หอพัก 6 (นรกแตก)


    ตอนที่ 1 (วันแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2356397/W2356397.html


    ตอนที่ 2(คืนแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2366829/W2366829.html

    ตอนที่ 3 (ผู้มาเยือนยามวิกาล)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2374824/W2374824.html

    ตอนที่ 4(ห้องพักอาจารย์)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2385361/W2385361.html

    ตอนที่ 5(ติดกับดัก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2405640/W2405640.html

    +++++


    อาจารย์เสียสติไปแล้ว เด็กสาวคิดด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เราต้องอยู่ในเงื้อมมือของคนบ้าที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้ แม้แต่มอบความตายอันทรมานให้ใครบางคน



    “ปีศาจมันต้องการเครื่องสังเวย ซึ่งก็คือเธอนั่นเอง เลือดของเธอไหลรินในขณะมีสติครบถ้วนคือสิ่งที่มันต้องการและรอคอย.....”

    เดินถือมีดใกล้เข้ามาแล้ว คมมีดกระทบแสงเทียนเป็นประกายวาววับ ท่าทางของอาจารย์แม่มดตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน ดวงตาขุ่นขวางบ่งบอกถึงจิตอันวิปริตผิดเพี้ยนอย่างแน่ชัด แต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจอันเร้นลับ

    กะโหลกของมนุษย์เก่าๆซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเหมือนจะแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ  ซากศพของแมวดำคล้ายจะขยับไหว เปลวเทียนสะบัดไปมาราวร่ายรำเริงร่าสร้างเงาวูบวาบบนผนังหม่นมัวราวระบำปีศาจนรก

    บรรยากาศในห้องอับและหนักอึ้งขึ้นในทันทีทันใด  หูเหมือนจะแว่วเสียงคำรณคำรามครืนใหญ่จากอเวจีชั้นลึกสุด พื้นห้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว   เสียงตึ่ก...ตึ่ก ของหัวใจอุบาทว์เริ่มต้นดังขึ้นอีกครั้ง เสียงของมันสะเทือนในความรู้สึกบีบคั้นโสตประสาทจนลมหายใจแทบขาดห้วง เด็กสาวพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะสูญหายไปจนแทบหมดสิ้น สายตาพร่าเลือนเห็นความตายกำลังย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ

    “ลูกของฉันยังไม่ตาย”

    อาจารย์ยังคงมีอารมณ์อธิบายอีกต่อไปอย่างใจเย็น เพราะเห็นว่าเหยื่อบูชายัญไม่มีทางหนีรอดแล้ว

    “เธอเพียงแต่ตกอยู่ในช่องว่างระหว่างโลกแห่งคนเป็นและคนตายเท่านั้น จึงไม่ได้เน่าเปื่อยสลายไปตามกาลเวลา  ช่องว่างระหว่างความเป็นความตายอันเงียบเหงาอ้างว้าง ฉันมีลูกคนเดียวจะไม่มีวันสูญเสียไปเป็นอันขาด ถ้ามีทางเลือกแม้จะฆ่าคนทั้งโลกเพื่อให้ลูกสาวฉันฟื้นขึ้นมาฉันก็จะทำ”

    คำพูดนั้นช่างดูน่าสะพรึงกลัว และเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

    “ลูกอาจารย์ไม่ได้ต้องการเช่นนั้นหรอก เธอไม่อยากกลับมาพร้อมด้วยความตายของคนอื่นๆแน่นอน”

    เด็กสาวพยายามชี้แจงเสียงสั่นแม้จะรู้ว่าไม่มีทางยับยั้งอาจารย์ผู้เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและมุ่งมั่นเพื่อลูกสาวคนเดียวของแก โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น

    “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก”  เสียงตวาดสวนกลับนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

    “ฉันต้องการให้ลูกสาวที่น่ารักของฉันกลับคืนมา กลับมาพูดกับฉัน ให้ฉันได้โอบกอดด้วยความรักเหมือนเดิม  มันทรมานแค่ไหนที่จะทำใจว่าลูกของฉันได้จากไปแล้ว เมื่อมองเห็นสิ่งของที่เธอเคยใช้เคยถือ  เห็นภาพถ่าย หรือแม้แต่ในห้วงความคิด..คนไม่เคยมีลูกอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจหรอก.....”

    เสียงช่วงหลังขาดหายไปด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน  หันไปก้มตัวลงสวมกอดร่างอันแน่นิ่งของลูกสาวซึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางแผ่วเบาถนุถนอมไม่มีอาการรังเกียจหาก เต็มไปด้วยความรักประหนึ่งว่าร่างนั้นเป็นเพียงร่างซึ่งนอนหลับตามธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่ร่างอันปราศจากวิญญาณมาแล้วเป็นเวลานาน ดูอบอุ่น นุ่มนวลและชวนขวัญผวา

    “ลูกรัก.........เดี๋ยวลูกก็จะกลับมาแล้ว”

    เสียงกระซิบแผ่วเบา เต็มไปด้วยความรักสุดชีวิตจิตใจ

    แล้วฉับพลันอาจารย์ผู้น่ากลัวหันขวับกลับมา ท่าทางเปลี่ยนไปเป็นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

    คมมีดมาอยู่เบื้องหน้าแล้ว ถ้าแทงหรือฟันลงมามันจะเจ็บปวดขนาดไหน เด็กสาวแทบสิ้นสติไปอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงคงจะดีไม่น้อย ดีกว่าจะเผชิญหน้ากับความตายและความบ้าคลั่งของคนบ้า ด้วยความรู้สึกที่ริบหรี่อยู่แบบนี้  

    คมมีดแรกกรีดลงบนแขนอย่าช้า เด็กสาวพยามขยับหนีแต่ไร้ผล เจ็บแปรบเข้าขั้วหัวใจ ทำให้สติอันน่าจะพร่าเลือนกลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อเผชิญกับความหฤโหดอันเต็มไปด้วยความน่ากลัว  แผลไม่ลึกนักแต่ก็มากพอจะทำให้เลือดทะลักออกมาทันที ใจเบาหวิวในความเจ็บปวดเหมือนวิญญาณจะปลิดปลิว

    คมมีดปาดเอาเลือดติดคมมีดไปด้วย แล้วค่อยเอาไปทาริมฝีปากของร่างอันนอนนิ่งอยู่บนเตียง ราวกับจะให้ทดลองลิ้มชิมดูจนริมฝีปากแดงฉานเปรอะไปด้วยเลือดน่าสยดสยอง

    คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด....นี่มันผลงานของคนบ้าชัดๆ อะไรก็ได้ช่วยทีเถิด..

    วูบนั้นตึกทั้งตึกเหมือนไหวสะเทือนเลื่อนลั่น สั่นไหวเหมือนอสรพิษขนาดยักษ์กำลังตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลยาวนานแล้วเริ่มเคลื่อนตัวไปมาอย่างช้าๆ   เสียงตึ่ก....ตึ่ก..ยิ่งดังรุนแรงจนได้ยินชัดเจน จนทำให้นึกไปว่าในห้องใดห้องหนึ่งมีหัวใจขนาดยักษ์ซ่อนเร้นอยู่และบางครั้งหัวใจช้ำเลือดช้ำหนองนั้นกำลังทำงานปลุกคืนชีวิตในกั หอพักซึ่งกำลังมีชีวิตอันเกิดจากปีศาจร้ายจากนรกเข้าสิงสู่และตอนนี้หอพักกำลังเริงร่าจากการจะได้พลังอำนาจสมบูรณ์แบบ

    เสียงหัวเราะบ้าคลั่งของอาจาร์ย์แม่มดดังก้องไปทั่ว พิธีกรรมกำลังดำเนินไปด้วยดี และได้รับการขานรับจากนรก กลิ่นเหม็นไหม้แปลกๆ และกลิ่นกำมะถันระอุคุกรุ่นทั่วห้อง

    คมมีดเงื้อขึ้นสูงอีกครั้ง ความตายอยู่ข้างหน้าแล้ว

    พลันบนโต๊ะพิธีกรรมพลันไหวสั่นไหวอย่างรุนแรง หัวกะโหลกถูกอะไรบางอย่างกระแทกหล่นลงมากลิ้งขลุกๆไปยิงฟันแยกเขี้ยวอยู่มุมห้อง เทียนไขสีดำล้มระเนระนาด แมวดำซึ่งนอนตายคอถุกเชือดเหวะหวะเลือดไหลรินลุกขึ้นมาแยกเขี้ยวส่งเสียงแปลกๆ ฟังดูสยดสยอง เพราะหลอดลมถูกเชือดขาดทำให้ศีรษะวางอยู่อย่างผิดรูป  ก่อนกระโดดลงจากโต๊ะพร้อมรอยเลือดไหลหยดเป็นทาง หันกลับมามองตาลุกแดงจ้าในความสลัวราง  ท่ามกลางความตกตะลึงของอาจารย์แม่มด

    แมวดำแยกเขี้ยวสบัดเลือดกระเซ็นไปทั่วแล้วตะกายสร้างรอยเปรอะเลอะเทะเลือดเป็นทางยาวอ้อมตู้ตรงไปยังอีกด้านหนึ่ง ภาพแบบนี้เพียงพอสั้นประสาทคนปรกติให้ขวัญหนีดีฝ่ออย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย เด็กสาวผู้พ้นความตายมาได้หวุดหวิดปากอ้าตาค้างมองเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่รู้จะจัดการกับชีวิตตนเองอย่างไรต่อไป นี่มันยิ่งกว่าฝันร้าย

    คืนนี้เป็นคืนมหาอุบาทว์อย่างแท้จริงๆ

    อาจารย์กรีดร้องออกมาอย่างโกรธแค้น ผวาวิ่งตามเจ้าแมวนั้นไปอย่างบ้าคลั่ง พิธีกรรมยังไม่จบสมบูรณ์และแมวดำเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็น

    มีเสียงโครมครามดังอยู่ด้านโน้นครู่หนึ่ง เสียงวัตถุจำพวกแก้วหรือไม่ก็ถ้วยชามประดับหล่นพื้นเปรี้ยงปร้างพร้อมกับเสียงสบถด่าของอาจารย์แม่มด อะไรจะเกิดขึ้นด้านโน้นไม่มีปัญญารู้และไม่อยากรู้เลยสักนิด ไม่อยากรู้ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น เด็กสาวเพียงต้องการหนีให้พ้นจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด  จะให้ไปทำไร่ไถนาอะไรก็ยอมทั้งนั้นขอเพียงให้รอดไปได้ ไม่อยากจะเรียนอะไรมันอีกแล้ว

    มีเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว หันไปมองแบบไม่รู้ตัว

    นรกจกเปรตอะไรอีกแล้วนั่น หัวใจที่เต้นแรงจากเหตุการณ์เมื่อครู่หวิวไหวลงอีกครั้งพร้อมกับปราสาทชาดิกเย็นเฉียบเหมือนเลือดจับตัวกันเป็นก้อน ศีรษะเหมือนขยายพองโตขึ้นอีกหลายเท่า กลัวจนไม่รู้จะกลัวอย่างไรอีกแล้ว เสียงติดอยู่ลำคอร้องไม่ออก กลัวจนแทบกลายเป็นความชาด้าน

    เสียงตะเกียงโบราณข้างผนังสาดส่องให้เห็นร่างที่นอนนิ่งเป็นเตียงตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งในลักษณะที่ค่อนข้างแข็งทื่อ เด็กสาวที่นอนแน่นิ่งมาเป็นเวลายาวนานลุกขึ้นมานั่งโดยหาคำอธิบายอะไรไม่ได้ทั้งนั้น..คนตายจู่ๆลุกขึ้นมานั่งแบบนี้ไม่ช็อคตายก็บุญแล้ว แต่ดูเหมือนชะตากรรมจะต้องการให้เด็กสาวเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวต่อไปจนถึงที่สุด จึงยังไม่เป็นลมสลบลงในเวลานี้

    ร่างนั่นค่อยๆขยับลุกออกมาจากเตียงอย่างแช่มช้า เหมือนหุ่นชักไยอันเป็นผลมาจากประสาทและเส้นเอ็นซึ่งไม่ถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน และในที่สุดก็เดินทื่อตรงมาด้านหลัง เด็กสาวได้สติอีกครั้ง กลัวจนกลายเป็นความบ้าเลือด เรี่ยวแรงไม่รู้มาจากไหนดิ้นจนเก้าอี้ไหวไปมาแล้วล้มโครมลงนอนตะแคงอยู่กับพื้นแต่ยังมองเห็นข้อเท้าใต้ชุดนอนก้าวตรงมาหาอย่างช้าๆ เด็กสาวดิ้นหนีสุดฤทธิ์

    ใบหน้าขาวซีดและปากเปรอะไปด้วยเลือดก้มลงมาหา ผมปรกประระหน้าอย่างที่เจ้าของไม่เอาใจใส่กับความงามดวงตาคู่นั้นจ้องมองลงมาเหมือนจะสะกดให้สงบนิ่งรับฟัง ริมฝีปากขยับส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากพอจับใจความได้

    “ไม่..ต้อง..กลัว...ฉันจะ..ช่วยเธอ...”
    “เวลา ฉัน มีน้อย ฉัน ไม่อยากกลับมา ...”

    เด็กสาวชะงักงัน ฟังผิดไปหรือเปล่านี่  ฝืนใจกัดฟันมองหน้านั้นเต็มตา

    ใบหน้านั้นดูไปอย่างไรก็เป็นใบหน้าคนตายชัดๆ ขาวซีดจนน่าหวาดหวั่นตอนนี้มีเพียงแววตาเท่านั้นซึ่งบอกว่าร่างนั้นมีชีวิต อย่างน้อยก็ในตอนนี้ และทันใดนั้นเด็กสาวก็รู้ด้วยสัญชาติญาณ อันละเอียดอ่อนชนิดหนึ่งว่าคำพูดนั้นเชื่อถือได้แน่นอน ไม่มีเหตุผลอะไรจะมาหลอกหลอนเธอในสถานการณ์เป็นต่อแบบนี้

    คนซึ่งฟื้นมาจากความตายเอื้อมมือไปด้านหลัง และแก้ปมเชือกซึ่งมัดอยู่ออกให้ทีละน้อยจนในที่สุดเด็กสาวก็เป็นอิสระจากพันธนาการ รีบลุกขึ้นถอยไปพิงผนังมองดูร่างซึ่งกำลังลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ถึงอย่างไรก็อดจะกลัวไม่ได้

    “รีบหนี..ออกจากตึกนี้..”

    ใบหน้านั้นมองมาเหมือนจะยิ้มเศร้าๆให้เล็กน้อย บอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหันกายเดินกลับไปยังเตียง แต่ดูเหมือนพลังอำนาจซึ่งได้มาชั่วคราวจะหมดสิ้น ร่างนั้นจึงล้มฟุบลงในลักษณะซบกับขอบเตียงแน่นิ่งไปแล้ว

    สาวน้อยผู้น่าสงสาร เธอไม่ได้อยากกลับมาโลกนี้อีกเลยสักนิด เธอรู้ว่าการกลับมาของเธอจะนำหายนะมาให้นักศึกษาอีกมากมายหลายชีวิตซึ่งจะต้องตกเป็นเหยื่อของปีศาจชั่วร้ายจากอเวจี เธอต้องการออกจากช่องว่างระหว่างความเป็นความตายไปสู่โลกแห่งความตายอย่างสงบพร้อมกับลูกของเธอต่างหาก

    แต่ความรักอย่างบ้าคลั่งของแม่กลับกลายเป็นเครื่องจองจำเธอไว้ตลอดเวลาอันยาวนาน

    และทันใดนั้น ความหวาดกลัวก็หายไปจนหมดสิ้น ที่เหลือคือความสงสารเวทนาเท่านั้น พลังอำนาจครั้งสุดท้ายของลูกสาวสุดที่รักของอาจารย์แม่มด ถูกใช้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าในอดีตเคยทำผิดผลาดมาอย่างไรแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมทำอะไรที่ผิดผลาดอีกแล้ว

    เด็กสาวลุกขึ้นยืน ไม่สนใจเลือดที่ยังไหลเป็นทางจากรอยแผล  ยังมีอาการเวียนหัวแต่เรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้ว จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เดินตรงไปพยายามดึงร่างในท่าฟุบกับขอบเตียงขึ้นไปนอนอย่างสงบอีกครั้ง  

    “ขอบใจเธอมากนะ”

    เอ่ยบอกกับร่างนั้นแผ่วเบา ก่อนมองไปรอบๆ หาทางหนีทีไล่  เสียงตึ่ก..ตึ๋ก ซึ่งหายไปพักหนึ่งตอนนี้เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ดังอย่างเกรี้ยวกราดผิดหวังคลั่งแค้น เสียงเอะอะด้านโน้นหายไปแล้ว ไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้นกับอาจารย์ผู้เต็มไปด้วยความน่ากลัวและแมวดำมรณะตัวนั้น


    พลันตึกไหวเยือกเหมือนโดนเขย่า ประตูห้องออกสู่ภายนอกซึ่งเคยปิดสนิทเปิดโครมออกโดยแรง ตะเกียงโบราณข้างผนังระเบิดตูมออกเป็นลูกไฟลุกท่วมผนัง เพดานส่งเสียงครืนก่อนแตกปริเป็นรอยแยก

    ไม่ต้องมีใครบอก เด็กสาวเผ่นออกมาสุดชีวิต

    กลับมายังทางดินชั้นสอง ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยแรงลมนรก ประตูห้องพักซ้ายขวากำลังปิดเปิดเองโครมครามไปมาอย่างบ้าคลั่งตู้เตียงถูกบดขยี้ด้วยอะไรบางอย่างแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวออกมาทางประตู  พื้นสั่นไหวผนังเคลื่อนตัวยวบยาบ หลอดไฟตามทางเดินระเบิดตูมออกมาเป็นกลุ่มลูกไฟกระจายเต็มทางเดินราวกับเกิดสงครามย่อยๆขึ้นในหอพักโดยกะทันหันทำให้ทางเดินสว่างจ้าด้วยไฟนรก

    จากคุณ : Psycho man - [ 21 ส.ค. 46 19:47:51 ]