มาละครับ เค้นออกมาสดสด ผมว่า ผมแต่งไม่ค่อยได้ เรื่องสั้นเนี่ย ยากจังเลย ใครหลงๆมาก็ช่วยหลงๆอ่านต่อด้วยนะครับผม
-------------------------------------------------------------------------
หลังจากคุยกันครั้งนั้น ผมก็ไม่ได้แทบคุยกะแพรอีกเลย จนโครงการเสร็จนั่นแหละ ซึ่งมันก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ ผมก็รู้สึกแปลกนะ แต่งานมันไม่ปล่อยให้ผมมีเวลาคิดอะไรเท่าไรหรอก
ฮาโหล แพรหรอคะ ผมพูดเมื่ออีกฝ่ายรับสาย
อ้อ ชลหรอ ว่างัยคะ
วันนี้เราไปหาอะไรทานมั้ย ผมเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เจอตั้งเกือบสองอาทิตย์ ผมเอ่ยชวน
อืม แพรไม่ว่างค่ะ นัดเพื่อนไว้แล้วด้วย ชลไม่บอกก่อนนี่
อ้อ งั้นไม่เป็นไรจ้า แล้วพรุ่งนี้ละคะ
พรุ่งนี้แพรต้องไปทานข้าวกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนน่ะ
งั้นหรอ อืม เอาไว้วันไหนแพรว่าง โทรมาบอกชลละกันนะ
บางทีแพรก็ไม่ว่างบ้าง ซึ่งมันก็ธรรมดานะ ต่างคนต่างมีสังคมของตัวเอง ซึ่งผมเข้าใจ ถึงแม้ว่าเพื่อนแพรที่คณะ ผมจะรู้จักหมด แต่ของอย่างงี้ ปล่อยเค้าไปสนุกกับเพื่อนๆดีกว่า ผมตามไปก็น่ารำคาญเปล่าๆ
ว่าแล้วผมจึงโทนัดเพื่อนๆ ไปเจอกันที่ร้านประจำ แถวเกษตร ร้านที่ผมมาบ่อยตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว นานนานเจอกันที เพื่อนๆผมจึงมากันหลายคน
เฮ้ย เป็นงัยมั่งไม่เจอกันนาน งานเป็นงัย เสียงทักทายจากเพื่อนๆที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ปิดไปอีกโครงการละ เออ อย่าพูดเรื่องงานดีกว่า มา น้องๆ ขอแก้วเพิ่มครับ ตอบเพื่อนเรียบร้อย ผมก็หันไปสั่งพนักงานให้เอาแก้วมาเพิ่ม วันนี้คงดื่มกันเสียหน่อยล่ะ
ก็ตามเคย เวลาพวกผมมากิน ก็ต้องมีน้ำเมาทุกครั้ง ไม่มีก็คงแปลกมากมากเลย แต่ก็เจ้าน้ำเมาเนี่ย เวลากินลงไปกันทีไร พวกผมที่พูดจาโหวกเหวกโวยวายอยู่แล้ว ยิ่ง เพิ่มดีกรีความดังเข้าไปอีก
รู้สึกตัวกันอีกที ก็โน่น ปิดร้านแหละครับ โต๊ะอื่นๆ หายเรียบ สงสัยเค้าคงรีบกลับ คงไม่ได้รำคาญพวกผมหรอก ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ เพื่อนผมคนนึงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผมเรียกผมไว้
เฮ้ย ชล คือว่า เอ่อ นายนินท์ เพื่อนผม ซึ่งตอนนี้ทำงานเป็นสถาปนิกออกแบบภายใน อยู่ที่บริษัทย่านสีลมพูดอ้ำๆอึ้งๆ
มีไรก็ว่ามาดิ จะกลับแล้วเว้ย ผมเห็นมันยังไม่พูด เลยเริ่มหงุดหงิด
เออ เอาวะ มีเรื่องจะบอกว่ะ คือ ไม่อยากยุ่งเท่าไหร่ แต่คิดว่า บอกไว้น่าจะดีกว่า นายนินท์คงจะตัดสินใจได้แล้ว เลยพูดออกมาในที่สุด
มีไรวะ บอกมาเลยเว้ย เรื่องไรๆ ผมซัก
เรื่องแฟนมีง แพรอ่ะ นินท์พูดอย่างลำบากใจ
ไมวะ แพรทำไม ผมซักต่อ
คือว่า เห็นเค้าไปกะผู้ชายคนอื่นว่ะ วันนี้ก่อนจะมาที่นี่ พอดีว่า ไปเห็นเข้า ที่ร้าน... นินท์พูดถึงร้านอาหารชื่อดังที่หนุ่มสาวมักจะไปนั่งทานอาหารได้แสงเทียนแห่งหนึ่ง
เค้าบอกแล้วว่านัดเพื่อนไว้ ไม่มีไรหรอกน่า
ดูเหมือนว่า ไม่ใช่แค่เพื่อนหรอกว่ะ ไอ้คนนั้น มันคือ นายมัทธ์นะ ถ้าจำไม่ผิด ร้านอย่างนั้นด้วย นินท์แย้งขึ้นมา
พวกเพื่อนๆผมรู้จักนายมัทธ์กันทุกคน เพราะเวลาผมไปหาแพรที่มนุษย์ เจ้าพวกนี้จะยกโขยงตามไปดูสาวด้วยทุกครั้งไปและมักจะเจอนายมัทธ์วนเวียนอยู่ใกล้ๆแพรประจำ
อ้าว หรอ เอาเหอะ ไม่มีไรหรอกว่ะ วันก่อนก็เพิ่งเจอนายมัทธ์ ยังงัยเค้าก็เรียนคณะเดียวกัน คงไปกันหลายคนแหละ ผมบอกเพื่อน แต่ในใจเริ่มคิดอะไรบ้างแล้ว แต่นะ ไม่มีอะไรหรอก ผมเชื่อใจแพรอยู่แล้ว
หลังจากนั้นผมก็เรียกแท็กซี่กลับบ้าน แหมถึงผมจะเป็นพวกดื่ม แต่ผมก็เมาไม่ขับนะครับ ถึงบ้านก็หลับทันที เพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า
ผมพยายามโทติดต่อ แพรหลายวันแล้ว ส่วนใหญ่จะเจอระบบฝากข้อความทุกครั้ง หรือ ไม่ก็ ไม่มีคนรับสาย ผมโทเข้าไปที่บ้านแพร เค้าก็บอกว่าแพรยังไม่กลับ ไปกะเพื่อน ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นบ้าง แต่งานบนโต๊ะไม่ปล่อยให้ผมมีเวลาคิดเรื่องนี้เท่าใดนัก
ฮาโหล แพรหรอคะ นี่ชลเอง ทำไมไม่โทกลับคะ ฝากข้อความไว้หลายทีแล้ว เมื่ออีกฝ่ายรับสาย ผมจึงพูดกรอกอย่างเร็ว
ค่า ชลหรอ พอดีว่า ยังไม่ว่างนะคะ แล้วมือถือก็แบตหมด ขอโทษทีนะคะ เสียงใสๆที่ผมไม่ได้ยินมาเกือบอาทิตย์เอ่ยขึ้น
ค่า ไม่เป็นไร วันไหนว่างมั่งเอ่ย อยากเจอแพร ผมอยากเจอเธอจริงๆ ไม่ได้เจอมานานแล้ว น่าจะเกือบเดือนได้
.อืม พรุ่งนี้นะ ทุ่มนึง ที่ร้าน....โอเคนะ เดี๋ยวแพรต้องวางก่อน แล้วคุยกัน แพรเอ่ยชื่อร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เราไปกันบ่อยๆ แล้วตัดสายไป
อาหารเย็นมื้อนั้นผ่านไปอย่างแปลกๆ แพรดูแปลกไป เธอดูเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ผมก็คิดเอาว่า บางทีงานเธออาจจะมีปัญหา
แพรเป็นไรหรอคะ ดูเครียดๆ แล้วเนี่ยทานไม่เยอะเลย ผมเอ่ยถามหลังจากเงียบกันมาพักใหญ่
ไม่มีอะไรค่ะ เรื่องงานนิดหน่อย คือ แพรทานไม่ลงค่ะ แพรเงยหน้าขึ้นแล้วตอบผม
แหม ไม่เจอกันตั้งนานไม่ดีใจหรอคะ เนี่ยผมคิดถึงแพรมากนะ ผมอ้อนนิดนิด
คิดถึงสิคะ แหม เธอตอบสั้นๆ
การสนทนาวันนี้ดูจะเป็น การถามคำตอบคำเสียมาก และฝ่ายที่หาเรื่องคุยก็คือผมเอง แต่อีกฝ่ายนั้น ดูท่าทางไม่อยากคุยสักเท่าไหร่
เสียงริงโทน เพลงประกอบภาพยนตร์รักโรแมนติกที่เพิ่งลาโรง ดังขึ้นจากมือถือของแพร
เดี๋ยวแพรขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะคะ ชล แพรหยิบมือถือพร้อมกับเดินไปนอกร้าน
ผมแปลกใจไม่น้อย เพราะปกติ ไม่ว่าจะคุยกะใคร เรื่องอะไร เธอก็คุยต่อหน้าผมทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ เธอคุยกะใครนะ ผมมองออกไปหน้าร้าน เมื่อได้เห็นเธอคุยไปยิ้มไป นั่นยิ่งทำให้ผม อยากรู้มากขึ้น
เมื่อเธอเดินเข้ามา เราก็นั่งทานอาหารกันต่อ สำหรับผม อาหารวันนี้รสชาด เย็นชืดยังงัยบอกไม่ถูก และเราสองคนแทบจะไม่พูดคุยกันเลย ดูเหมือน ต่างคนจะมีเรื่องในใจที่ไม่ได้เอ่ย แต่ไม่มีใครเอ่ยถึงมันขึ้นมา
เดี๋ยวทานเสร็จแล้ว แพรไปหาเพื่อนต่อนะ เมื่อกี้เพื่อนโทมานัดเจอนะค่ะ แพรเอ่ยขึ้น
ไปไหนเอ่ย ผมถามตามปกติ
อ๋อ วันนี้วันเกิดเพื่อนค่ะ เค้าไปฉลองกัน ไปกันหลายคนเลย เพื่อนที่ทำงานน่ะ ชลยังไม่รู้จัก แพรตอบผม
โอเค แล้วจะกลับกี่โมงคะ ผมถามต่อ
แหม แพรไม่ใช่เด็กนะคะ เอาเป็นว่า ก่อนห้าทุ่มละกัน เพราะพรุ่งนี้ทำงาน แพรตอบ
คืนนั้นหลังจากแยกกันไป ผมโทหาแพรก่อนห้าทุ่มเล็กน้อย แต่ก็เจอกับระบบฝากข้อความ ผมเริ่มชินซะแล้ว มือถือเธอคงแบตหมดตามเคย โทเข้าที่บ้านตอนนี้ก็ดึกไป ผมก็เป็นห่วงเธอนะ แต่โทหลายๆครั้งเข้าเจอแต่ฝากข้อความ มันก็ไม่รู้จะทำยังงัย ผมเลยว่าจะนอน แต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี
จนใกล้ๆตีหนึ่งนั่นแหละ แพรถึงโทมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว เพลียมากขอตัวไปนอน ผมถึงสบายใจแล้วข่มตาหลับได้ แค่เธอสบายดี ผมก็ไม่หงุดหงิดแล้ว
แพรแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ทุกครั้งที่แพรบอกผมคือ เธอนัดกะเพื่อนๆ ถ้าไม่ที่ออฟฟิต ก็เพื่อนเก่าที่คณะ เราเจอกันสอง สามอาทิตย์ครั้ง และแต่ละครั้งผมก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ
นานแล้วที่ไม่มีเสียงของเธอ โทมาพูดคุยทักทายกับผม และนานแล้วเหมือนกันที่ผมต้องพูดกับระบบฝากข้อความขอเธอ โดยที่เธอมักจะไม่โทกลับมาเลย
ผมเริ่มคิดถึงเรื่องที่เพื่อนพูดในวันนั้น ความห่างเหินที่เกิดขึ้น ความเมินเฉยที่เธอเป็น ทุกทุกอย่างมันปะติดปะต่ออยู่ในหัวของผมเอง แต่ผมยังเข้าข้างตัวเองว่า ผมคิดมากไป
ผมยังเชื่อมั่นในตัวเธอเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า ผมชักไม่แน่ใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นในใจผมตอนนี้คือ หรือว่า หรือว่าเธอจะมีคนอื่น
ผมตัดสินใจจะคุยเรื่องนี้กับเธอ แต่ผมจะพูดยังงัยดีนะ
แพรหรอ ชลนะ วันเสาร์นี้ ไปทะเลกันนะ ผมถาม ในใจผมก็กลัวเธอจะปฏิเสธ ถ้าเธอปฏิเสธล่ะ
เสาร์นี้หรอ อืมได้ค่ะ ไปที่เดิมใช่มั้ยคะ แพรตอบผม เสียงเธอดูห่างเหินจริงๆ
อืม ผมไปรับที่บ้านนะ เก้าโมง ผมตอบ
ค่ะ แพรตอบสั้นๆ
ตลอดเวลาที่ผมขับรถไปทะเล ในรถมีเพียงเสียงเพลงจากซีดีเท่านั้น ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แพรมมองเหม่อไปนอกรถ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมจมอยู่กับความคิดตัวเอง
ทะเลวันนี้ดูราบเรียบเหลือเกิน ดูสงบเสียจนอดคิดไม่ได้ว่า มันเป็นความสงบจริงๆ หรือเป็นเพียง ความสงบก่อนจะเกิดพายุกันแน่
เราสองคนนั่งอยู่บนผ้าใบริมชายหาด ทะเลซัดซาดชายฝั่ง เสียงคนขายอาหาร เสียงรถยนต์ผ่านไปมา เสียงเด็กๆ ที่วิ่งเล่น และเวลาก็ผ่านไปเรื่อย ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของ เธอ และผม
แพรดูนาฬิกา ผมรู้ว่ามันเย็นมากแล้ว แต่ปกติเรายังไม่กลับเวลานี้
เย็นแล้ว แพรคงต้องไปแล้ว เธอเอ่ยในที่สุด
ไปไหนแพรหมายความว่าอย่างไร ผมงง ไม่เข้าใจ อ้าวแล้วไม่กลับด้วยกันหรือ
แพรจะไปไหน ชลไม่เข้าใจ ผมเรียบเรียงคำพูด
วันนี้ แพรคงมาทะเลเป็นเพื่อนชลได้เป็นครั้งสุดท้าย แพรหันมามองหน้าผม
อะไร ทำไม คืออะไร ไม่เข้าใจ แพรหมายความว่าอะไร
แพรหมายความว่าอะไร ผมสับสน ไม่เข้าใจ
แพรขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ใจแพรไม่ได้อยู่ที่ชลแล้ว
แพรขอโทษชลนะ ที่ทำให้ชลเสียใจ เวลาที่เราไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ทำให้แพรรู้ตัวเองว่า ชล ไม่ใช่คนนั้นสำหรับแพร แพรเอ่ยประโยคที่ผมไม่เข้าใจ
อะไรนะแพร แพรกำลังพูดอะไร ผมสับสนเหลือเกิน
และตอนนี้ แพรเจอคนที่ใช่ของแพรแล้ว คนที่อยู่ทุกครั้งเมื่อแพรต้องการใครสักคน แพรยังคงพูดเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ หรือบางทีผมเข้าใจแต่ไม่อยากยอมรับมันก็ได้
เค้ารอแพรมานานแล้ว และเค้ามีเวลาให้แพรเสมอ เวลาที่ชลไม่เคยมีให้แพร เธอพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ ผมไม่อยากฟัง
ลาก่อนนะชล ผู้ชายที่แพรเคยรัก เธอพูดพร้อมๆกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ผ้าใบ หันหลังเดินออกไปยังชายหนุ่มที่ยืนรอข้างรถคันงาม
เดี๋ยวแพร เดี๋ยว ผมร้องตะโกน น้ำตาเริ่มเอ่อ ความเสียใจมันล้นออกมาจากดวงตาอย่างช้าๆ
ภาพของแพรสวมกอดกับมัทธ์ ผมยังไม่เคยลืม พวกเขาขับรถกันออกไป ทิ้งผมไว้ที่ชายหาดแห่งนั้น กับเก้าอี้ผ้าใบ กับ ความทรงจำ กับ ความเจ็ดปวดอันยากที่จะลืม
สามปีแล้วหรือ ที่เธอจากผมไป เสียงเพลงดังแว่วๆ จาก กลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวกัน
สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไป เธอเองจะอยู่ที่ไหน
อยากจะบอกให้เธอรู้ไว้ นานเท่าไร ฉันยังอยู่
กับอดีตที่เคยมีกัน ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น
อยากจะบอกว่าใจของฉัน ยังเหมือนเดิม ทุกทุกอย่าง
สามปีแล้วผมยังอยู่ที่เดิม ชายหาดแห่งเดิม เก้าอี้ผ้าใบตัวเดิม กับความรู้สึกครั้งนั้น เพลงนี้มันกินใจเหลือเกิน
ชลคะ ชล รอนานไหมคะ เนี่ย โวยวายใหญ่เลย กว่าจะผละมาได้ เสียงใสๆปลุกผมให้ตื่นจากพะวัง
ไม่นานค่ะ พอดีคิดอะไรเพลินๆ แล้วพูดอะไรกับเค้าไปบ้าง ผมถามเธอ
ก็บอกอย่างที่ชลบอกแหละ ว่าเค้ารอวายด์มานานแล้ว และเค้ามีเวลาให้วายด์สมอ เวลาที่มัทธ์ไม่เคยมีให้วายด์ แล้วก็ ลาก่อนนะ ผู้ชายที่วายด์เคยรัก อย่างที่ชลบอกงัยคะ วายด์ตอบพร้อมกับเอามือมาคล้องแขนผม
เราไปทานอาหารทะเลกันนะ ผมถามเธอพร้อมรอยยิ้ม
ค่ะ เธอตอบพร้อมอิงกายเดินไปกับผม เสียงเพลงจากวัยรุ่นกลุ่มเดิมยังแว่วมา
วันเวลาที่หมุนผ่าน อาจจะเจอทั้งดีและร้าย
อาจจะทำให้เธอต้องขมขื่นผิดหวัง
ใครบางคนที่ก้าวผ่าน อาจจะมีทั้งดีและร้าย
อาจจะทำให้เธอต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง
ผมยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อเห็นนายมัทธ์นั่งหมดอาลัยตายอยาก ผมว่า บางมีเค้าอาจจะเข้าใจเพลงนี้มากกว่าผมล่ะนะ
--------------------------------------------------------------------------
แหะๆ ขอบคุณที่อ่านจบนะครับ แหะๆ ติชมได้ตามสบาย
จากคุณ :
ชินตาโร่
- [
22 ส.ค. 46 05:08:10
]