สัญญาณแห่งความรัก..

    ตั้งแต่เช้า จนบ่าย สไบแพร วิ่งวุ่นจนไม่มีเวลามองนาฬิกา
    เมื่อได้เข้ามานั่งพักในห้อง เสียงท้องร้อง จึงเตือนว่าล่วงเวลากินข้าวไปแล้ว
    คนไข้เมื่อเช้าคงตำหนิ หากรู้ว่า คุณหมอสาวที่เตือนหล่อนให้กินข้าวให้ตรงเวลา
    ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย ตั้งแต่เช้าจนเลยเที่ยง
    ถ้าจะต้องหาอะไรกินซักหน่อย เวลากระเพาะเรียกร้องขนาดนี้
    คงต้องเริ่มจากอะไรอ่อนๆ ก่อน ไม่งั้น จะกินไม่ลงเอาซะดื้อๆ นมอุ่นๆ คงดีไม่น้อย
    หญิงสาวถอดเสื้อคลุมสีขาวออก พาดไว้ที่พนักเก้าอี้ ก้าวเท้ายาวออกไปที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล

    งานของวันนี้ผ่านไปอีกครั้ง หญิงสาวทิ้งตัวนั่งหน้าจอสี่เหลี่ยม หลายคนที่คุ้นเคยผ่านจอนี้
    พอเปิดเครื่อง ต่อสัญญาณได้ คำทักทายจากเพื่อนหลายต่อหลายคนก็พรั่งพรูเข้ามา
    ความสุขเล็กๆ บนโลกอินเตอร์เน็ต ที่ใครหลายคนสัมผัสได้ เพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้า แต่พูดจาประสาเดียวกัน
    เรื่องราวบอกเล่า ผ่านกระดานข่าวที่ใช้สื่อสาร

    กระทู้เรื่องราวที่น่าอ่าน น่าสนใจถูกผลิก ถูกอ่าน
    "ลองเข้าไปที่นี่ดูสิแพร" ครั้งแรกในการเริ่มต้นเข้าบอร์ดต่างๆมักเริ่มต้นจากคำบอกเล่าของเพื่อนฝูง
    หรือบางครั้งเวลาที่ว่าง และไม่รู้จะทำอะไร ก็สามารถดึงหลายคนเข้าสู่ กระดานหัวข้อต่างๆได้อย่างไม่รู้ตัว
    และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สไบแพรก็ได้เข้ามาที่กระดานสนทนาแห่งนี้

    การพบปะพูดคุย ทางจอสี่เหลี่ยมและแป้นหลากปุ่ม
    การฝากข้อความ เรื่องราวไว้กับกระดานข่าวต่างๆ ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยของเธอได้เป็นอย่างดี

    "แพรๆ คุยกับคนนี้สิ นิสัยดีนะ" ข้อความที่ถูกส่งผ่านมาถึงเธอ ทำให้สะไบแพรมีโอกาสได้รู้จักคนๆ หนึ่ง
    ผู้ซึ่งจะกำหัวใจของเธอไว้ตราบชั่วนิรันดร์


    ก๊อก ก๊อก ก๊อก
    @^o^ @ @^0^@
    โอ๊ะ โอ๋

    ดอกไม้สีแดง กลายเป็นสีเขียวสดใส ใครคนหนึ่งกำลังเข้ามายังโลกแห่งสัญญาณ
    หัวใจที่เคยนิ่งสงบ ไม่ว่าจะมีเสียงนี้ดังกี่ครั้ง กลับสั่นไหว ซุกซ่อนความดีใจไว้ภายใน

    นับตั้งแต่ได้พูดจากันหลายครั้ง โดยมีเพื่อนที่เธอคิดว่าสนิท บนโลกไซเบอร์ร่วมอยู่ด้วย
    หัวใจของเธอ เริ่มเปลี่ยนแปรจากครั้งแรก ความหวิวไหว กระดอนเด้งของหัวใจ
    ทำให้การพูดคุยทุกครั้งมีชีวิตชีวา

    "สวัสดีครับ วันนี้เป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหม" คำทักทายเช่นเดิมทุกวันแต่กลับทำให้จิตใจต่างกันทุกวัน
    "สวัสดีค่ะ สบายดีค่ะ งานเยอะจนไม่มีเวลาไม่สบายเลยค่ะ" หมอสาวตอบอย่างอารมณ์ดี

    จากคำทักทายธรรมดา แต่ทว่าหัวใจของอีกฝ่ายกลับไม่ธรรมดาไปด้วย
    เรื่องราวที่พูดคุยกัน ก็ไม่พ้นเรื่องสัพเพเหระ เรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องชีวิตประจำวัน
    แต่ทุกประโยคที่ถาม และทุกคำที่ตอบ ซ่อนไว้ซึ่ง ความห่วงใย เอื้ออาทร และปรารถนาดีต่อกัน

    "แพรจะต้องไปทำธุระที่กรุงเทพฯ" สไบแพรบอกคนอีกฟาก
    และคาดหวังอย่างยิ่งที่จะได้ยินคำนัดหมายจากปากเขา
    "เหรอครับ มาเมื่อไหร่ครับ มาทำอะไร" เขาถามรายละเอียด เหมือนเป็นเรื่องปกติ ดูเอาเถอะ
    ตั้งแต่คุยกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้เข้ามากรุงเทพฯ เป็นโอกาสดีทีเดียวที่จะได้เจอกัน
    แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรน่าดีใจนัก
    "วันพฤหัสนี้ค่ะ ไปอบรม" เธอตอบ และหากการพูดคุยครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นแค่การพิมพ์ข้อความ
    เขาคงได้ยินหาเสียงห่างเหิน มึนตึงที่เธอมี และหากสามารถมองเห็นหน้ากันได้
    เขาจะเห็นภาพใบหน้าที่แย้มยิ้มยามแจ้งข่าว เปลี่ยนเป็น หงุดหงิด เศร้าซึม ในเวลาต่อมา

    "อืม แพรจะเสร็จธุระซักกี่โมง แล้วอยู่ถึงกี่โมงครับ" คำถามที่ผ่านการครุ่นคิดมานาน
    เล็ดลอดมาจากปากของเขาในที่สุด
    สไบแพร ยิ้มหวานให้ ให้ใคร ให้จอสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้า แต่พยายามควบคุมเสียให้ปกติเข้าไว้
    การพูดคุยผ่านโมเด็มนี่ก็ดีอย่างนึง ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง ไม่รู้ว่ากำลังวางฟอร์มอยู่
    "ก็ประมาณบ่ายๆ นะคะ" ชายคนไกลถอนหายใจด้วยตัวหนังสือ
    เธอจับความรู้สึกแบบเข้าข้างตัวเองว่า เขาคงอยากเจอกับเธอเช่นกัน
    "ทำไมล่ะคะ" แกล้งส่งคำถามไป เหมือนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร
    "ผมทำงานเลิกเย็นน่ะ ถ้าแพรกลับเย็ฯหน่อย คงมีโอกาสเจอกัน"
    สไบแพรนึกหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กน้อย แหมถ้าอยากเจอจริงก็โดนงานมาสิ แต่...
    ไม่สินะ ที่เขาไม่โดดงานนี่ก็ดีแล้ว เพราะดูเขาเป็นคนรับผิดชอบดี หัวใจเธอเอนเอียงโดยสมัครใจ
    "แพรนัดทานข้าวกับเจนน่ะค่ะ คงไปเดินเล่นแล้วทานข้าวเย็นด้วยกัน" สไบแพรยิ้มกว้างอีกครั้ง
    เปิดโอกาสสุดๆ แต่โชคดีมีเพื่อนสนิทไว้กันน่าเกลียด
    "เหรอครับ งั้นผมเลิกงานแล้วจะรีบตามไปเลยนะครับ นัดเจอกันที่ไหนครับ"

    "แพร สั่งเพิ่มไหม" เสียงเจน เพื่อนสนิทในโลกไซเบอร์ถาม เมื่อเห็นแพรสั่งอาหารอยู่เรื่อยๆ
    ท่าทางเหมือนยังไม่อิ่มซักที
    "อืม ได้เรื่อยๆ นะเจน" แพรตอบ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้มองนาฬิกาอีก นี่ก็เย็นมากแล้ว
    เขายังมาไม่ถึงเลย ถ้าเธอรีบอิ่ม เขายังไม่มาจะทำยังไง จะทำอะไรต่อไป ต้องตั้งหน้าตั้งตารอเหรอ
    แล้วเพื่อนจะเบื่อไหม จะรีบกลับบ้านไหม กินไปเรื่อยๆ อย่างนี้คงดีกว่า
    "วันนี้แพรหิ๊วหิวล่ะเจน" เจนนึกขำเพื่อน
    "เอาหิวก็กินเยอะๆ นะ" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
    "โทร.มาละ รับสายแป๊บนะ" เจนหันมาบอกแพรที่ทำหน้าไม่สนใจ แต่หูเรดาห์มาก

    หลังจากการนั่งคอย คอย และคอย ผ่านไปนานจนสไบแพรเริ่มทานอะไรไม่ลงอีกต่อไป คนที่รอคอยก็มาถึง
    ภาพที่เห็นก่อความประทับใจยิ่งขึ้น คำพูดที่ออกจากปาก มิใช่ปลายนิ้ว ทำให้หัวใจสไบแพรไหวระรัว
    แต่นั่นมิได้มากไปกว่าความคิดอ่านที่ผ่านถ้อยคำทุกถ้อยคำ และความนัยใจที่ส่งผ่านสายตาคู่นั้น

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
    สไบแพรจดจำหน้าตา ท่าทาง คำพูด และแววตาของเขาได้อย่างดี

    "สวัสดีครับ"
    เสียงทักทาย ตามสายสัญญาณยังคงเป็นไปตามปกติ แต่ส่วนของหัวใจของคนทั้งสอง มิได้ปกติอีกต่อไป
    แม้จะมีช่วงเวลาน้อยในแต่ละวันที่ว่างจากการงานและหน้าที่ แต่ทั้งสองก็ใช้เวลานั้นๆ ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

    การมีเวลาให้คนรักน้อย ไม่ใช่อุปสรรคของความรัก
    หากเราสามารถใช้เวลาที่มีนั้น อย่างคุ้มค่าที่สุด
    ในทางตรงกันข้าม
    การอยู่กับคนรักตลอดเวลา กลับจะเป็นผลเสีย
    หากเรามุ่งหวังแต่จะให้เขามาใส่ใจเรา หรืออยู่ในโอวาทะของเรา

    "

    จากคุณ : วรา - [ 21 ส.ค. 46 14:44:26 A:202.133.177.189 X: ]