟ  ราเวล...ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีทับทิม
    ผู้ที่เคยลั่นวาจาว่าจะขออยู่เป็นโสดไปจนวันตาย....แล้วแบบนี้มีหรือที่จะยอมเข้าร่วมพิธีแต่
    โดยดี....?!

                   
               
                        WMWMWMWMWMWMWMWMWMWMW


                     ฟิ้ววววว...ฟิ้ววววว...ฟิ้ววววว

                           เสียงพลุยิงขึ้นฟ้าดังติดกันสามลูกเป็นการประกาศเริ่มพิธีแต่งงาน ฟรอก ราเวล  
    ผู้สืบทอดสร้อยคอรีนีจรุ่นก่อน  เป็นตัวแทนในการทำพิธีแต่งงานให้แก่คู่วิวาห์คู่ใหม่ที่กำลัง
    ยืนโงนเงนไม่ได้สติทั้งคู่ในวันนี้

                           “ด้วยนามแห่งข้า  ฟรอก  ราเวล  ผู้สืบทอดสร้อยคอรีนีจรุ่นก่อน  ขอเปิดผนึก
    พันธะสัญญาเลือดให้แก่ผู้สืบทอดสร้อยคอรีนีจคนใหม่  และเจ้าสาว”  เสียงพูดทรงพลังดัง
    ก้องไปทั่วลาน  พร้อมกับดวงตาสีทับทิมเช่นเดียวกับผู้เป็นบุตรปิดสนิทลง

                       จู่ๆจันทราก็เคลื่อนคล้อยลับหายไปจากขอบฟ้า  เหมือนจะหลีกทางให้แสง
    อรุณของดวงอาทิตย์ส่องสว่างไสวขึ้นมาแทนที่  เห็นเป็นลำแสงสายรุ้งที่ทอดยาวลงตัดผ่าน
    แผ่นหินอ่อนที่อยู่ตรงกลางลานพิธี   ซ้อนทับซุ้มประตูดอกไม้เหมือนเป็นประตูชั้นที่สอง  
    แล้วเกร็ดหิมะมากมายโปรยปรายลงมาจากฟ้าสะท้อนกับแสงแดดจนแวววาบไปทั่วงาน..

                               ฮาเรฟสะบัดหน้านิดๆ  ก่อนจะปรือตามองเพื่อปรับสายตาให้รับภาพเบื้อง
    หน้า  

                                ...ใครยืนอยู่ตรงหน้าเนี่ย...

                                ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าเขา  แต่ภาพยังดูพร่าเลือนอยู่  ความรู้สึก
    เจ็บแปล็บบริเวณศีรษะ  ทำให้เขายกมือขึ้นมาคลำบริเวณที่ถูกตีเบาๆ

                                 ดวงตาสีทับทิมของผู้สูงวัยกว่าลืมขึ้นมาเห็นบุตรชายกำลังฟื้นสติ  ด้วย
    อาการตกใจเล็กน้อย  ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับคนรับใช้ชายที่ช่วยพยุงชายหนุ่มเปลี่ยนเป็น
    ยึดตัวไว้

                                “ด้วยเลือดมนตร์นี้  จะทำให้พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากันตลอดไป”  พูดจบ  
    ชายชราก็กัดนิ้วชี้และเขียนอักษรมนตร์ลงบนกลางหน้าผากของผู้เป็นบุตร  เลือดสีแดงที่เขียน
    เสร็จเปล่งประกายกลายเป็นสีทองก่อนจะซึมหายเข้าไปในผิวหนัง...

                                “พ่อ...นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”  ฮาเรฟสะดุ้งโหยง  กวาดตามองรอบๆอย่าง
    ตกใจ  ไม่ต้องมีใครบอกเขาก็รู้ว่านี่คือพิธีแต่งงาน!!  เพราะเลือดมนตร์กลางหน้าผากจะ
    ใช้เฉพาะพิธีนี้เท่านั้น  

                                 ฟรอกไม่ตอบ  ขยับตัวหันไปเขียนอักษรมนตร์ให้หญิงสาวที่ยังคงต้อง
    เวทย์นิทราอยู่  

                                  ฮาเรฟรีบลุกขึ้นเข้าขวาง  แต่คนรับใช้ชายทั้งสองออกแรงยึดตัวเขาไว้แน่น
    ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ดังใจนึก...

                                 ....เล่นกันแบบนี้...ก็ได้...

                                ดวงตาสีทับทิมของผู้เป็นลูกวาบขึ้น  ก่อนจะหลับตาลง  ไม่ช้าว่าที่เจ้าสาวก็
    ส่งเสียงครางเบาๆอย่างรู้สึกตัว...

                               ฟรอกรู้ทันทีว่าเจ้าลูกชายตัวแสบได้คลายสะกดเวทย์นิทรา    แต่...คงยังไม่รู้
    เรื่อง  เวทย์คำสาปที่เฟลโด้ร่ายไว้แน่

                         ชายชราจึงรีบผลักหญิงสาวในชุดเจ้าสาวใส่ฮาเรฟทันที  แล้วหันหลังให้  
    ขณะที่พวกคนรับใช้ชายที่ยึดตัวเขาไว้ต่างพากันถอยกรูออกมาอย่างรู้หน้าที่  และกันไม่ให้
    แขกในงานเข้าไปใกล้บริเวณลานพิธี  

                                ฮาเรฟมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดใจ ....เขากะแค่ให้ว่าที่เจ้าสาว
    ฟื้นขึ้นมาช่วยกันโวยวายล้มเลิกงานแต่งงานเท่านั้น...

                                ร่างบางในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดอย่างงงๆ  แล้วคาถาที่
    เฟลโด้ร่ายไว้ก็บังเกิดผล  ศรรักพุ่งเข้าปักหัวใจหญิงสาวทันที...!!

                         “โอกาสดีแล้ว  แบบนี้ต้องหนี...”  

                              ฮาเรฟดันหญิงสาวในอ้อมแขนออกห่างจากตัว  เตรียมตั้งท่าจะหนีออกจาก
    พิธี  แต่เพราะมือนิ่มๆของว่าที่เจ้าสาวจับแขนเขาไว้แน่น  ทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก

                               ‘จับทำไมเล่า  ปัดโธ่...ข้ากำลังจะช่วยเจ้าแก้ปัญหาอยู่นา’  ชายหนุ่มทำหน้า          
    นิ่วนิด  ก่อนจะพูดต่อ...  



    to  be  continued

    จากคุณ : Sushii - [ 19 ส.ค. 46 13:21:10 ]