ระหว่างคืน

                                  “ ระหว่างคืน ”

    “ ที่นี่ไหน? ”  ฉันถามตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพเบื้องหน้าเหมือนไม่คุ้นชิน ผู้คนที่เดินไปมาและสิ่งก่อสร้างที่อยู่รายรอบตัวฉันนั้นเหล่า ฉันก็ไม่คุ้นมันเลย…

    “ ฉันอยู่ไหนนะ? ” ทันทีที่ฉันตัดสินใจก้าวผ่านอุโมงค์นั้นมา ฉันก็มาปรากฏกายอยู่ที่นี่ – ย้อนกลับไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเกือบเดือนหนึ่งเห็นจะได้ ฉันฝันว่าฉันยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดคนเดียว เบื้องหน้าไม่ไกลนักมีแสงสว่าง ฉันมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ฉันพยายามคลำหาสิ่งของที่อยู่รอบกายเผื่อจะยึดเกาะให้อุ่นกายในความมืด แต่กลับไม่เจออะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันไม่สามารถสัมผัสอะไรได้แม้กระทั่งสายลม แล้วฉันก็หวาดกลัวที่จะเดินต่อไป แม้จะเดินไปหาแสงสว่างที่เห็นซึ่งฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกก็ตาม ฉันนั่งลง ความมืดและความหวาดกลัวห่อหุ้มตัวฉันไว้ แล้วฉันก็เริ่มร้องไห้ ในฝันฉันได้ยินเสียงตัวเองร้องไห้ดังอย่างชัดเจน จนฉันไม่แน่ใจว่าร่างเนื้อของฉันที่นอนอยู่นั้นร้องไห้ไปด้วยหรือไม่ ฉันตะโกนเรียกชื่อคนที่ฉันรู้จักทุกคนหวังว่าคงมีใครสักคนเข้ามาช่วยฉันได้บ้าง แต่ไม่มีใครเลยนอกจากความมืดที่อยู่รอบตัวฉัน และสิ่งที่แปลกที่สุดที่ฉันไม่เคยสังเกตตลอดเวลาที่ฉันหลับฝันในชีวิตนี้เลยก็คือ เหมือนว่ามีฉันอีกคนที่กำลังยืนดูฉันอยู่ ความคิดของฉันในตอนนั้น มีคำถามต่าง ๆ ผุดขึ้นมามากมาย “ฉันอยู่ไหน? ” และทำไมฉันถึงสามารถมองเห็นตัวเองนั่งร่ำไห้ได้ ทั้ง ๆ ถ้าฉันตื่น ฉันสามารถมองเห็นตัวเองได้ก็แต่เงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกเท่านั้น ไม่สามารถมองจากมุมต่าง ๆ ที่เป็นอยู่อย่างนี้ได้เลย และตอนนี้ฉันกำลังมองเห็นตัวเองนั่งร้องไห้อยู่ในมุมสูงกว่า เป็นไปได้อย่างไร!  ฉันยืนมองตนเองเหมือนฉันกำลังยืนมองใครคนหนึ่งอยู่ ใครคนนั้นที่มีใบหน้า ความรู้สึกนึกคิดเหมือนกับฉัน! มันดูเหมือนว่าตัวฉันที่นั่งร่ำไห้อยู่นั้นมันคือร่างกายของฉันที่หลุดออกจากตัวฉันไปในขณะฉันหลับ ใช่สินะ…ฉันเองก็ไม่เคยสังเกตความมหัศจรรย์ในความฝันเลยสักครั้ง มันเป็นสิ่งที่ฉันมองข้ามมันอยู่เสมอ

    “ ฉันอยู่ไหน? ”  ฉันถามออกไป แล้วฉันก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเสียงสะอื้นยังคงดังอยู่แผ่ว ๆ ฉันได้ยินอย่างชัดเจน แต่…ความคิดนี้มาจากไหนนะ ความคิดที่ฉันจะต้องลุกขึ้น คำถามที่อยู่ในใจมันมาจากไหน มันมาจากตัวฉันที่กำลังลุกขึ้น หรือว่ามาจากตัวฉันที่ยืนมองอยู่กันแน่ แต่นั้นมันยังไม่สำคัญนักหรอกในตอนนี้ ฉันอยากรู้อย่างเดียวว่าตอนนี้ บัดนี้ ฉันอยู่ที่ไหน?

    ฉันลองเดินดูร่างกายของฉันไม่รับรู้ถึงมวลอากาศรายรอบข้างเลยไม่ร้อน ไม่หนาวหรืออะไรทั้งสิ้น ฉันมองดูตัวเองกำลังเดินสู่ปากอุโมงค์ที่มีแสงสว่างนั้น ฉันมองเห็นแผ่นหลังของตัวเองที่กำลังเดินอยู่ และทั้ง ๆ ที่ฉันกำลังมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินอยู่นั้น ฉันกลับเห็นตัวเองเดินจากมุมสูงเบื้องหลัง…มันเป็นไปได้อย่างไร ! มันเหมือนกับฉันเล่นเกมอะไรสักอย่างที่กำลังบังคับคน ๆ หนึ่งที่หน้าตาเหมือนฉันเดินไปเดินมา แล้วทันใดนั้นเองก่อนที่ฉันจะก้าวออกจากอุโมงค์สู่แสงสว่างร่างกายของฉันก็มีความรู้สึกเบาคล้ายล่องลอยได้ ความรู้สึกส่วนนี้ฉันสามารถสัมผัสมันได้เป็นอย่างดี มันเป็นความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวเหลือเกิน ร่างกายของฉันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยึดเกาะอะไรไว้ มันเหมือนร่างกายของฉันกำลังจะล่องลอยหลุดออกจากแรงโน้มท่วงของโลกนี้ไป แต่แปลกร่างของฉันที่กำลังยืนอยู่ที่ปากอุโมงค์นั้นยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ล่องลอยเหมือนความรู้สึกที่ฉันเป็นอยู่นี้เลย

    ฉันพยายามฝืนตัวไม่ให้ล่องลอย แต่ยิ่งพยายามเท่าไรก็ไร้ผล ร่างของฉันก็ยังคงล่องลอยคล้ายกระดาษบางเบาที่ถูกลมพายุพัดขึ้นสู่เบื้องสูง ลองลอยไปอย่างไร้จุดหมาย พลันความคิดหนึ่งของฉันก็ผลุดขึ้นมา นี่วิญญาณของฉันกำลังหลุดออกจากร่างหรือนี่ ! เป็นไปได้อย่างไรกันละเพราะฉันยังไม่ตาย ! ฉันแค่นอนหลับอย่างที่ฉันหลับอยู่ทุกวันเท่านั้นเอง แต่แล้วจู่ ๆ ฉันก็มาปรากฏกายอยู่ที่นี่กับความฝันอันน่ากลัวนี้ ฉันมองเห็นตัวเองกำลังยืนอยู่ปากทางออกของอุโมงค์ มองเห็นหัว เส้นผม และแผ่นหลังของฉันเอง แต่…ทั้ง ๆ ที่ฉันมีความรู้สึกคล้ายล่องลอยอยู่นี้ฉันกลับมองเห็นระยะห่างของฉันและร่างฉันที่ยืนอยู่นั้นไม่เปลี่ยนไปเลย ฉันพยายามเกร็งทุกส่วนของร่างเพื่อสะบัดหลุดออกจากความฝันและความรู้สึกนี้ ครั้งที่หนึ่ง สอง สาม….แต่ก็ไร้ผล  เหมือนว่าตัวฉันนั้นตื่นแล้วแต่ร่างของฉันนั้นยังไม่ตื่น นี่ฉันกำลังจะติดอยู่ในความฝันนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ ฉันได้กลิ่นอับชื่นของเหงื่อโชยมาจากไหนสักแห่ง ความรู้สึกของฉันบอกว่าร่างของฉันที่นอนอยู่นั้นชโลมไปด้วยเหงื่อทั้ง ๆ ที่ฉันในตอนนี้ไม่รู้สึกร้อนอะไรเลย ฉันพยายามเกร็งร่างกายอีกครั้งพร้อมกับครั้งนี้ฉันก็กลั้นลมหายไจไปด้วยนับหนึ่งสองสามอยู่ในใจแล้วพยายามสะบัดตัวให้สะดุ้งตื่น
    ได้ผล ! ฉันกลับสู่ร่างอีกครั้งฉันนอนมึนงงอยู่บนเตียงร่างของฉันในตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อ ทั้ง ๆ ที่อากาศรอบตัวเย็นจนหนาว ฉันนอนทบทวนถึงความฝันนั้นจนไม่อาจข่มตาหลับได้กระทั่งรุ่งสาง ฉันเก็บงำความฝันนี้ไปครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาทั้งวัน ในหัวสมองของฉันไม่มีความคิดอื่นใดเลยนอกจากคิดถึงเรื่องความฝันและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉัน แล้วตกดึกวันนั้นฉันก็ฝันและอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักอีกครั้ง และตั้งแต่นั้นมายามที่ฉันหลับตาลงนอนฉันก็ต้องต่อสู้กับการปลุกตัวเองให้ตื่นอยู่เสมอ ฉันเริ่มหวาดกลัวการหลับ ฉันอดนอนมากขึ้น กินกาแฟและทำทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้หลับ ฉันกลัวว่าตัวฉันจะไม่ตื่นและติดอยู่ในความฝันอันน่ากลัวนั้นไปตลอดกาล แต่ร่างกายของฉันไม่สามารถขัดขืนการไม่นอนได้ฉันเผลอหลับทุกครั้งยามปิดเปลือกตา หรือแค่เพียงฉันกระพริบตาก็ตาม

    แล้ววันนี้เองฉันได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าฉันจะนอนหลับและต่อสู้อยู่กับความฝันนั้นให้รู้แจ้งไปเลยว่ามันคืออะไร และมีอะไรอยู่เบื้องหลังแสงสว่างของอุโมงค์แห่งนั้น ฉันไม่อาจจะทนสภาพของฉันที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้ ดวงตาของฉันคล่ำดำและลึก ร่างกายผ่ายผอมสิ้นแรง สมองของฉันไม่สามารถสั่งการอะไรได้ ไม่มีความคิดอะไรเหลืออยู่นอกจากเรื่องราวในความฝันอันน่ากลัวนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า….

    ตอนนี้ร่างของฉันกำลังล่องลอยอีกครั้งมันเบาหวิวเหลือเกิน ฉันไม่อาจจะขยับแขนขาได้ ร่างอีกร่างของฉันกำลังยืนอยู่ที่เดิมปากทางออกของอุโมงค์นั้น ร่างนั้นกำลังหันหลังให้ฉันหันหน้าออกสู่แสงสว่าง ณ ปลายอุโมงค์ ฉันต้องพยายามข่มใจอย่างมากที่ไม่คิดถึงร่างของฉันที่กำลังล่องลอยนี้ ฉันจะต้องเอาความรู้สึกทั้งมวลบังคับร่างเบื้องล่างให้เดินออกจากอุโมงค์นี้ไป ฉันรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่เกาะกุมอยู่ทุกส่วนของฉัน “เดินไปสิเดินไป” ฉันร้องบอกกับร่างนั้นโดยไม่ขยับปาก แล้วร่างนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปอย่างไร้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกฉันบังคับมุ่งสู่แสงสว่าง…

    “ ฉันอยู่ที่ไหน? ” เป็นคำถามที่ผลุดขึ้นในใจทันทีที่ฉันก้าวออกมาจากอุโมงค์มืดดำนั้น ตอนนี้ฉันอยู่ท่ามกลางแสงสว่างจ้า ฉันพยายามปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงสว่างนั้น แล้วความสว่างจ้าก็ค่อย ๆ ลดระดับความสว่างลงทีละนิด ๆ จนฉันพอมองเห็นสรรพสิ่งที่อยู่รายรอบตัวฉันได้ แน่นอนทีเดียวว่าสถานที่แห่งนี้ฉันไม่เคยมา หรือเคยเห็นมันเลย มันเป็นสถานที่แห่งไหนกันนะ? …

    เบื้องหน้าฉันมีถนนเพียงสายเดียวขนาบข้างด้วยตึกสูงใหญ่มากมายลดหลั่นกันไป ผู้คนเหล่านั้นต่างพากันเดินสู่ทิศทางเดียวกัน พวกเขาเดินผ่านฉันไปทีละคน ๆ เพื่อมุ่งสู่ปลายสุดของถนนสายนั้น มันคือที่ไหนนะ? ณ เบื้องปลายนั้น ทำไมไม่มีใครเดินเข้าไปในตึกที่เรียงรายเหล่านั้นเลย สภาพตึกที่นี่ยังดูใหม่ เหมือนพึ่งสร้างเสร็จ ฉันมองผ่านกระจกเข้าไปเห็นสิ่งของเครื่องใช้มากมายอยู่ในนั้น คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น ทีวี ของกินของใช้สารพัดที่วางอย่างมีระเบียบแต่เหมือนไม่มีใครเคยได้ใช้มันเลย ฉันมองหาคนที่ฉันพอจะรู้จักจากผู้คนมากมายนั้น แต่ภาพใบหน้าของคนเหล่านั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวจนยืนนิ่ง มันไม่ใช่ใบหน้าที่บิดเบี้ยวหรือชวนสยองอะไรหรอก แต่เป็นใบหน้าที่ราบเรียบธรรมดาไม่มีสีสันต่างหาก ทว่าใบหน้าเช่นนั้นก็ยังไม่ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวได้เท่ากับดวงตาที่ใสดั่งลูกแก้วจนฉันสามารถมองเห็นตัวเองในดวงตาของผู้คนเหล่านั้นได้หรอก ดวงตาเหล่านั้นมันช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน
    แล้วฉันก็มองเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านฉันไป เด็กชายคนนี้ก็มีดวงตาไม่ต่างกับผู้คนที่นี่มากนัก ฉันตัดสินเลือกที่จะถามเด็กชายคนนี้ถึงสถานที่แห่งนี้ ถึงความเป็นมา ถึงสิ่งที่เขากำลังจะมุ่งไป

    “ หนูที่นี่ที่ไหนจ๊ะ ”  ฉันถามออกไปทันทีที่ฉันจับแขนและนั่งลงตรงหน้าของเด็กชายได้ เด็กชายหันหน้ามาหาฉัน ฉันไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังมองฉันอยู่หรือไม่ เพราะฉันไม่รู้ว่าเขาสามารถมองเห็นด้วยหรือเปล่า แต่สิ่งที่ฉันมองเห็นในตอนนี้คือ ฉันเห็นตัวเองกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ในดวงตาคู่นั้น ฉันหวาดกลัวเหลือเกินจนต้องพยายามบ่ายหน้าออกจากดวงตาของเด็กชาย เมื่อฉันรอคำตอบจากเด็กชายจนแน่ใจว่าเขาอาจจะไม่ได้ยินที่ฉันถาม ฉันจึงถามประโยชน์เดิมอีกครั้ง และสิ่งที่ได้กลับมาก็เช่นเดิม เด็กชายยังคงเงียบไม่ตอบอะไรกับฉัน เขาได้แต่ยืนนิ่งโดยหันหน้ามาหาฉันอยู่เช่นเดิม ความหวาดกลัวของฉันที่มีต่อสายตาคู่นั้นก็พุ่งขึ้นมาจับขั่วหัวใจจนฉันต้องปล่อยมือที่กำลังจับเด็กชายนั้นออก แล้วเด็กชายก็เดินไปบนถนนตามผู้คนมากมายต่อไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมาสนใจฉันที่ยืนนิ่งอยู่นี้เลย

    ฉันรู้สึกมึนงงและสับสนกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ในตอนแรกฉันคิดว่าเมื่อฉันก้าวพ้นอุโมงค์นั้นมาได้ฉันได้พบกับคำตอบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความฝันของฉัน แต่นี่เปล่าเลยความสงสัยและคำตอบยังคงปริศนาอยู่ต่อไป…ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปในตัวตึกหลังหนึ่งซึ่งฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นร้านขายของ เพราะจากสภาพที่ฉันมองผ่านเข้าไปนั้นมี

    จากคุณ : แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า - [ 20 ส.ค. 46 10:57:43 A:203.147.25.145 X: ]