หอพัก (ตอนจบ)

    ตอนที่ 1 (วันแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2356397/W2356397.html


    ตอนที่ 2(คืนแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2366829/W2366829.html

    ตอนที่ 3 (ผู้มาเยือนยามวิกาล)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2374824/W2374824.html

    ตอนที่ 4(ห้องพักอาจารย์)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2385361/W2385361.html

    ตอนที่ 5(ติดกับดัก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2405640/W2405640.html

    ตอนที่ 6 (นรกแตก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2422626/W2422626.html

    +++++


    หอพัก 7

    ประตูปิดตาย ไฟนรกเผาผลาญลงมาจากชั้นบนอย่างตะกรุมตะกรามสว่างจ้าแลบเลียสูงขึ้นทุกที  ชั้นที่สองและชั้นที่สามกลายเป็นนรกแทบจะสมบูรณ์แบบ ความหวังที่จะออกจากหอพักนี้ปิดตายลงเช่นเดียวกับประตูบานใหญ่หน้าตึกในขณะที่หน้าต่างทุกบานติดเหล็กดัดหมดทางออก เพดานเริ่มแตกปริออกพร้อมกับควันและสะเก็ดไฟพร่างพราย ผนังตึกสั่นอย่างรุนแรงเหมือนกำลังจะถล่มลง ไม่ต้องทายก็บอกได้ว่าเธอเป็นคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในหอพักแห่งนี้

    เด็กสาวเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นอย่างเลือนลางสิ้นหวัง  ทางเดินชั้นล่างเริ่มติดไฟลุกฮือขึ้นสูง ความร้อนระอุระผ่าวราวกับผิวหนังจะมอดไหม้

    และทันใดนั้น ท่ามกลางเปลวไฟฮือโหม ร่างกึ่งโปร่งใสพลันพากันทยอยผ่านเปลวไฟตรงมาราวกับมายาภาพ กึ่งจริงกึ่งฝัน ร่างแรกจำได้ถนัดชัดตาว่าเป็นอาจารย์แม่มดนั่นเอง ส่วนเด็กสาวที่ลอยช้าๆตามมาติดๆก็เป็นลูกสาวของอาจารย์ซึ่งจูงมือเด็กน้อยมือหิ้วตุ๊กตาหมีติดมือมาด้วย

    ใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นดูสงบเยือกเย็น โดยเฉพาะอาจารย์แม่มด แววตาสีหน้าท่าทางดุร้ายน่ากลัวหายไปจนหมดสิ้นราวกับเป็นคนละคน ความตายบางทีคล้ายสามารถเปลี่ยนจิตใจของมนุษย์ได้หรืออย่างไร ทั้งสามมาหยุดอยู่ตรงหน้าเดี๋ยวชัดเจนด้วยเลือนลาง

    “พี่คะ”

    เสียงใสนั่นก็จำได้ถนัดชัดเจนว่าเป็นหนูน้อยซึ่งหลงวิ่งหนีปีศาจอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างในความมืดมาเป็นเวลานานแล้วนั่นเอง ร่างน้อยๆผละออกมาจากกลุ่มมายืนเอียงคอมองอยู่ใกล้ๆด้วยแววตาแจ่มใส

    “หนูเจอแม่แล้วค่ะ พวกเราได้อยู่ด้วยกันแล้ว ”

    มือไขว่คว้าแต่ผ่านร่างกึ่งโปร่งใสนั้นไปเหมือนอากาศธาตุ แต่ความรู้สึกบอกว่าหนูน้อยอยู่ตรงนั้นเอง ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอะไรก็ตาม  แต่ทำให้เด็กสาวมีพลังและแรงใจขึ้นมาอีกครั้ง โดยไม่ทราบสาเหตุ เด็กน้อยคนนี้เองไม่ใช่หรือที่ทำลายแผนการณ์อันน่ากลัวซึ่งจะส่งผลในปีศาจร้ายจากนรกผลุดขึ้นมากลืนกินชีวิตผู้คนบนโลก

    “โชคดีแล้วนะ พี่ดีใจด้วย”   บอกร่างนั้นด้วยเสียงสั่นเครือ  รอยยิ้มและแววตาหนูน้อยช่างแจ่มใสและมีชีวิตชีวาเหลือเกินในขณะวิ่งกลับไปเกาะแขนผู้เป็นแม่ซึ่งโอบกอดไว้ด้วยวงแขนแห่งความรักเช่นกัน

    “พวกเราจะคิดถึงพี่เสมอค่ะ”  เสียงใสๆแว่วมาอีกครั้ง

    อาจารย์ก้าวเข้ามาตรงหน้า เด็กสาวได้แต่คุกเข่ามองร่างกึ่งโปร่งใสนั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

    “ฉันจะช่วยเธอออกไปจากที่นี่ เป็นการชดเชยความผิดของฉัน”

    เสียงนั่นก็เป็นเสียงของอาจารย์แม่มด หากเต็มไปด้วยความอบอุ่นนุ่มนวลปราศจากแววแห่งความชั่วร้าย กับมาเป็นอาจารย์ซึ่งควรจะมีความเมตตาต่อศิษย์อย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง อาจารย์ยังคงกล่าวต่อไปอีกว่า

    “ความรู้ความสามารถของฉันใช้ไปในทางที่ผิด กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะสายไปแล้ว ความเห็นแก่ตัวของฉันเกือบจะลากปีศาจจากนรกขึ้นมาบนโลกนี้ เธอลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป ฉันจะใช้พลังอำนาจที่เหลือช่วยเธอเป็นครั้งสุดท้าย”

    เด็กสาวลุกขึ้นอย่างงงงัน  แล้วเสียงระเบิดครืนใหญ่ตรงประตูก็เป็นสิ่งที่ปลุกประสาทให้กลับคืนมาอีกครั้ง ประตูซึ่งปิดสนิทระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยท่ามกลางเสียงคำรามแหบต่ำอย่างเจ็บปวดของอะไรบางอย่าง

    “วิ่งออกไป เร็ว..!!!”

    เสียงของอาจารย์ดังก้องหู  “ปีศาจมันกำลังอาวะวาดก่อนจะกลับคืนสู่นรก มันกำลังคลั่งแค้น วิ่งหนีออกไปเร็ว..!!!”

    ไม่ต้องให้บอกซ้ำสอง เด็กสาววิ่งออกไปทางประตูซึ่งเริ่มติดไฟแลบเลียสูงขึ้นทุกที วิ่งออกไปตามทางเดินจนถึงถนนหน้าตึกแล้วค่อยหันกลับมามองด้วยหัวใจเต้นระทึก ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่หลุดพ้นจากหอพักนรกออกมาได้อย่างไม่คาดฝัน

    ภาพซึ่งมองเห็นตอนนี้จะด้วยตาฝาดหรือความจริงก็ไม่อาจบอกได้ชัดถนัดปาก ตึกทั้งตึกติดไฟประทุออกมาทางหน้าต่างทุกบานไม่ขาดสาย มีเสียงระเบิดดังอยู่เป็นระยะผสมกับเสียงคำรามกึกก้องแหบพร่าต่ำอย่างคลั่งแค้นและผิดหวัง ตัวตึกดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปมาราวกับอสรพิษถูกย่างสดอยู่บนเปลวเพลิง เสียงตึ่ก...ตึ่ก ของหัวใจอุบาทว์ดังถี่กระชั้นเร็วขึ้นทุกทีเหมือนกำลังเร่งการทำงานจนเลยขีดจำกัดและในที่สุดก็ระเบิดครืน!!!

    ลุกไฟประทุออกมาจากหน้าต่างเป็นสายกระจายไปไกล หลังคาตึกบางส่วนแตกระเบิดขึ้นไปในอากาศราวไฟพะเนียงยักษ์ แสงสว่างจากการระเบิดสว่างจ้าไปแทบจะทั่วมหาวิทยาลัย มันเป็นภาพซึ่งเหลือเชื่อกับบุคคลอื่นในการที่ตึกจะติดไฟได้ขนาดนี้ราวกับอัดไว้ด้วยเชื้อเพลิงทั้งตึก มีแต่เด็กสาวเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นผลงานของปีศาจจากนรก

    นั่นร่างจางๆของอาจารย์ ลูกสาว และหนูน้อยปรากฏให้เห็นเบื้องหน้า โดยมีภาพตึกไฟโหมกระหน่ำอยู่ด้านหลัง ทั้งสามดูเหมือนจะยิ้มให้น้อยๆเป็นการสั่งลา หนูน้อยโบกมือให้เห็นไหวๆ ก่อนค่อยจางหายไป

    ไฟยังลุกท่วมเนิ่นนาน ผนังหอพักบางส่วนพังทยอยพังครืนลงเป็นระยะ ในขณะที่มหาวิทยาลัยถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจและรถดับเพลิงซึ่งทะยอยวิ่งเข้ามายังย่านแห่งความวิบัติ

    +++++++++++


    ฟ้าสาง

    กลุ่มควันยังคงโรยตัวอ้อยอิ่ง  พื้นที่แถวนั้นยังมีฝุ่นละอองเถ้าถ่านปรากฏให้เห็นตามพื้นถนนและสุมทุมพุ่มไม้ ผู้คนตอนนี้สับสนวุ่นวายเต็มไปหมด ทุกคนพากันมายืนดูความหายนะอย่างไม่ได้นัดหมาย  พนักงานดับเพลิงท่าทางอิดโรยเริ่มเลิกงานจากซากหอพักซึ่งดำเกรียมหมดสภาพที่จะฟื้นฟูบูรณะได้อีกแล้ว

    เด็กสาวยืนนิ่งอย่างเลื่อนลอยนานเท่าไรก็ไม่อาจประมาณเวลาได้ เสื้อผ้าตอนนี้สกปรกมอมแมมไปด้วยเถ้าถ่าน มองภาพผ่านสายตาไปมาอย่างมึนงงสับสน  ผ่านเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวทั้งคืน ทำให้สมองชาค้างน็อคไปชั่วขณะ ไม่บ้าตายไปก็บุญแล้ว

    ทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามสนามหญ้า ผ่านผู้คนซึ่งยังให้ความสนใจกับซากของหอพักหญิง แสงแดดเริ่มจ้าขึ้นทุกทีตามเวลาซึ่งผ่านไป ยังดีที่เมื่อคืนเด็กสาวยังไม่ได้ใส่ชุดนอนก็เจอกับเรื่องร้ายๆเสียก่อน ไม่งั้นตอนนี้คงอยู่ในชุดนอนเดินให้ตกเป็นเป้าสายตาพลโลกไปแล้ว

    หอพักตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

    เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว มองภาพนั้นอย่างไม่แน่ใจว่าประสาทตัวเองวิปริตผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า  ขยี้ตาอย่างไรหอพักก็ยังคงตั้งอยู่ตรงหน้า ไม่มีร่องรอยถูกไฟไหม้เสียหายแต่ประการใด ผนังด้านนอกของหอพักยังคงเป็นสีขาวสะอาดตาเหมือนที่มองเห็นเมื่อวาน

    นี่มันเรื่องอะไรกัน ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองบ้าไปแล้วหรืออย่างไร หรือนี่เป็นเพียงความฝัน

    “มองอะไรจ๊ะน้อง”

    เสียงใครคนหนึ่งทักขึ้นจากด้านข้าง เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว หันไปมองก็พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาดีในชุดลำลองง่ายๆ เหมือนอยู่ในบ้านตัวเองนั่งยิ้มกริ่มมองมาจากเก้าอี้นั่งเล่นซึ่งวางเป็นแนวอยู่แถวนั้น

    “ถ้าจะเข้าไปล่ะก้อ ไม่ได้นะ..”   เด็กหนุ่มท่าทางเป็นรุ่นพี่คนนั้นพูดต่อไปเมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของอีกฝ่าย ซึ่งยังดูเบลอๆไม่หายสนิท    “นี่มันหอพักชาย เขาห้ามผู้หญิงเข้าไป”

    “หอพักชาย..”  ทวนคำแบบมึนงง

    “ใช่สิ.. ท่าทางเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ใช่ไหมนี่”   เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มพลางเอ่ยถาม เด็กสาวพยักหน้ารับ ไม่รู้จะคุยอะไรดี ต่อให้หล่ออย่างไรก็เถอะ ใครจะปรับอารมณ์ทัน

    “ทำไมท่าทางโทรมอย่างนี้ล่ะ”  เขาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสภาพมอมแมมของรุ่นน้อง

    “ไฟมันไหม้หอพัก”

    เด็กสาวตอบเรื่อยๆแกนๆ แต่คราวนี้อีกฝ่ายทำหน้าตกใจและลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมาใกล้ ถามเร็วปรื๋อว่า

    “เธอมาอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ”

    เด็กสาวพยักหน้าแทนสำตอบ  ทำเอาหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับเอามือกุมหัวร้อง

    “เวรกรรมจริงๆ วันนี้ไม่ใช่เหรอที่เขาให้รายงานตัวเข้าหอพัก..แล้วเมื่อคืนเธออยู่ในหอพักนั่นน่ะเหรอ”

    พยักหน้าอีก

    หนุ่มรุ่นพี่มองรุ่นน้องอย่างคนที่พอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว สาวน้อยผู้นี้อยู่ในหอพักซึ่งไฟไหม้โดยเอาตัวรอดออกมาได้หวุดหวิด ตอนนี้คงเหลือแต่ตัว ข้าวของเงินทองอุปกรณ์การเรียนซึ่งเตรียมมารับเปิดเทอมคงมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านเรียบร้อย

    “เดินเลยไปด้านหลังพอหักนี้จะมีร้านอาหารเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง เปิดแต่เช้า  หิวไหมเดี๋ยวพี่จะเลี้ยงมื้อเช้าให้เอง แล้วค่อยติดต่อพ่อแม่ให้มาจัดการเรื่องต่างๆให้นะ”

    พยักหน้าอีก เด็กหนุ่มมองอย่างสงสาร ก่อนเดินนำหน้าไปช้าๆ ผ่านเงาของหอพักชายซึ่งทอดยาวชะโงกเงื้อมทำเอาเด็กสาวใจหายวูบ ดูเหมือนว่าจะเป็นโรคผวาหอพักไปเสียแล้ว ความสูงของหอพักและเงาซึ่งทอดยาวผ่านแปลกๆให้ความรู้สึกเยือกเย็นชนิดหนึ่งผ่านขั้วหัวใจ

    “พี่เองก็มาเมื่อวานเหมือนกัน”  ฝ่ายชายชวนคุยเรื่อยๆ
    “เมื่อคืนนอนคนเดียวในหอพักทำเอากลัวแทบตายเหมือนกัน อาจารย์ก็ยังไม่มาซะด้วย นอนไม่หลับทั้งคืนเลย ดีที่ไม่เจออะไร”

    “ทำไมถึงอยู่คนเดียวล่ะคะ”   เด็กสาวเพิ่งเอ่ยถามเป็นครั้งแรกด้วยความสงสัย คงจะไม่มาผิดวันหรอกนะ

    จากคุณ : Psycho man - [ 24 ส.ค. 46 01:08:46 ]