ทักทายกันก่อนดีกว่า :D
สวัสดี เพื่อน ๆ ทุกคน ยังจำ บุรี นักสืบหน้าใหม่ไฟแรง กันได้หรือเปล่า วันนี้เค้ามี เรื่องท้าทาย
มาให้คิดกัน หลังจากหายไปนาน เหตุเพราะเค้าไม่มีเวลา ( ข้ออ้างที่ไม่มีวันตาย 555)
ตอนนี้เค้าคิดถึงเพื่อน ๆ แหละ เลยมีเรื่องมาให้เพื่อน สวมวิญญาณเค้า มาร่วมค้นหาความจริงกัน
อ้อ...บางทีอาจจะมีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับท่านที่ตอบถูกทั้งเหตุและผลก็ได้นะ
(ขอคิดดูก่อนว่าอะไรดี ) 555
----
ฝอยมาเยอะแล้ว เรามาสวมวิญญาณเป็น บุรีกันเถอะ :D
..
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงออดหน้าบ้านของ บุรี นักสืบอิสระดังขึ้น ทำให้บุรีชะงักการอ่านหนังสือพิมพ์ในมือไปชั่วขณะ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ตามเดิม เพราะเขารู้ว่าอีกสักพักเขาก็จะรู้ว่าใครมาพบเขาในยามเช้าแบบนี้
คุณบุรี มีแขกมาหาค่ะ เค้าบอกว่า ชื่อ สันติ ชัยพัฒนาก่อเกียรติ คะ ป้าแม้นเดินเข้ามาหาเขาในห้องรับแขก
ขอบคุณครับป้า เชิญเค้าเข้ามาในห้องรับแขกเลยครับป้า
คะ ป้าแม้น แม่บ้านของเค้าเดินออกไปหน้าบ้านอีกรอบพร้อมกับเชิญแขกเข้ามาภายใน
สวัสดีครับคุณสันติ นักธุรกิจชื่อดัง 1 ใน 10 ขอบประเทศ ผมบุรีครับ เชิญนั่งครับ
บุรี ลุกขึ้นยกมือไหว้แขกผู้มาเยือน
สวัสดีครับคุณบุรี ขอบคุณมากครับแขกผู้มาเยือนยกมือไหว้ตอบ เลือกนั่งโซฟาตรงกันข้ามกับบุรี
จะรับอะไรดีครับ หรือว่า กาแฟร้อน เหมือนผมดี
ดีเหมือนกัน ผมขอน้ำตาลครึ่งช้อน ไม่ใส่คอฟฟี่เมท นะครับ แขกผู้มาเยือนหันหน้าไปทางป้าแม้น
ได้คะ รอสักครู่นะคะ ป้าแม้นตอบรับและเดินจากไป
คุณบุรีคงพอจะรู้ว่าผมมาหาคุณบุรีทำไม
ถ้าผมเดาไม่ผิด คงจะเป็นเพราะข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่ลงมาสองวันแล้วใช้ไหมครับ
บุรีตอบคำถามแขกผู้มาเยือน ยื่นหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวของเขาให้เขาดู และสังเกตเห็นแขกผู้มาเยือน รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว สวมเสื้อตัวในสีขาวใส่สูทตัวนอกสีน้ำเงินสีเดียวกับกางเกงผูกเน็ทไทสีพื้นออกน้ำตาลแดง บวกกับท่าทีที่สุขุม ยิ่งทำให้เขาดูมีสง่าน่าเกรงขามมากขึ้น หากทว่าใบหน้าของเขากลับดูหมองเศร้า รอยคล้ำใต้ตาทั้งสองข้างบ่งบอกได้ชัดเจนว่าไม่ได้หลับนอนมาหลายชั่วโมงติดต่อกัน
คุณเดาไม่ผิดหรอกครับ ผมมาเพราะเรื่องนี้ เงินทองที่หายไปผมไม่เสียดายหรอกครับ
แต่ผมเป็นห่วงลูกสาวผม ไม่รู้ว่าตอนนี้แกจะเป็นยังไงบ้าง นี่ก็ หนึ่งคืนกับสองวันแล้ว
ที่ลูกสาวผมหายตัวไป
แขกผู้มาเยือนดูมีสีหน้าเศร้าสลดลงกว่าเดิม
ในข่าวที่ผมติดตามอ่าน ดูเหมือนว่า เธอจะหายไปพร้อมกับเงินสดอีก 500,000.- บาทและเครื่องเพชรของภรรยาท่านร่วม 200,000.- กว่าบาท ไปด้วย
แต่ผมไม่เชื่อว่าลูกสาวผมจะเป็นคนขโมยเงินและเครื่องเพชรไปแน่นอนครับ
อะไรทำให้ท่านมั่นใจเช่นนั้นครับ บุรีถามต่อ ยังไม่ละสายตาไปจากชายตรงหน้า
กาแฟไม่ใส่คอฟฟี่เมทมาแล้วคะ แม่บ้านเดินเข้ามาแทรกการสนทนเพื่อเอากาแฟมาให้แขกผู้มาเยือน
ขอบคุณครับ เขากล่าวขอบคุณ แล้วรอให้แม่บ้านเดินห่างออกไป ก่อนจะตอบคำถามของบุรี
ลูกสาวผมจะทำแบบนั้นไปทำไม ในเมื่อเงินในธนาคารของเธอก็มีร่วม เจ็ด แปด แสนบาท ผมไปเช็คที่
ธนาคารมาแล้ว ส่วนเครื่องเพชรเธอก็ไม่จำเป็นต้องขโมย แค่เธอเอ่ยปากขอกับแม่ของเธอ ขี้คร้านภรรยาผม
จะประเคนให้และเครื่องเพชรของเธอเองที่ผมและภรรยาผมซื้อให้เธอก็มากโข มากกว่าที่หายไปเสียอีก
แล้วท่านบอกเรื่องนี้กับตำรวจหรือยังครับ แล้วตำรวจว่าอย่างไรบ้างครับ
ผมบอกไปแล้วครับ ตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องที่เขาจะรีบสืบหาตัวการให้ไห้ไวที่สุด แต่วันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามาเลย ผมเป็นพ่อคนนะครับ ลูกสาวผมหายไปทั้งคนจะให้นั่งรออยู่ที่บ้านรอว่าลูกสาวผมจะกลับมาเมื่อไรนี่ ผมคงทนไม่ไหว เลยต้องมาหาคุณที่นี่ และก็หวังว่าคุณจะรับงานนี้ เสียเท่าไรผมไม่ว่า ขอให้ผมได้ลูกสาวผมคืนมาก็พอ
น้ำเสียงของผู้มาเยือนดูอ่อนล้าเต็มที หากใครมาพบเขาเวลานี้ทุกคนคงจะมีความรู้สึกเดียวกันว่าผู้ชายตรงหน้าที่ดูน่าเกรงขามเวลานี้ดูชั่งน่าสงสารเป็นที่สุด
ท่านให้เกียรติผมมากเกินไป ผมไม่ใช่ยอดนักสืบ เชอร์ล็อกโฮลมส์ ผู้เก่งกาจแห่งประเทศอังกฤษนะครับ จะได้สืบได้ทุกเรื่อง บางทีผมอาจจะช่วยอะไรคุณไม่ได้เลยก็ได้ ผมเห็นคุณจริงจังแบบนี้ ผมยิ่งไม่กล้า กลัวว่าจะทำงานให้ไม่ได้ผล แล้วคุณจะเสียเวลาเปล่า ๆ
คุณบุรี อย่าถ่อมตัวเลย เอาเป็นอันว่าผมเชื่อใจคุณ ผมถึงมาขอร้องคุณ ว่าแต่ว่าคุณจะช่วยผมหรือเปล่าก็เท่านั้น
น้ำเสียงของเขาดูจริงจังสีหน้าเครียดมากขึ้น
ถือว่าเป็นเกียรติกับผมมากครับ ผมยินดีจะช่วยท่านตามหาลูกสาวท่าน งั้นเรามาเริ่มต้นกับเลยดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
ขอบคุณ มากครับคุณบุรี ผมเชื่อว่าคุณจะช่วยผมได้ สันติ คลี่ยิ้มให้กับบุรี ดูจะเป็นยิ้มแรก ที่เขาได้เห็นจากแขกผู้มาเยือน
ผมจะรบกวนให้ท่านช่วยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับผมฟังอย่างละเอียดอีกรอบ
ได้สิครับผมยินดี เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อสองวันก่อน ตอนเช้าบนโต๊ะอาหารระหว่างที่ผมทานข้าวกันอยู่ สามพ่อแม่ลูก
สาวใช้ ในบ้าน ชื่อ จอย ก็เข้ามาบอกกับวาปี ยัยวา ลูกสาวผมว่า นายเป้ โทรมา นายเป้ เป็นเพื่อนชายที่สนิทกับลูกสาวผม เรียกว่าคบหากันมานานแล้วเหมือนกัน ผมขอเล่าถึงนาย เป้ นิดหนึ่งนะครับ ด้วยความเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมว่านายเป้ เป็นคนไม่ค่อยจะเข้าท่าสักเท่าไร ผมไม่ชอบเลยที่มาคบกับลูกสาวผม ผมเคยจ้างนักสืบ ไปสืบประวัติของนายเป้ เป็นผู้ชายเพล์บอย เจ้าชู้เป็นที่หนึ่ง ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแต่ไม่จริงจังกับใครสักคน วันวันไม่คิดจะทำงาน ได้แต่ผลาญเงินพ่อ-แม่ไปกินเที่ยว ไปวัน วัน ผมเคยเตือนยัยวา ลูกสาวผมแล้ว ว่าจะคบใครให้ระวัง โดยเฉพาะนายเป้คนนี้ดูไม่น่าไว้ใจ แต่ลูกสาวผมกลับมาหาว่าผมไม่ชอบหน้านายเป้อยู่แล้ว เลยพยายามหาเรื่องมาให้เธอเลิกคบกัน เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ผมก็เลยเฉย ๆ ไป เฝ้าดูอยู่ห่าง คิดว่าสักวันลูกผมคงจะตาสว่างขึ้นมาเอง ไม่คิดว่า ลูกสาวผมจะหายตัวไปแบบนี้
เอ่อ..ผมขอเล่าต่อเลยแล้วกัน แปลกมากที่คราวนี้ลูกสาวผมมีทีท่าว่าไม่อยากจะรับโทรศัพท์ของนายเป้ สีหน้าดูซีด ๆ ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์ หลังจากนั้นอีกประมาณ 3 นาทีลูกสาวผมเดินกลับมา มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก และไม่ยอมทานข้าวต่อ บอกว่าปวดหัวเลยขอตัวกลับขึ้นไปนอน ผมกับภรรยามองหน้ากันต่างก็สงสัยกับความผิดปรกติของลูกสาว และกะว่าตอนเย็นหลังเลิกงานแล้วค่อยมาเค้นเอาความจริงกับลูกสาวผมอีกทีว่าเป็นอะไร
ตอนนั้นผมก็ได้แต่สั่งให้ จอย ไปตามป้าศีร มาพบและสั่งให้ดูแล ลูกสาวผมให้ดี
เอายาแก้ปวดหัวไปให้ด้วย
ก่อนจะออกไปทำงาน แต่ช้าไป เพราะว่า ตกเย็นประมาณหกโมงผมและภรรยา
กลับมาถึงบ้าน ภรรยาผมบอกว่าจะคุยกับลูกสาวเอง ผมเห็นว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันน่าจะเข้าใจกันมากกว่าผม
ผมเลยเดินเข้าไปทำงานต่อในห้องทำงานผมที่บ้าน ส่วนภรรยาผมเดินขึ้นไปหาลูกสาวที่ห้อง
สักพักเธอก็วิ่งหน้าตาตื่นลงมาหาผม บอกว่า
ตู้เซพที่ห้องถูกเปิดออก เงินบางส่วนหายไป และเครื่องเพชรของเธอในตู้ก็หายไปด้วย ผมตกใจวิ่งตามไปขึ้นไปดู เข้าของตู้เซฟและตู้เสื้อผ้าถูกลื้อกระจาย ผมหันไปทางภรรยา ให้โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้
ส่วนผมเดินออกจากห้องเรียกคนงานในบ้านทุกคนมาที่ห้องโถง
เวลานั้นผมหงุดหงิดมากที่บ้านผมถูกขโมยมาขึ้นบ้านแล้วทำไมไม่มีใครรู้เห็น คนงานทุกคนพากันตกใจ บอกว่าไม่รู้เรื่องจริง ๆ ลืมเรื่องลูกสาวไปสนิท พอตำรวจมาที่บ้าน สอบปากคำคนงานทุกคน ทุกคนบอกว่าไม่รู้เรื่อง
ก็ทำงานกันปรกติ ตำรวจไปลื้อค้นที่บ้านพักเรือนคนใช้หลังบ้านทุกห้องก็ไม่พบสาเหตุหรือหลักฐานอะไร และมาขอตรวจห้องทุกห้องในบ้าน ตอนนี้แหละครับผมถึงรู้ว่าลูกสาวผมหายไป ตอนที่ผมเอะใจ ว่ามีเรื่องในบ้าน ผู้คนวุ่นวายแล้วลูกสาวผมทำไมถึงไม่มาร่วมเหตุการณ์ด้วย ผมก็ถามภรรยาผมว่า
ยัยวาไปไหน ไม่อยู่ที่ห้องเหรอ
ภรรยาผมบอกว่า ยัยวาไม่อยู่ คงจะออกไปเที่ยวหรือชอบปิ้ง
ผมเลยโทรเข้ามือถือ ให้แกกลับบ้าน แต่ไม่มีคนรับสาย ผมโทรไปหลายรอบ จนคิดว่าแกคงจะไม่ได้ยิน
เลยเลิกโทร แต่พอพาตำรวจไปค้นห้องทุกห้อง จนไปถึงห้องลูกสาวผม ปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือแกวางอยู่บนเตียง ผมว่าผิดวิสัยลูกสาวผมปรกติแกไม่เคยลืม และที่สำคัญถ้าแกจะไปไหน แกมักจะโทรบอกแม่ของแกเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่บอก ผมเลยเอะใจว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวผมแน่ๆ
แต่ภายในห้องไม่ดูสภาพแล้วไม่ถูกลื้อค้นหรือการต่อสู้ใด ๆ เลย ผมเลยบอกตำรวจว่าลูกสาวผมก็หายไปด้วย ตำรวจเลยตั้งข้อสงสัยว่า
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ อาจจะเป็นไปได้ว่าลูกสาวผมอาจจะเป็นคนขโมยเงินและเครื่องเพชรไปด้วย แต่ผมไม่เชื่อคืนนั้นทั้งคืนผมไม่ได้หลับเลยก็ว่าได้ นั่งรอลูกสาวผมกลับมา ตลอดจนเช้าก็ไม่มีวี่แวว ผมเลยเช็คไปที่ธนาคารว่าเธอมีเงินหรือได้ถอนเงินอะไรไปบ้าง ทางแบงค์บอกว่ามีเงินอยู่ เจ็ดแสนกว่าบาท ไม่ได้ถอนมาเป็นเดือนแล้ว และผมก็ให้ภรรยาผมขึ้นไปค้นห้องของแก ดูว่าแกได้ขายเครื่องเพชรที่ให้ไปบ้างหรือเปล่า ปรากฏว่า เครื่องเพชรทุกชิ้นยังอยู่ครบ ผมแจ้งความกับตำรวจว่าลูกสาวผมหายไปจริง
มีหลายคนที่ทราบเรื่องนี้
ก็ตั้งสันนิฐานอีกว่า ลูกสาวผมอาจจะวางแผนว่า ให้เหมือนว่าเธอลูกลักพาตัวไปพร้อมกับเงินและเครื่องเพชร ส่วนตำรวจก็บอกว่าจะรีบตามหาลูกสาวผมให้เจอด่วนที่สุด
แรกเริ่มเดิมทีผมก็ชักจะเชื่อที่หลายคนพูดกัน แต่ผมมาคิดอีกทีว่าต้องไม่ใช่
เพราะลูกสาวผมออกจะเป็นคนเรียบร้อย ไม่เคยมีนิสัยลักขโมย และยิ่งติดแม่ด้วย สองแม่ลูกไม่ค่อยห่างกันนอกจากเวลาทำงาน ผมเลยมาให้คุณบุรีช่วยผมตามหาลูกสาวผมอีกแรง
ฟังที่ท่านเล่ามา ผมว่า ดูซับซ้อนอยู่นะครับ ผมขอถามท่านทีละข้อเลยแล้วกัน
ได้เลยครับ ผมพร้อมจะตอบคุณทุกคำถาม เพราะผมรู้ว่าผมอาจจะเล่าอะไรไม่เก่ง ไม่ละเอียด
อาจจะมีข้าม หรือขาดตกบกพร่องไปได้บ้าง
ท่านได้เล่าเรื่อง เกี่ยวกับ นายเป้ ให้ตำรวจฟังเหมือนที่เล่าให้ผมฟังหรือเปล่าครับ
แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 46 02:25:58
จากคุณ :
ดินสอสีน้ำ
- [
23 ส.ค. 46 02:06:07
]