วันหนึ่งในความผูกพัน

    ฉันตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อแม่มาปลุกในตอนเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ เป็นวันอาทิตย์แรกที่ฉันจะได้มีโอกาส
    หยุดพักผ่อนหลังจากที่ทำงานดึกติดๆ กันมาหลายสัปดาห์แล้ว

    “บิ๊บี แม่เองจ้ะ” เสียงทักทายของแม่ดูแจ่มใส จนฉันไม่กล้าที่จะนึกเคืองท่าน “ตื่นเถอะลูก”

    ฉันผงกหัวขึ้นดูนาฬิกาที่ปลายเท้า เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเท่านั้นเอง  ฉันแอบถอนหายใจ แต่ก็ระวังอย่างยิ่งที่จะ
    ไม่ให้ท่านได้ยิน

    “ยังไม่ตื่นไม่ได้เหรอแม่” เสียงฉันอู้อี้ จนทำให้แม่หัวเราะ

    “ตื่นเถิดชาวไทย” แม่แกล้งร้องเพลง เมื่อเห็นฉันหลับตาไปอีกรอบ

    ฉันเอาหมอนมาปิดหู และทำเสียงอู้อี้พยายามจะปฏิเสธอีก แต่ดูเหมือนแม่จะไม่สนใจ

    “บิ๊บี” แม่ยังคงเรียกต่อ แต่แค่ได้ยินเสียงที่ลอดหมอนเข้ามา ก็รู้ได้ว่าท่านกำลังยิ้มอารมณ์ดีอยู่ “ตื่นนะจ๊ะ
    เดี๋ยวตอนบ่ายจะได้ไปวัดที่สุพรรณฯ กัน”

    ...ไปวัดที่สุพรรณบุรี...  โอย...ฉันอยากจะคลุมโปงหลับต่อเสียให้รู้แล้วรู้รอด ที่แท้ แม่ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นแต่
    เช้าวันอาทิตย์ เพื่อจะให้ขับรถให้ท่านไปสุพรรณฯ นั่นเอง

    “ค่ะ แม่ ตื่นก็ตื่น” แต่เท่าที่ฉันทำได้ก็คือรับปากท่านแต่โดยดี

    ฉันจำใจต้องลุกขึ้นจากเตียงทันทีเพราะรู้ดีว่าถ้าขืนฉันเผลอนอนต่ออีกซักนิดเดียว ก็อาจจะเป็นงีบที่ยาวไป
    ถึงบ่ายเลยแน่ๆ

    ในที่สุด ฉันก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงครึ่ง ฉันหวีผมไปก็คิดไป
    โธ่... นี่มันแทบจะเช้ากว่าวันทำงานปรกติของฉันเสียอีกนะแม่



    เมื่อฉันลงมาข้างล่าง ฉันก็พบว่าพ่อกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่เรือนกล้วยไม้ ฉันเดินไปทักทายพ่อแต่ก็อดไม่ได้
    ที่จะเอ่ยตัดพ้อ

    “พ่อยังไม่อาบน้ำแต่งตัวอีก” ฉันนั่งปุ๊กลงไปที่เก้าอี้สนาม เพราะรู้สึกอยากกลับไปนอนต่อเสียจริงๆ
    “เดี๋ยวแม่จะไปวัดตอนบ่ายนะพ่อ”

    พ่อไม่ได้หันมามองท่าทีหมดแรงของฉันหรอก ท่านยังคงฉีดน้ำไปทั่วๆ อย่างใจเย็น “นี่เพิ่งยังไม่แปดโมง
    เลยนี่ลูก”

    ฉันทำหน้าอยากจะบ่นต่อ แต่เมื่อคิดได้ว่าไหนๆ ฉันก็ตื่นแล้ว ยังไงก็กลับไปนอนต่อไม่ได้อยู่ดี ฉันเลย
    ตัดสินใจไม่โวยวายอีก

    “ช่วยรดน้ำมั้ยพ่อ” แล้วจู่ๆ ฉันก็เสนอขึ้นมา  อันที่จริงดูเหมือนฉันจะหลุดปากออกไปมากกว่า ฉันไม่ชอบ
    รดน้ำต้นไม้หรอก มันน่าเบื่อมาก...ฉันหวังว่าพ่อคงรู้ว่าฉันพูดไปงั้นเองนะ  แหะๆ

    “เอางั้นเหรอ” พ่อหันกลับมามองหน้าฉัน

    “เอ่อ” ฉันเลยตะกุกตะกักติดอ่างขึ้นมาทันที “เอ่อ ค่ะ ให้หนูช่วยมั้ยคะ” นั่นไง ฉันมักจะพูดไม่ตรงกับใจ
    เอาเสียจริงๆ เฮ้อ...

    โชคดีที่พ่อหัวเราะ  ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ฉันรู้ว่าพ่อรู้ว่าฉันเป็นคนขี้ประจบที่ใจจริงแล้วขี้เกียจขนาดไหน

    “ไม่เป็นไรหรอก พ่อรดเอง เดี๋ยวจะเปื้อนซะเปล่าๆ อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว” พ่อบอกหลังจากหัวเราะเหมือนรู้ทัน
    แล้วท่านก็ขยับไปรดส่วนถัดไป

    ฉันนั่งมองพ่อรดน้ำต้นไม้ ความจริงก็เพลินดีเหมือนกันนะ ฉันคุ้นๆ ว่าใครคนนึงเคยบอกฉันว่าการรดน้ำต้นไม้
    เป็นการทำงานไปด้วยพักผ่อนไปด้วย เพราะช่วยทำให้จิตใจแจ่มใส  ฉันคิดไปคิดมาก็นึกได้ว่า ใครคนนึงที่ฉันคุ้นๆ
    นั่นก็คงเป็นพ่อนั่นเอง ที่บอกฉันอีกด้วยว่า ให้ลองพยายามตื่นเช้าๆ มาดูสีเขียวของต้นไม้ จะได้สดชื่นแจ่มใสไปทั้งวัน..
    ฉันนึกแล้วก็อยากจะได้ต้นไม้ไปปลูกไว้ที่ทำงานสักสองสามต้นคงจะดี

    “เอาต้นไม้ไปปลูกที่ทำงานบ้างมั้ยล่ะ” จู่ๆ พ่อก็หันมาถาม เหมือนรู้ใจ

    “ดีมั้ยพ่อ” ฉันขยับจะตกลง แต่ก็ลังเล เพราะฉันยังเข็ดไม่หายกับต้นตะบองเพชรที่เอาไปจากพ่อจนตายคามือฉัน
    มาสองต้นแล้ว

    “ต้องดีสิ” พ่อเดินไปปิดก๊อกน้ำ ก่อนจะกลับมาเลือกต้นไม้ให้ฉัน

    “ต้นอะไรดีล่ะพ่อ เอาที่เลี้ยงง่ายๆ นะคะ” ฉันลุกไปช่วยพ่อเลือกอีกคน “ครั้งก่อนเอาตะบองเพชรไปยังตายเลย”

    พ่อหัวเราะ ท่านคงจำได้ ต้นแรกที่ฉันเอาไป ฉันก็ลืมรดน้ำเสียจนต้นตะบองเพชรขาดน้ำตาย แล้วพอต้นที่สอง
    ฉันก็รดน้ำมากเสียจนต้นตะบองเพชรบวมตายอีก… ฉันรู้สึกผิดเพราะที่จริงพ่อก็แนะนำวิธีการเลี้ยงไปอย่างดีแล้ว
    แต่ฉันก็ไม่ได้ทำตามเอง

    “เอาโมกข์ด่างนี่มั้ย เลี้ยงในแอร์ได้ แต่ต้องเอาออกไปโดนแดดบ้างนานๆ ครั้ง” พ่อเอ่ยชื่อบอนไซต้นหนึ่งในกลุ่ม

    “ไม่เอาดีกว่าพ่อ ต้องยกไปยกมา เดี๋ยวก็ลืมอีก” ฉันยังไม่ตกลง

    “งั้นเอาจั๋งด่างมั้ย นี่แพงด้วยนะ” พ่อบอก

    “โอ้ย” ฉันส่ายหน้าพัลวัน “ไม่เอาอะพ่อ ไอ้ที่แพงๆ น่ะ ไม่เอาเลยล่ะ เดี๋ยวตายยิ่งเสียดายตายเลยค่ะ”

    ในที่สุดหลังจากตัดสินใจอยู่นานแสนนาน ฉันก็เลือกต้นตะบองเพชรอีกจนได้ ฉันคิดว่าเลือกตะบองเพชรอีกครั้ง
    ก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยฉันก็มีประสบการณ์มาบ้างว่าจะต้องดูแลอย่างไร ต้องรดน้ำขนาดไหน

    “ชื่อเจ้าหัวฟูนะพ่อนะ” เมื่อเลือกได้ปั๊บ ฉันก็ตั้งชื่อทันที ฉันตั้งชื่อทุกอย่างที่เป็นสมบัติของฉัน ไม่ว่าเป็นตุ๊กตา
    รถ คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือของฉันเอง “หวังว่าดอกนี้จะอยู่นานๆ นะพ่อนะ” ฉันตั้งชื่อหัวฟูตาม
    ดอกสีชมพูที่บานฟูๆ อยู่บนลำต้นนั่นเอง

    พ่อพยักหน้ายิ้ม “เอาต้นอื่นอีกมั้ยลูก”

    “ต้นเดียวก่อนดีกว่าพ่อ” ฉันตัดสินใจ “ถ้ารอดค่อยมาขอใหม่”

    พ่อลุกขึ้นไปหยิบไม้สำหรับปักบอกชื่อพันธุ์ของต้นไม้มาให้ฉันเขียนชื่อต้นไม้ แต่ฉันขอให้พ่อเขียนให้แทน

    “พ่อเขียนให้อีกนะคะ” ฉันรีบอ้อน ก็ลายมือพ่อน่ะสวยจะตายไป สมัยเด็กๆ ก็พ่อนี่แหละ ที่เป็นคนร่างตัวอักษรชื่อ
    ของฉันบนชุดนักเรียนก่อนที่แม่จะปักตามรอยนั้น ฉันยังจำได้ว่าฉันภูมิใจขนาดไหน เพราะชื่อของฉันนอกจากจะ
    เพราะมากแล้ว ยังเป็นชื่อที่ปักได้สวยที่สุดในห้องอีกด้วย

    “เขียนว่าอะไรแล้วนะลูก” พ่อหันมาถาม

    “เจ้าหัวฟูค่ะ พ่อ เขียนเต็มๆ เลย” ฉันยื่นหน้าไปดูใกล้ๆ เสียจนชนปากกาพ่อเลยทีเดียว

    “ระวังจิ้มตาเอาลูก” พ่อรีบบอก ฉันหัวเราะก่อนจะหดหน้ากลับไป

    เมื่อพ่อเขียนเสร็จ ฉันก็รับไม้มาปักลงในกระถาง ก่อนจะแกล้งชูกระถางขึ้นแตะหน้าผาก “คราวนี้แข็งแรงๆ นะ
    เจ้าหัวฟูเอ้ย"


    ฉันเห่อเจ้าหัวฟูมากถึงขนาดถือติดมือเข้าไปหาแม่ในครัวด้วย แม่กำลังทอดอะไรบางอย่างเสียจนควันโขมง

    “อ้าว ลงมาแล้วเหรอลูก” แม่เงยขึ้นมาทัก “นั่นถืออะไรมาน่ะ ซื้อมาให้พ่อเหรอลูก”

    ฉันหัวเราะ “เปล่าแม่ ขอพ่อมาน่ะค่ะ”

    “อ้อ” แม่หัวเราะบ้าง “ออกไปก่อนดีกว่าลูก เดี๋ยวเหม็นหมด” แม่คงนึกได้ว่าทอดปลาอยู่

    ฉันเลยเพิ่งสังเกตว่า แม่ก็ยังไม่อาบน้ำแต่งตัวอีกเหมือนกัน … โธ่…แล้วทำไมต้องปลุกฉันแต่เช้านี่ ฉันยังไม่ลืมเรื่อง
    โดนปลุกเลย

    “ออกไปก่อนลูก เดี๋ยวจะเสร็จแล้ว” แม่สำทับมาอีกรอบ

    ฉันจึงค่อยๆ ประคองเจ้าหัวฟูกลับออกมาคอยที่ห้องรับแขก ฉันเปิดทีวีดูไปเรื่อยๆ ไม่นานนักพ่อก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
    เรียบร้อยและเดินลงมา

    “แม่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยพ่อ” ฉันเงยขึ้นมาบอก

    พ่อจึงเดินมานั่งดูทีวีด้วยอีกคน ท่านคว้ารีโมตไปกดเลือกช่อง ตอนแรกฉันก็ไม่สนใจหรอก แต่พอดูไปสักพัก ฉันก็พบว่า
    ท่านเปลี่ยนช่องบ่อยเสียเหลือเกิน

    “โอ้ย ตาลายแล้วพ่อ” ฉันโพล่งออกมา พร้อมกับบ่นที่ท่านเปลี่ยนช่องทีวีบ่อยจนฉันปวดหัว

    พ่อหัวเราะหึๆ ท่านพยายามเปลี่ยนช่องให้น้อยลง แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าท่านเปลี่ยนช่องบ่อยกว่าปรกติอยู่ดี

    “ทำไมเปลี่ยนบ่อยจังอะพ่อ แล้วจะดูรู้เรื่องเหรอ” ฉันบ่น

    “ก็ดูไม่รู้เรื่องน่ะสิ ถึงได้เปลี่ยนช่อง” พ่อบอกยิ้มๆ

    ฉันรู้ว่าบ่นไปก็ไม่เป็นผล เลยงัดไม้เด็ดออกมาใช้

    “หนูอยากดูช่อง 9 อะพ่อ พ่ออย่าเปลี่ยนนะคะ”

    นั่นไง ได้ผล  เรื่องตามใจลูกน่ะ ที่หนึ่งเลยล่ะ พ่อเรา ฉันแอบยิ้ม ที่เห็นพ่อเปลี่ยนกลับมาที่ช่อง 9 แล้วก็วางรีโมตลงแต่โดยดี



    ฉันเผลอหลับปุ๋ยไปอีกรอบอยู่ตรงโซฟานั่นแหละ เพราะกว่าแม่จะทำกับข้าวเสร็จรายการอร่อยกำลังดีก็จบไปนานแล้ว
    ฉันช่วยแม่จัดโต๊ะอาหาร แม่ตำน้ำพริก ลวกผัก และทอดปลาทูของโปรดของฉันเลย นอกจากนั้นก็ยังมีชะอมทอด ต้มยำกุ้ง
    และผัดผักบุ้งของโปรดของฉันอีกเช่นกัน

    “เต็มโต๊ะเลยแม่” ฉันหิวจนตาลาย แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าแม่ทำกับข้าวเยอะมากจริงๆ “วันนี้ทำไมทำกับข้าวตามใจลูกสาวขนาดนี้
    เลยเหรอ” ฉันแซว

    “ทำตามใจพ่อเค้าต่างหาก” แม่บอก

    ฉันหัวเราะที่แม่ล้อฉัน แต่อันที่จริง ของโปรดของพ่อกับของโปรดของฉันก็เหมือนๆ กันซะด้วยสิ แต่ยังไง ฉันก็รู้ว่าแม่ทำ
    ตามใจฉันต่างหาก… ฉันคิดตามประสาลูกคนเล็กที่ถูกตามใจเสียจนเคยตัว ..เสียดายพี่เอไม่อยู่… ฉันคิดถึงพี่สาวขึ้นมา
    พี่สาวฉันก็อีกคน ที่ตามใจฉันเสียจนนิสัยเสีย

    “คิดถึงพี่เอจัง ป่านนี้กินกิมจิไปถึงไหนแล้วไม่รู้” ฉันเลยบ่นถึงพี่ ที่ไปสอนอยู่ต่างประเทศในช่วงนี้ พี่สาวฉันเก่ง เลยได้ทุนของ
    รัฐบาลไปสอนต่างประเทศอยู่เป็นประจำ

    “ตอนนี้ยังส่งเมล์คุยกับอ๊ะเออยู่อีกรึเปล่าลูก” แม่หันมาถาม

    “ค่ะ” ฉันตอบ “แต่สองสามวันนี้ พี่เอไม่ได้ตอบเมล์มาค่ะ คงจะยุ่ง เพราะใกล้จะกลับมาแล้ว”

    พ่อกับแม่พยักหน้ารับรู้ เรากำลังจะเริ่มรับประทานอาหารกัน ฉันเลยเริ่มคุยจ๋อยอีกครั้งๆ ส่วนใหญ่ก็จะเล่าเรื่องงานที่กำลัง
    ทำวุ่นวายอยู่

    ระหว่างนั้นพ่อก็คอยช่วยแกะเนื้อปลาให้ฉัน ฉันนั่งคอยให้พ่อแกะให้เหมือนอย่างเคย ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันแกะเนื้อปลาเอง
    เป็นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่พ่อแกะให้

    “เดี๋ยวจะไปวัดไหนอะคะ” ฉันถามแม่ขึ้นมา ฉันเพิ่งสังเกตเห็นของที่แม่เตรียมไว้ถวายพระ

    แม่บอกชื่อวัดที่ฉันคุ้นเคย ครอบครัวเราไปไหว้พระที่วัดนี้กันเป็นประจำ ส่วนมากก็จะมักจะไปไหว้ในวันสำคัญๆ เช่นวันเกิด
    ของพวกเราคนใดคนหนึ่งหรือวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ แล้ววันนี้ล่ะ มันเป็นวันสำคัญอะไรนักหนา นอกจากเป็น
    วันอาทิตย์ที่ฉันตั้งใจจะนอนทั้งวัน

    แล้วจู่ๆ ฉันก็สำลัก… ก่อนจะไอโขลกๆ ไม่ยอมหยุด

    “แฮ่มๆ” พ่อกับแม่ช่วยกันกระแอม เพื่อให้ฉันกระแอมตามจะได้หายไอ

    แต่ฉันก็กระแอมไม่ออก… เมื่อกี้ฉันกำลังซดน้ำต้มยำแล้วจู่ๆ ฉันก็คิดอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ และทำให้ฉันสำลัก

    ฉันรู้แล้วว่าวันนี้สำคัญอย่างไร ทำไมแม่ถึงชวนฉันไปวัด

    ฉันหันไปมองพ่ออย่างรู้สึกผิด .. ตายจริง วันนี้วันเกิดของพ่อนั่นเอง ทำไมฉันถึงได้ลืมไปเสียสนิทได้นะ

    “พ่อ” ฉันกระแอมสามสี่ครั้ง ก่อนจะพูดออกมาได้โดยไม่ไอต่อ

    “ค่อยพูดก่อนก็ได้ลูก เดี๋ยวไออีก” พ่อยังเป็นห่วงฉันอยู่ และก็ยังไม่รู้อีกว่าลูกสาวคนนี้น่ะแย่ขนาดไหน

    “พ่อขา” ฉันทำตาแดงๆ “บีลืมน่ะพ่อ”

    “ลืมอะไรเหรอลูก” แม่เป็นฝ่ายแทรกขึ้นมาก่อน

    “บีลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดพ่อน่ะค่ะ” ฉันแทบจะปล่อยโฮเลย ตอนที่หลุดประโยคนั้นออกมาได้ “พ่อขา แฮปปี้เบิร์ดเดย์
    นะคะ บีขอโทษที่ไม่มีของขวัญให้พ่อค่ะ”

    แม่กับพ่อคงไม่โกรธ เพราะแม่หัวเราะดังลั่นเลย ท่านคงขำท่าทางจ๋อยของฉัน  ฉันเพิ่งนึกอะไรได้หลายๆ อย่าง  
    มิน่า... แม่ถึงได้ปลุกฉันแต่เช้า
    มิน่า...แม่จะไปวัดที่สุพรรณฯ
    มิน่า... ตอนที่แม่เห็นฉันถือเจ้าหัวฟูเข้ามา ท่านยังถามว่าซื้อมาให้พ่อเหรอ
    มิน่า... แม่ถึงได้บอกว่าทำอาหารมื้อนี้ตามใจพ่อ

    ฉันนึกไปนึกมาก็นึกเสียใจ ทำไมฉันถึงได้ลืมและมัวคิดถึงแต่ตัวเองได้ขนาดนี้นะ

    ฉันเงยหน้ามาเห็นว่าพ่อเองก็หัวเราะ พลางดึงทิชชูมาให้ฉันเช็ดน้ำตา ฉันรับมาสั่งขี้มูกเสียปื๊ดใหญ่

    “พ่อกับแม่ไม่โกรธนะคะ” เมื่อค่อยรู้สึกดีขึ้น ฉันก็รีบถามย้ำ

    แม่มองหน้าพ่อ ก่อนจะเป็นฝ่ายตอบให้ “ไม่โกรธหรอกลูก แม่ว่าที่จริงบิ๊บีก็ไม่ได้ลืมหรอกนะจ๊ะ เอ..อย่างนี้
    ถือว่าลืมรึเปล่าพ่อ” แม่หันกลับไปถามพ่อ

    “คะ?” ฉันมองแม่แล้วก็สลับไปมองหน้าพ่ออย่างไม่เข้าใจ

    “วันนี้ไม่ใช่วันเกิดพ่อหรอกบิ๊บี” แม่หัวเราะอีกแล้ว “จริงๆ ก็ยังไม่ถึงวันเกิดพ่อนะลูก อีกตั้งสิบวันแน่ะ
    นี่เพิ่งวันที่ห้าเอง”

    อ้าว... เฮ้ย... ฉันงงสุดขีด

    แต่ก็นะ.. อืม.. ฉันคิดดูใหม่ดีๆ อีกครั้ง ก่อนจะพบว่าฉันจำผิดไปจริงๆ ด้วย แหะ แหะ

    ฉันโผเข้าไปกอดพ่ออย่างอายๆ พลางกระซิบบอกท่าน “บีก็ว่าแล้ว  บีไม่เคยลืมวันเกิดพ่ออยู่แล้วเนอะ”

    แม้ว่าประโยคนั้นของฉันจะทะแม่งๆ แต่ยังไงก็ตามฉันรู้ว่าตอนนั้นพ่อกำลังยิ้มอยู่อย่างแน่นอน...

    ....แล้วพ่อก็ยิ้มอยู่จริงๆ เสียด้วย...

    แหะ แหะ

    จบบริบูรณ์
    ลูกเหม็น 8 พฤศจิกายน 2545
    ปรับปรุงครั้งแรก 9 พฤศจิกายน 2545

    จากคุณ : ลูกเหม็น - [ 19 ส.ค. 46 15:33:05 ]