[ใครหนอรักเราเท่าชีวัน]
ความที่ชีวิตปกติของแพทย์นั้นสัมผัสกับความเป็นความตายอยู่ทุกวัน ทำให้มีความเข้าใจ
ในเรื่องราวต่างๆ ได้ชัดเจนและกระจ่าง โดยเฉพาะเรื่องความไม่แน่นอนของชีวิต
ไม่มีใครเคยรู้หรอกว่า หลังจากนาทีนี้กลายเป็นอดีตไป เราจะยังมีลมหายใจอยู่อีกไหม
แพรมนเคยเจอทั้งคนไข้ที่ข้าวติดคอตาย เพราะนำส่งโรงพยาบาลไม่ทัน
รายที่หัวหน้าครอบครัวอายุสั้น หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และทิ้งแม่ม่ายกับลูกเล็กๆไว้
รายที่ปืนลั่น-ฟันผิดตัว สารพัดสารพันที่ทำให้ชีวิตนี้สั้นนัก จนตัวเธอเองตั้งใจจะมีชีวิต
อยู่เพียงแค่ปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด..เผื่อว่าไม่มีวันพรุ่งนี้
หมอคะมีคนไข้กินยามาค่ะ
ทั้งๆที่ชีวิตนี้สั้นนัก แต่บางคนก็ยังไม่รัก ไม่ดูแล..และทำลาย
organophosphate แหงๆ
แพรมนบอกตัวเองเมื่อได้กลิ่นฉุนกึกทันทีที่เปิดประตูห้องฉุกฉินเข้าไป เมื่อใส่สายล้างท้อง
ก็พบว่าได้ของเหลวสีฟ้าใส เข้ากันได้กับข้อสันนิษฐานเบื้องต้น แพรมนตรวจหาอาการแสดง
ของการได้รับสารในกลุ่ม organophosphate ของคนไข้ เมื่อพบว่าอาการไม่รุนแรงนัก
จึงสั่งการรักษาเบื้องต้นไปก่อน
larvage สัก 3000 cc ก่อนนะพี่ เดี๋ยวหมอขอคุยกับญาติก่อน
แพรมนบอกกับพยาบาลห้องฉุกเฉิน และออกไปพบญาติที่รออยู่ข้างนอก
คุณหมอ
หญิงวัยกลางคนที่แพรมนเดาเอาว่าน่าจะเป็นแม่ของคนไข้ ถลาเข้ามาเกาะแขน
ของแพรมนไว้ ด้วยดวงหน้าเปื้อนน้ำตานอง
หมอคะ ลูกอิฉันเป็นอะไรมากไหมคะ หมอต้องช่วยลูกอิฉันนะคะ
ใจเย็นๆค่ะคุณป้า
แพรมนวางมืออีกข้างหนึ่งลงบนหลังมือแม่คนไข้อย่างปลอบใจ แล้วค่อยๆแกะออกโดยอีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว
ดูอาการตอนนี้ยังไม่มีอะไรนะคะ คนไข้รู้สึกตัวดี การตอบสนองของม่านตาปกติ
แต่ก็ต้องดูไปก่อน เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่นการดูดซึมของยาในภายหลัง
ตอนนี้หมอจึงต้องทำให้ยา ดูดซึมเข้าไปน้อยที่สุดโดยการล้างท้องนะคะ
แพรมนอธิบายและหันไปสบตากับญาติคนไข้คนอื่นด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าแม่คนไข้
จะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ในภาวะที่กำลังเศร้าเสียใจอย่างนี้
ลูกเอ๊ย ไม่รู้จะทำไปทำไม ทำแล้วเขากลับมารัก มาสนใจไหม ทำไมต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้
คนเป็นแม่คร่ำครวญหวนไห้ แล้วทรุดลงนั่งอย่างหมดแรงตรงนั้น
พาคุณป้าไปพักก่อนดีกว่าค่ะ
แพรมนบอกญาติคนหนึ่งที่เข้ามาประคอง และขอคุยกับญาติอีกคน
หมออยากจะแน่ใจว่าคนไข้กินยาอะไร สำหรับคนไข้ที่กินยามาอย่างนี้
ถ้าหาภาชนะบรรจุมาด้วยได้จะดีมาก เพราะจะได้รู้ว่าเป็นยาประเภทไหน
และพอจะทำให้ประเมินได้ว่ากินไปเท่าไหร่ อ้อ แล้วระหว่างทางคนไข้อาเจียนด้วยไหมคะ
สิ่งที่แพรมนถามเป็นข้อมูลสำคัญในการรักษาในกรณีที่คนไข้ได้รับสารพิษหรือกินยาเกินขนาด
แต่ส่วนใหญ่ญาติๆมักจะตกใจ และลืมสิ่งสำคัญเหล่านี้ไป ทั้งที่จริงๆมีประโยชน์ในการรักษามาก
เห็นเหมือนกันล่ะหมอ แต่ไม่ได้หยิบมา ระหว่างทางมันอาเจียนสองครั้งนะ เหม็นเหมือนยาที่มันกินล่ะ
การอาเจียนเป็นวิธีหนึ่งของการรักษาเบื้องต้น เพื่อลดปริมาณยาในกระเพาะอาหารและการดูดซึม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีข้อห้ามในรายที่กลืนสารพิษที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่าง เช่นพวกน้ำยาล้างห้องน้ำ
เพราะจะทำให้กรดหรือด่าง มีโอกาสย้อนกลับขึ้นมาทำลายเยื่อบุทางเดินอาหารมากขึ้น
รู้ไหมว่ายาอะไร
แพรมนซักต่อไป เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด
ก็พวกยาฆ่าแมลงล่ะหมอ มันคงเห็นใกล้มือ พอทะเลาะกันปุ๊บมันคงตัดสินใจกินเลย
ญาติให้รายละเอียดมาอย่างนั้น แพรมนก็พอจะเดาได้หรอกว่าทำไม คนไข้อายุน้อยๆถึงได้คิดสั้น
ส่วนมากเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง แพรมนไม่อยากจะตัดสินแทนใครหรอกว่าสิ่งที่เขาทำนั้น
ถูกไหม เพียงแต่เธออดคิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ได้ พ่อ-แม่ ..คนที่รักลูกมากกว่าใครๆ
ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แต่เมื่อลูกโตขึ้น และได้รู้จักรักใคร ความรักของพ่อแม่
ก็เหมือนไม่มีคุณค่า เหมือนว่ามันจะน้อยเกินไป ลูกถึงไม่เคยคิดว่าพ่อแม่จะเป็นยังไง
เมื่อลูกตัดสินใจทำร้ายตัวเอง เพียงเพราะ คนอื่นนั้นไม่รัก
งั้นเดี๋ยวถ้าใครกลับบ้านก็ให้เอาขวดยามาด้วยก็แล้วกัน ตามเข้าไปให้ในตึกอายุรกรรมหญิงนะคะ
หมอจะรับคนไข้ไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาล อ้อ แล้วถือยามาดีๆนะคะ อย่าให้โดนมือตัวเองล่ะ
ใครเปื้อนอาเจียนคนไข้ให้กลับไปล้างเสีย
แพรมนกำชับถึงอันตราบจากสารเคมีบางอย่างที่สามารถผ่านเข้าทางผิวหนังได้
แล้วจึงเดินกลับเข้าห้องฉุกเฉินไป พลางคิดในใจว่าถ้าคนไข้ซาลงเมื่อไหร่
จะโทรกลับบ้านไปบอกว่ารักแม่.
จากคุณ :
เจ้าหญิงน้อย
- [
22 ส.ค. 46 23:22:56
A:203.113.61.196 X:
]