eiehehjafh ทักทาย แบบ พุ่งแรง ugf90wutjdfp (จบ จ้า)

    ตุบตับ ตุบตุบ ตับตุบ แอนด์ เดอะ แฮกๆๆๆ แอนด์ โอย บรื๋อ โอย แฮก อิส อะ โฮก

    ไอ้นอ (นามสมมุติ) วิ่งหน้าตื่น ตาโปน ปากแบะ เลิกลั่ก พร้อมเนื้อตัวเปียกโชก ตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดเล็บนิ้วโป้งขบ  

    “ไอ้นอ.... ไอ้นอ... คุณเป็นไรวะ”  

    ไอ้นอ พูดไม่ออก แต่ยังคงเอกลักษณ์ อิส อะโฮก แอนด์ แฮก อยู่อย่างมั่นคง เหล่าบรรดาเด็กห่าม Alert สุดขีด เตรียมลุย ใคร ใคร ทำเพื่อนพวกกระผม...??!!!...

    เมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่แล้ว วงการมั่วสุมของเด็กวัยจ๊าบกลุ่มนี้ ได้ใช้ทรัพยากร ที่สร้างความมึนเมาแก่เหล่าเขาเสียจนเกลี้ยง เรียบวุฒิ --- ในนามเจ้าของนิวาสถาน ไอ้นอ...  จึงโดนขอแกมขู่  ให้ออกไปหาเสบียงมาเพิ่ม

    ไอ้นอ ขี่รถเครื่องคู่ชีพ ดิ่วตรงสู่ปากซอยย่านลาดพร้าว--- ลาดพร้าวเมื่อราวยี่สิบกว่าปีก่อน ก็ดูๆไป คล้ายคนเป็นหัวชันตุ คือมีบ้านตั้งอยู่ห่างกันเป็นหย่อมๆ สลับกับทุ่งพงท้องน้ำ สลับตึกแถว ซึ่ง(ตึกแถว)มักมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าปากซอยมากกว่า  

    เมื่อไอ้นอได้เสบียงเพียงพอแล้ว ไอ้นอก็ขี่รถพุ่งกลับบ้าน ลั่นลา ลั่นลา ไอ้นอ สบายอุรา ขี่รถมาได้ครึ่งทาง ไอ้นอตัดสินใจ ขี่รถลงทุ่งน้ำข้างทาง แล้ววิ่งตัวเปล่า ลั่นลา หน้าเริ่ดกลับบ้าน
    “พวกคุณมืง ไปช่วยกระผมเอารถขึ้นจากน้ำที”
    “ทำไมวะ? แอนด์ !!!”
    “กระผมทิ้งไว้ในพงน้ำโน่น ช่วยกันไปยกที”

    เพื่อนวัยจ๊าบ ต่าง แห่โขยงกันออกไปทั้งบ้าน เดินๆไปก็มืด ก็เปลี่ยว ถนนแคบๆ มีเสาไฟฟ้า สลับกันเปิดไฟเสาเว้นเสา เพราะฉะนั้น ส่วนมาก ก็จะเป็นความมืด

    กว่าวัยจ๊าบจะช่วยกันงม แล้วลากรถขี่ของนอขึ้นมาได้สำเร็จ ก็เล่นเอาเสียดายทรัพยากรที่ล่อเข้าไปเมื่อตอนแรก

    เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน ไอ้นอก็ค่อยๆเอื้อนเอ่ยวจี ยังกับกลัวหนอนจะร่วง!

    ไอ้นอเล่าว่า ตอนขาไปไม่มีอะไร พอขากลับ ระหว่างที่ขับๆอยู่ หางตา ก็เห็นอะไร แวบๆ แวบๆ เนื่องจากไม่แน่ใจ คราวนี้เลยตั้งใจ เสาไฟอันหน้านี้ละ จะจ้องให้ตาปลิ้น เขาจึงจ้องที่กระจกส่องหลังอย่างใจจดจ่อ

    ทันทีที่แสงไฟสาดกระทบเบ้าตา เขาก็เห็นหญิงสาว ผมยาว นุ่งชุดขาว นั่งเกาะหลังเขามา -- เห็นชัดแล้ว ไม่รอช้า กับ เกิบ น้ำแข็ง เหล้าอะไรไม่สนแล้ว พุ่งลงคูอย่างเดียวเลย แล้วรีบตะเกียกตะกายแบบทะยาน กลับบ้านหัวฟีบเปียกไปทั้งตัว เพราะแทนที่จะปล่อยแต่รถลงคู ดันลงไปทั้งรถ ทั้งตัว เสียเวลาปีนขึ้นฝั่งอีก

    การกึ่งทะยานกึ่งเหาะ ของไอ้นอ ได้สร้างเสียงดั่งประโยคแรกของเรื่อง (เชิญย้อนกลับไปอ่านเอาเอง)

    เพื่อนๆรุมด่า “ทำไมคุณมืง ไม่บอกแต่ทีแรกวะ”
    “อ้าว... ถ้าผมบอก พวกคุณมืง จะกล้าไปกับกระผมรึ”
    *
    *
    หลายคนคงสงสัยว่า ทำไม “ที่ไม่ใช่คน” ชอบมาปรากฏกายแปลกๆ บางที มาเป็นกลิ่น  เสียง ภาพเบลอ มาในฝัน หรืออะไรก็สุดแท้แต่ แต่ที่แน่ๆ ไม่เห็นเคยมาคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว เช่น ถกเรื่องสถานการณ์ในอิรัก เม้าท์แตกเรื่องดารา ว่าข่าวเศรษฐกิจและการเกษตร อย่างน้อย ถ้ามาอย่างนั้น ยังจะได้ประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ให้มันรู้จุดประสงค์กันไปเลย ไม่ใช่มาที คลุมเครือที

    ฉันเคยอ่านหนังสือ และฟังเรื่องราว จากผู้ที่มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้โดยตรง ส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า กว่าเขาจะหาช่องทาง เพื่อสื่อสารกับเราได้ นั่นก็ยากแล้ว ยังต้องให้รวบรวมพลัง ทำให้เราเห็นภาพเขา รับสารจากเขาได้ตรงจุด แล้วแถมให้ติดเกาะสถานการณ์ เพื่อนำมาสนทนากันอีก ดูจะเป็นเรื่องยากเย็นเกินความสามารถของเหล่าเขา

    ฉันไม่ทราบว่าวิธีไหนยากที่สุด แต่ฉันรู้มาว่า การที่เหล่าเขา จะขอแทรกพลังสู่ง่ามคลื่นสมองของเราในแต่ละครั้งนั้นยากมาก เพราะพอจะแทรก ก็จะถูกปิดกั้นด้วย กิเลส จริต อัตตา ความรู้เดิม ความคิด ความเห็นแก่ตนของคนคนนั้น เรียกว่า กว่าจะฝ่าด่านได้แต่ละด่าน เล่นเอาเหล่าเขาถอดใจ

    เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าอยากสัมผัสเหล่าเขาและอื่นๆที่แปลกๆได้ ควรหัดทำจิตให้นิ่งเป็น “หนึ่งเดียว”  ฝึกดูลมหายใจง่ายที่สุด สะอาดและปลอดภัย

    หรืออีกวิธีก็ง่ายเหมือนกัน คือ เอามือไปวางไว้ที่พุง พุ่งแรงใจไปรวมเป็นหนึ่งตรงมือนั่น ให้รู้แต่ว่า อ้วนแล้วหนอ ปลิ้นแล้วหนอ

    หรือ... นี่เลย ง่ายอีกเช่นกัน ไปหาบทสวดตามศาสนาของตน มาสวดออกเสียงดังๆ เป็นจังหวะ ทางที่ดี ท่องมาให้ขึ้นใจก่อน การสวดเสียงดัง และเป็นจังหวะที่เข้าท่า จะทำให้สมาธิเกิดง่าย หากใจรวมเป็นหนึ่งได้บ่อยๆ ค่อยๆเพิ่มความยาวนานในแต่ละครั้ง เก่งเข้า จิตจะนิ่งง่ายได้เอง แล้วที่ อยากเห็น อยากรู้ อยากคุย --- รับรอง... มันส์

    ฉันกล้าเขียนอย่างนี้ เพราะ เมื่อท่านทั้งหลาย ได้ความนิ่งเป็นอารมณ์แล้ว ท่านจะได้รับความสุข ที่ไม่สามารถหาได้ในทางโลกีย์โลก ผู้ปฏิบัตินิ่งถึงขั้นเท่านั้น จึงจะสามารถสัมผัสความสุขชนิดนั้นได้ และจะเห็นประโยชน์จากการนิ่งนี้ อีกมหาศาล

    ท่านจะได้รู้ ได้แจ้ง ในสิ่งที่ควรรู้ และจะแปลกใจกับสิ่งที่ท่านแจ้งกระจ่าง มากกว่าการได้คุยกับผีเสียอีก

    ช่วงเตือนใจ : ข้อเขียนช่วงท้ายๆน่ะ ฉันเตือนตัวฉันเอง
    ช่วงเผยตัว : หนึ่งในเด็กจอมซ่องสุมนั้นคือ สามีฉัน ตอน มศ. สี่
    ช่วงจบความตามท้องเรื่อง : ไม่มีอะไร --  เล่าให้ฟัง.... เอิงเอย.... เงิก

    จากคุณ : น้าสือสาว - [ 24 ส.ค. 46 17:49:08 ]