สองมือ...ด้วยใจ...

    1.

                        “บ้านนี้น่ะเหรอ พี่เอ“  บุษราหันไปถามบุรินทร์ที่เดินตามมาข้างหลัง

    “เออ…หลังนี้ล่ะ ไม่งั้นจะไขกุญแจรั้วเข้ามาได้ไงล่ะ”  ชายหนุ่มตอบ เอามือเกาแขนหยิก ๆ เนื่องจากโดนหญ้าบาดตอนเดินเข้ามา

    เบื้องหน้าของชายหนุ่มและหญิงสาว คือ บ้านสองชั้น ไม้บางส่วนเริ่มผุพังไปตามกาลเวลา แต่ส่วนใหญ่ยังคงสภาพดีอยู่ บุรินทร์เดินเข้าไปไขกุญแจดอกใหญ่ที่คล้องอยู่ที่ประตูไม้ เขาดึงแม่กุญแจออก เอื้อมมือผลักประตูบานหนาออกจากกัน  ภายในเป็นห้องโถงโล่ง บันไดอยู่กลางบ้านสูงขึ้นไปมีชานพักและแยกส่วนออกไปทางซ้ายและขวา หน้าต่างบานยาวจรดพื้นปิดสนิทหมดทุกบาน เขาเดินตรงไปเปิดทั้งสองห้อง ทำให้มองเห็นว่าทั้งสองห้องนั้นมีผ้าสีขาวคลุมเฟอร์นิเจอร์อยู่ เดินออกมาตรงกลางห้องโถง ก็พบว่าบุษรายังยืนอยู่ด้านนอกประตู

    “เข้ามาช่วยกันทำความสะอาดหน่อยสิบี วันนี้จะได้นอนกันได้”  เขาตะโกนบอก ขณะที่เดินเลี้ยวไปหลังบ้าน เห็นไม้กวาดและผ้าขนหนูวางอยู่ในตู้เก็บของใบยาวริมประตูหลังเลยคว้าออกมา

    เสียงเล็ก ๆ ตะโกนมาจากทางหน้าบ้าน   “พี่เอ วันนี้เราต้องนอนที่นี่จริง ๆ เหรอ”

    “ถามแปลก ๆ  ถ้าไม่นอนที่นี่แล้วเราจะไปนอนที่ไหน”  บุรินทร์เดินกลับออกมาก็พบบุษรากำลังรื้อผ้าคลุมอยู่

    “ปู่ปิดบ้านหลังนี้ไว้ ตั้งแต่ย่าเสีย แล้วก็ไปอยู่กับเราจนเสียไปอีกคน ตอนนี้เราต้องเข้ามาเรียนที่นี่พี่ก็ต้องเข้ามาทำงานยังไงมันก็เป็นบ้านของเรา ตอนเด็ก ๆ เราก็เข้ามาหาปู่บ่อย ๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย ทำไมมันน่ากลัวเหรอ”  เขาถาม อีกฝ่ายยิ้มแหย ๆ

    “เปล่า”  คนปฏิเสธยักไหล่  “ไม่ได้กลัวหรอก แต่มันเกรง ๆ น่ะ”  

    ทั้งสองพี่น้องช่วยกันทำความสะอาดกันอยู่เกือบชั่วโมงก็ทำความสะอาดข้างล่างเสร็จ เลยขึ้นไปทำความสะอาดข้างบนกันต่อ ชั้นบนแบ่งออกเป็นสองห้อง มีห้องน้ำในตัว ในห้องมีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง โซฟาตัวยาวทำจากไม้บุด้วยผ้าฝ้ายสีครีมตัวนุ่มตั้งอยู่ปลายเตียงขนาด 6 ฟุต  ชั้นขนาดกลางวางทีวีไว้ปลายเตียง นอกห้องมีระเบียงยาวสามารถเดินได้รอบบ้าน หน้าต่างไม้บานยาวจรดพื้นถูกเปิดออกหมดทุกบาน ทำให้ห้องทั้งห้องดูสว่างสดใสขึ้น ม่านผ้าฝ้ายสีขาวโบกปลิวไปตามแรงลมจนต้องรวบชายด้วยตะขอมุมห้อง

    “บีจะอยู่ห้องนี้นะ”  บุษราหันไปบอกพี่ชาย เมื่อเข้าไปสำรวจห้องทั้งสองห้องแล้ว เลยเลือกห้องที่อยู่ด้านขวามือ เนื่องจากมองเห็นสวนข้างล่างและบ้านข้าง ๆ ที่อยู่ถัดไป ต่างจากห้องด้านซ้ายมือ ที่มองออกไปก็เห็นหมู่ตึกขนาด 10 ชั้นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมรั้วข้าง ๆ  

    ชายหนุ่มพยักหน้า  “ตามใจแล้วกัน”  

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะพี่เอ ว่าเราจะได้มาอยู่ที่นี่ ถ้าปู่คิดขายไปตั้งแต่มีคนมาขอซื้อเราคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่เนอะ”

    “ใช่ ปู่เขาคงอยากเก็บไว้ให้ลูกหลานล่ะมั้ง ไม่งั้นจะทำเรื่องยกให้เราเหรอ”  บุรินทร์เห็นด้วย

    บุษราคิดถึงชายชราแก่ ๆ มีผมสีขาว ผู้อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจที่คอยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้หล่อนและพี่ชายฟังบ่อย ๆ  เธอสนิทกับปู่มาก ปู่มักบอกเสมอว่าเธอเหมือนย่า  เมื่อสามเดือนที่แล้วปู่ของพวกเธอจากไปเนื่องด้วยวัยชรา และได้มอบบ้านหลังนี้ให้เธอไว้

    +++++++++++++++++++++

    บุษราเดินหอมผ้านวมผืนใหญ่ออกมาจากตัวบ้าน หลังจากเครื่องซักผ้าทำงานของมันเรียบร้อยแล้ว ยกมันขึ้นไว้บนราวข้าง ๆ บ้านซึ่งด้วยลวดเส้นใหญ่ที่บุรินทร์ทำเอาไว้ให้ วันอาทิตย์อย่างนี้พี่ชายของเธอขับรถไปที่ไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้าแล้ว เธอมาอยู่ที่บ้านเขียวได้เกือบสองเดือนแล้ว ที่เรียกว่าบ้านเขียวก็เพราะ ด้านนอกของตัวบ้านทาสีเขียวเอาไว้ คนในซอยนี้เลยเรียกบ้านของเธอว่า  ‘บ้านเขียว’  กันทุกคน

    “สวัสดีคาบบบ น้าบี”  เสียงเล็ก ๆ ของเด็กอายุสัก 6-7 ขวบ ตะโกนดังมาจากกำแพงเตี้ย ๆ สูงแค่เอวของเธอที่แบ่งอาณาเขตระหว่างบ้านของเธอและบ้านข้าง ๆ

    บุษราหันกลับไปมอง เห็นพัชมล เพื่อนบ้านที่เธอคุ้นเคย ยืนโบกมือให้อยู่  ข้าง ๆ มีเด็กชายที่สูงเพียงเอวของหญิงสาว ใบหน้าอ้วนกลม แก้มแดงระเรื่อเหมือนมีใครเอาสีแดงแตะแต้มไว้ เจ้าตัวเกาะกำแพงยิ้มแก้มแทบจะฉีกถึงใบหูให้หล่อน

    “สวัสดีค่ะ”  เธอตอบแล้วเดินเข้าไปหาคนต่างวัยทั้งสองคน

    บุษรายิ้มให้ โน้มตัวไปหาร่างอ้วนกลมตรงหน้า  “วันนี้ไม่ไปเที่ยวที่ไหนกับแม่พัชเหรอครับ”  

    เด็กชายกมลส่ายหน้า  เมื่อนึกขึ้นได้เลยตอบว่า  “ไม่ไปครับน้าบี แม่พัชเขาเก็บของอยู่ เลยไม่ได้ไปไหน”  เจ้าตัวทำหน้าเสียดาย  เสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้น เลยวิ่งเข้าไปรับ

    คนมีอายุมากกว่าสีหน้าเป็นกังวล “พี่ต้องเก็บของ ต้องไปต่างจังหวัดค่ะ”  

    “ไปหาพี่ปัญญาเหรอคะ”  บุษราหมายถึงสามีของพัชมล

    “ไม่ใช่หรอกค่ะ พี่ต้องไปตรวจงานของบริษัท จะไม่ไปก็ไม่ได้ด้วยค่ะ”

    “อ้าว...แล้วน้องเพียวล่ะคะ จะอยู่กับใคร แฟนพี่อยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอคะ”  บุษราสงสัย  เพราะปัญญาสามีพัชมลเป็นสถาปนิคต้องไปคุมงานอยู่ในจังหวัดทางภาคใต้ถึงสามเดือนเต็ม ๆ  

    “ก็คงต้องให้อยู่กับรัดเกล้าไปก่อนล่ะ”  

    บุษรานึกถึงใบหน้าสวยคมไม่แพ้คนเป็นพี่สาวของรัดเกล้าขึ้นมา เธอเคยคุยกับรัดเกล้าอยู่สามสี่ครั้งเมื่อหล่อนแวะมาเยี่ยมพี่สาวและหลานชาย  “แล้วพี่จะไปกี่วันค่ะ”  

    “อาทิตย์หนึ่งค่ะ”

    เด็กชายกมลวิ่งกลับออกมาตะโกนบอกแก่มารดาว่า น้ารัดจะพูดด้วย แล้วขอตัวไปขี่จักรยานกับเพื่อนบ้านตรงข้าม  พอพัชมลพยักหน้าเจ้าตัวเลยวิ่งหน้าตั้งออกไปอีก

    พัชมลหัวเราะกับท่าทางของลูกชาย  หันกลับมาคุยกับหญิงสาวต่อ

    “ยังไงพี่ก็ฝากน้องเพียวด้วยนะค่ะ น้ากับหลานอยู่ด้วยกันเป็น ไม่รู้จะเป็นยังไง”

    “ค่ะ”  บุษราพยักหน้ารับ เธอเพิ่งสอบสัมภาษณ์ระดับปริญญาโทผ่าน รอเปิดเรียนอย่างเดียวเพราะไม่ต้องลงปรับพื้นฐาน เลยว่างเต็มที่  แล้วอีกอย่างเด็กชายกมลก็ดูเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ...รัดเกล้าก็คุยสนุกไม่น่าจะมีปัญหาอะไร...

    ++++++++++++++++++++





     

    จากคุณ : พิจิกา...หน้าฝน - [ 24 ส.ค. 46 13:56:49 A:203.170.158.23 X: ]