แมวตัวหนึ่งกับวันที่ฝนพรำ
.
..
วันนี้ฝนตกลงมาอีกแล้ว ..
เม็ดฝนเล็กๆ หลายล้านเม็ดโปรยปรายลงมาจากฟ้าเป็นละอองเบาบาง ถึงฝนตกแต่ฟ้าโปร่งโล่งตา เทวดาที่คุมท่อประปาของสวรรค์คงจะอารมณ์ดี วันไหนเทวดาอารมณ์ไม่ดี วันนั้นบนฟ้าจะเต็มไปด้วยเมฆดำปิ๊ดปี๋ ได้ยินเสียงคำรามฮึ่มๆ ตลอดเวลา เหมือนกับเทวดากำลังบ่นว่าใครอยู่ สายฝนในวันนั้นก็จะเทกระหน่ำรุนแรง ไม่อ่อนโยนชุ่มชื่นใจอย่างนี้
ข้าวฟ่างชอบฤดูฝนที่สุดถึงแม้อากาศจะปรวนแปร ( ซึ่งขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเทวดาที่คุมท่อประปาสวรรค์ ) แต่ข้าวฟ่างก็ยังชอบในความเย็นฉ่ำสดชื่นของมัน น่าแปลกที่คนรอบตัวข้าวฟ่างจะทำหน้าเบ้ทุกครั้งที่ฝนตก
คุณพ่อไม่ชอบฝน เพราะไปไหนมาไหนไม่สะดวก แถมในวันที่ฝนตกรถมักจะติดหนักอีกด้วย
คุณแม่ไม่ชอบฝน เพราะบรรยากาศอึมครึม ไม่สดใส น่าอึดอัด และยังทำให้ผ้าที่ตากไว้อับชื้น
แม้แต่น้ำฝนเพื่อนของข้าวฟ่างก็ไม่ชอบฝน เพราะฝนตกทีไรมักจะสอบเลขคณิตตกทุกที บอกว่า ฝนตก มันเป็นลางไม่ดี
แต่ข้าวฟ่างว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกัน
พี่บัวเป็นคนเดียวที่ไม่แสดงออกว่าชอบหรือไม่ชอบฝน จะเรียกว่าเป็นพวก ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็ว่าได้ แต่พี่บัวมักจะบ่นทุกครั้งที่ฝนตกว่ามันไม่น่าจะมาตกในเมืองอย่างนี้ ที่ถูกควรจะไปตกที่อื่น ที่ๆ เขาต้องการฝนอย่างเช่นที่บ้านเกิดของพี่บัว พี่บัวเคยเล่าให้ฟังว่าที่นั่นฝนแล้งมาก ดินแห้งเป็นผง เพาะปลูกอะไรก็ไม่ดี พี่บัวจึงต้องมาช่วยงานบ้านให้คุณแม่ของข้าวฟ่างที่นี่
แล้วเมื่อก่อนข้าวฟ่างเองก็ไม่ค่อยชอบเวลาฝนตกเท่าไรนัก เพราะออกไปเล่นนอกบ้านไม่ได้ ที่จริงเล่นน้ำฝนก็น่าสนุกดี แต่ถ้าต้องเป็นหวัดนอนซม แถมยังถูกคุณแม่ดุก็ไม่คุ้มกันหรอก อีกอย่างหนึ่งก็คือ ฝนมักตกตอนที่ข้าวฟ่างอยู่บ้านคนเดียว ที่จริงก็มีพี่บัวอีกคน แต่พี่บัวไม่ค่อยสนใจข้าวฟ่างเท่าไรนัก ถ้าไม่ดูโทรทัศน์ก็ออกไปคุยกับป้าศรี หรือพี่แตงที่อยู่ข้างบ้าน ( ข้าวฟ่างเคยแอบฟังพี่ๆ เขาคุยกัน แต่ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะพี่บัวพูดภาษาอีสาน ) ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่กว่าจะกลับมาบ้านข้าวฟ่างก็หลับไปแล้วทุกที ในเมื่อฝนตกออกไปเล่นไม่ได้ แล้วยังต้องอยู่คนเดียว ช่วงเวลาที่ฝนตกจึงเป็นเวลาที่น่าเบื่อหน่ายที่สุด
แต่เดี๋ยวนี้ข้าวฟ่างชอบวันที่ฝนตกมากที่สุด โดยเฉพาะวันที่ฝนตกแค่พรำๆ อย่างนี้ ก็ข้าวฟ่างมีเพื่อนแล้วนี่นา และเพื่อนของข้าวฟ่างก็ชอบฝนมากๆ ด้วย
เปล่าหรอก เพื่อนของข้าวฟ่างไม่ใช่พี่บอลที่อยู่ข้างบ้าน ข้าวฟ่างไม่ค่อยชอบพี่บอลเท่าไรนัก เพราะพี่บอลชอบแกล้งข้าวฟ่างและชวนเล่นอะไรรุนแรง ก่อนหน้านี้ก็ชวนเล่นเกมส์ทหารไล่ยิงกัน ตำรวจจับผู้ร้าย คนที่ต้องเป็นผู้ร้าย ต้องถูกยิงตายก็คือข้าวฟ่างทุกที ตอนนี้เห็นว่ากำลังติดเกมส์ชื่ออะไรแร็คๆ นี่ล่ะงอมแงม ไม่ได้ออกมาเล่นกับข้าวฟ่างนานแล้ว อ้อ
และก็ไม่ใช่เจ้ากลมป๊อกกับเจ้าบ้องแบ๊ว ปลาทองตัวอ้วนกลมสมชื่อที่คุณแม่เลี้ยงไว้ในอ่างบัวหน้าบ้านซึ่งข้าวฟ่างก็ไม่ได้เล่นด้วยมานานแล้วเหมือนกัน ถึงอย่างไรก็เล่นกับทั้งสองตัวได้ไม่มากนัก ได้แต่ดูพวกมันว่ายน้ำไปมาในอ่างเฉยๆ
เล่ามาตั้งนานแล้วตกลงเพื่อนใหม่ของข้าวฟ่างเป็นใครกันน่ะเหรอ เอาล่ะ
จะบอกให้ก็ได้ เพื่อนใหม่ของข้าวฟ่างเป็นแมว ใช่แล้วล่ะ
ฟังดูออกจะประหลาดนิดหน่อยที่แมวชอบฝน แต่มันก็เป็นไปแล้ว
ตอนที่พวกเราพบกันครั้งแรกข้าวฟ่างกำลังนั่งดูน้ำฝนแข่งกันหยดลงมาจากกระจกหน้าต่าง ( เป็นการเล่นคนเดียวอย่างหนึ่งเวลาฝนตกที่ข้าวฟ่างชอบมาก คือคอยลุ้นว่าเม็ดฝนเม็ดไหนจะวิ่งลงมาถึงเส้นชัยซึ่งก็คือกรอบกระจกหน้าต่างก่อนกัน บางครั้งก็เดาได้ยากเพราะมีเม็ดฝนหลายเม็ดตกลงมาพร้อมๆ กัน หรือบางทีเม็ดที่ท่าทางอืดอาดที่สุดกลับตกลงมาถึงเส้นชัยก่อน ตรงนี้ล่ะที่สนุกที่สุด ) แล้วข้าวฟ่างก็เหลือบไปเห็นแมวตัวหนึ่งยืนอยู่กลางสวน มันแหงนหน้าขึ้นรับสายฝน หลับตาพริ้ม ท่าทางมีความสุข
ข้าวฟ่างบอกกับตัวเองว่าไม่เคยเห็นใครหรืออะไรที่สวยงามขนาดนี้มาก่อนเลย ลูกตาของมันเป็นสีทองแวววาว กลมโต ใสแจ๋ว ขนเป็นลายเสือ สีออกส้มๆ ดูแล้วเหมือนกับเป็นสีทองไปทั้งตัว มันเดินเล่นไปมาจนทั่วสวน เหมือนกับจะสำรวจที่ทาง ตลอดเวลานั้นข้าวฟ่างจ้องมองมันเฉยๆ พยายามแอบซ่อนตัวให้เงียบที่สุด ข้าวฟ่างคิดว่าถ้าเผลอทำเสียงดัง หรือขยับตัวแม้แต่นิดเดียว จะทำให้แมวน้อยแสนสวยตัวนั้นตกใจ หนีหายไป แต่นึกไม่ถึงเลยว่าพอมันสำรวจสวนจนพอใจ มันก็เดินตรงแน่วมาหาหยุดยืนตรงหน้าข้าวฟ่าง ประสานตาสีทองสวยสบตา และร้องเรียกเสียงเล็กใส เหมือนกับว่ากำลังพูดคุยกับข้าวฟ่าง
สวัสดีจ้ะ แม่หนูน้อย สวนในบ้านเธอสวยจังเลย พื้นที่กว้างขวางดีด้วย ถ้าไม่รังเกียจขอฉันมาเที่ยวเล่นบ้างจะได้ไหม
ได้สิจ้ะ ฉันชื่อข้าวฟ่าง แล้วเธอล่ะ? ข้าวฟ่างยิ้มรับ
ถ้าอย่างนั้นก็สวัสดีอีกครั้งจ้ะข้าวฟ่าง ส่วนฉันเองไม่มีชื่อหรอก ข้าวฟ่างจะเรียกฉันว่าอะไรก็ได้
มิตรภาพของเราเริ่มต้นตรงนี้เอง ข้าวฟ่างตั้งชื่อให้เพื่อนใหม่ที่แปลกประหลาดนี้ว่า สีทอง ตามลักษณะอันแสนสวยของมัน สีทองแสดงท่าทีพออกพอใจชื่อที่ข้าวฟ่างเรียก สีทองเป็นแมวที่ไม่เรื่องมาก และน่ารักอย่างนี้เสมอ
สีทองเป็นใครมาจากไหน วันธรรมดาอื่นๆ ทำอะไร ข้าวฟ่างไม่รู้ และไม่เคยคิดอยากจะสืบสาวราวเรื่องให้เหนื่อย สีทองเองก็ไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวมันให้ข้าวฟ่างฟังเลย ข้าวฟ่างรู้แต่ว่าวันที่ฟ้าไม่มืดครึ้มมาก และฝนตกแค่พรำๆ อย่างนี้ สีทองจะมาหาข้าวฟ่างที่บ้าน มาเล่นน้ำฝนในสวนอย่างนี้ทุกครั้ง ข้าวฟ่างเคยถามสีทองว่าไม่กลัวเป็นหวัดเหรอ สีทองปัดหางไปมา บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ฉันชอบฝน มันว่าอย่างนั้นแล้วก็เดินเล่นไปทั่วสวน วันไหนอารมณ์ดีก็จะกระโดดโลดเต้นใหญ่ ท่าทางมันสนุกมาก บางทีสีทองอาจเป็นเทวดาที่คุมท่อประปาของสวรรค์ แอบหนีงานลงมาเล่นน้ำฝนที่ตัวเองเป็นคนปล่อยลงมาจากฟ้าเสียเองก็ได้
บางทีข้าวฟ่างก็ใส่เสื้อคลุมกันฝนออกไปเล่นสนุกกับสีทองด้วย เราเดินเล่นไปมา บ้างก็กระโดดโลดเต้นให้สายฝนเย็นชุ่มฉ่ำกระทบตัว บ้างก็แหงนหน้าดื่มน้ำฝนใหม่ๆ แต่สิ่งที่เราชอบเล่นกันมากที่สุดคือเดินกางร่มฟังเสียงหยาดน้ำฝนกระทบกรูกราว ฟังเพราะแปลกหูราวกับเสียงดนตรี และไม่เคยซ้ำกันเลย บางครั้งมันก็ดังรัวเร็วถี่กระชั้น บ้างก็แช่มช้านิ่มนวล มีคำใช้แทนเสียงฝนตกว่าดังเปาะแปะ ข้าวฟ่างไม่เคยได้ยินฝนตกเสียงดังเปาะแปะสักที แต่ข้าวฟ่างก็ชอบฟังเสียงฝนเปาะแปะกับเจ้าสีทองอย่างไม่รู้เบื่อ
สิ่งต่างๆ รอบตัวที่เคยเห็นจนชินตา เมื่อมองผ่านน้ำฝนก็กลับดูชุ่มชื่น อ่อนโยน น้ำฝนพร่างพรูลงมาจากฟ้าเป็นม่านน้ำบางเบา กิ่งไม้ใบหญ้าพร่างพราวด้วยหยาดน้ำแวววาว ไหวเอนตัวไปมาช้าๆ เหมือนกับกำลังเริงระบำต้อนรับสายฝน ข้าวฟ่างสงสัยว่าโลกในสายตาของแมวกับโลกที่ข้าวฟ่างมองเห็นจะเหมือนกันรึเปล่า บางทีถ้ามองผ่านนัยน์ตาสีทองสุกใสของเจ้าสีทอง สิ่งต่างๆ น่าจะเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่ามองผ่านตาสีดำของข้าวฟ่างเองก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็รับรู้ถึงความงามของโลกท่ามกลางม่านหยาดฝนได้เหมือนๆ กัน ไม่ว่าเราจะมีตาสีอะไร
.
..
ฝนเริ่มขาดเม็ด ฤดูฝนปีนี้ฝนตกติดต่อกันยาวนาน เทวดาที่คุมท่อประปาของสวรรค์คงจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ข้าวฟ่างกับสีทองจึงมีเวลาเล่นน้ำฝนด้วยกันบ่อยๆ ครั้งหนึ่งข้าวฟ่างเคยเล่าเรื่องเทวดาที่คุมท่อประปาสวรรค์ให้คุณพ่อฟัง แต่คุณพ่อกลับหัวเราะ แล้วก็อธิบายขั้นตอนการเกิดฝนตามหลักวิทยาศาสตร์ให้ฟังอย่างละเอียดยิบ ( สมแล้วล่ะที่คุณพ่อเป็นวิศวกร ) เหตุผลของคุณพ่อก็ฟังดูน่าเชื่อถือดี แต่ข้าวฟ่างปักใจเชื่อเสียแล้วว่าบนฟ้าจะต้องมีเทวดาที่ทำหน้าที่ควบคุมท่อประปาของสวรรค์ ปล่อยน้ำประปาสวรรค์ตกลงมาบนโลกมนุษย์เป็นสายฝนชุ่มฉ่ำ ตกลงคำตอบแบบไหนกันแน่ที่ถูก ข้าวฟ่างจึงเอามาถามสีทองต่อ ( เพื่อจะหยั่งเชิงดูว่าสีทองจะเป็นเทวดาที่คุมท่อน้ำประปาสวรรค์อย่างที่ข้าวฟ่างเคยสงสัยรึเปล่า )
สีทองสะบัดหางไปมา หมอบนิ่งฟังเสียงฝนเปาะแปะอยู่ใต้ร่มคันเก่าของข้าวฟ่างอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็บอกว่า
ฝนอาจจะตกเพราะ ฝนอยากตกลงมา ก็ได้
คำตอบของสีทองทำให้ข้าวฟ่างนึกถึงเพลงๆ หนึ่งที่คุณครูสอน
ฝนเอยทำไมจึงตก จำเป็นต้องตกเพราะว่ากบมันร้อง
กบเอยทำไมจึงร้อง จำเป็นต้องร้องเพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอยทำไมจึงปวด จำเป็นต้องปวดเพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอยทำไมจึงดิบ จำเป็นต้องดิบเพราะว่าไฟมันดับ
ไฟเอยทำไมจึงดับ จำเป็นต้องดับเพราะว่าฟืนมันเปียก
ฟืนเอยทำไมจึงเปียก จำเป็นต้องเปียกเพราะว่าฝนมันตก
เนื้อเพลงก็ตอบคล้ายกับความคิดของสีทองเช่นกัน ถึงจะสรุปไม่ได้อยู่ดีว่าฝนตกลงมาได้อย่างไร และฟังดูกำกวม แต่ข้าวฟ่างก็ชอบคำตอบนี้ ข้าวฟ่างคิดว่าคำตอบของคำถามที่ว่า ฝนตกลงมาได้อย่างไร ไม่น่าจะมีแค่คำตอบเดียว จะอย่างไหนก็ถูกทั้งนั้นแหละ และตอนนี้ข้าวฟ่างได้คำตอบอีกแบบหนึ่งแล้ว
บางทีฝนคงตกลงมาให้แมวตัวหนึ่งได้ออกไปวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน และทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งดูแมวตัวนั้นเล่นน้ำฝนพลอยมีความสุขสนุกสนานตามไปด้วยนั่นเอง
จากคุณ :
แมวใบตอง
- [
22 ส.ค. 46 21:14:10
]