" หา! " เสียงใสๆอุทานขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกถึงความแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
ทำให้เขาต้องกลั้นยิ้มแทบตาย ทำไมน่ะเหรอ ก็หน้าตาอันเหรอหรา
ของหล่อนน่ะสิ ดูเอ๋อสิ้นดี
" หาอะไรคุณ ให้ผมช่วยหาไหม " เสียงทุ้มถามกลับมา
ทำให้สาวเสียงใสหน้าเอ๋อเมื่อกี้ อึ้งไป 2 - 3 วินาที แล้วตามด้วยการ
ส่งสายตาค้อนผ่านดวงตากลมโตสวยไปยังชายหนุ่มชุดดำที่อยู่เบื้องล่าง
" ก็พี่บอกว่า "ยังไม่ทันที่หล่อนจะพูดจบประโยคชายชุดดำคนเดิมก็พูดแทรก
" ใครเป็นพี่คุณ " หญิงสาวแอบถอนหายใจ
" ก็คุณบอกว่า " เอาล่ะสิ หล่อนจะใช้คำแทนตัวยังไงดี ดิฉัน ฉัน หรือหนู
โอ้ย ! รับน้องเฮงซวยบ้าบออะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ ขืนแทนตัวเองว่าหนู
อีตาบ้าคนนั้นคงบอกอีกแหละว่า หนูที่บ้านคุณ ตัวโตขนาดนี้เลยหรือ เฮ้อ!
" ว่าไงคุณ "
" ก็คุณบอกว่า ให้ถือดอกกุหลาบนี่ให้มันดูสดใสก้านไม่หักงอมีชีวิตชีวานี่นา
ใครจะทำได้ก็มันเหี่ยวออกอย่างนี้ " หล่อนว่าพลางยื่นดอกกุหลาบที่เหี่ยว
แถมก้านตรงโคนดอกก็หักงอมาแทบทิ่มตาเขา
" อะไรกันคุณ แค่นี้ทำไม่ได้หรือ แล้วอย่างนี้จะเป็นวิศวกรได้ยังไง "
เอา เอาเข้าไป บ้ากันเข้าไป การถือดอกกุหลาบที่เหี่ยวๆ
ไม่ให้เหี่ยวเนี่ย มันเกี่ยวอะไรกับการที่หล่อนจะเป็นวิศวกรในอนาคต
ไม่เข้าใจเล้ย ไม่เข้าใจจริงๆ นี่หล่อนหลุดเข้ามาในดินแดนประหลาด
หรือตอนนี้หล่อนเป็นบ้าไป แล้วใครไม่รู้ส่งหล่อนเข้ามาในโรงพยาบาลโรคจิต
โดยที่หล่อนไม่รู้ตัวหรือไงนะ เอาล่ะ เป็นไงเป็นกันสิ สู้ตายยัยแป้ง
ชายหนุ่มในชุดสีดำจับจ้องใบหน้าครุ่นคิดของหญิงสาว
แล้วต้องกลั้นหัวเราะจนปวดท้อง เมื่อหญิงสาวตรงหน้าบรรจงยิ้ม
จนแก้มแทบฉีกราวกับจะทำให้โลกนี้ทั้งใบตกอยู่ในเสน่ห์รอยยิ้มของหล่อน
พร้อมกันนั้นหล่อนก็ถือดอกกุหลาบโดยถือที่ปลายก้านแล้วให้ปลายดอก
ชี้ลงที่พื้น
" สดใสพอไหมคะ " เสียงหวาน ๆ ดังมากระทบหู การกระทำของหล่อน
เรียกเสียงโห่ฮาวี้ดวิ้วผิวปากจากพวกสต๊าฟรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นของหล่อน
ซึ่งคณะนี้นักศึกษาส่วนมากเป็นชาย
" พอ กลับเข้าที่ได้ อ้อ ! เอาดอกกุหลาบนี่มาประชุมเชียร์ด้วยทุกครั้ง ผมจะขอดู "
เสียงทุ้มๆกำชับตามมา
โธ่เอ้ย!แค่นี้เอง จริงๆแล้วหล่อนจะถือตรงโคนดอกแล้วปล่อยก้าน
ให้ห้อยลงมาก็ได้ ไงก้านมันก็ไม่งออยู่แล้ว แต่อยากจะรู้ว่า
ถ้าหล่อนถือแบบพิสดารผิดชาวบ้านชาวเมืองเนี่ย อีตาบ้านั่น
จะทำอะไรหล่อนอีกไหมแล้วไอ้ที่ยิ้มหวาน ๆ ที่หล่อนบรรจงปั้นซะ
สุดฤทธิ์สุดเดชนั่นก็อีก บรื๋อส์ ........คิดขึ้นมาแล้วยังขนลุกไม่หาย
หล่อนทำลงไปได้ยังไงนะ
" แป้ง เราหิวข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ "
" อืมม ไปสิ " หญิงสาวรับคำ แล้วก็สนใจหนังสือเล่มโตในมือต่อ
" ยัยแป้ง " เพื่อนสาวเรียกเสียงเข้มขึ้นบ่งอาการหงุดหงิดเล็ก ๆ
" อะไร เดี๋ยว " หญิงสาวคนเดิมตอบโดยไม่ได้เงยหน้า
" ไอ้แป้ง แกจะลุกหรือไม่ลุก แล้วก็เลิกอ่านได้แล้ว แกอยากจะเป็น
คุณหญิงดาริน แล้วเข้าป่าไปกับพรานรพินทร์ ล่าเก้ง ล่ากวาง ล่าช้าง
หรือไงยะ อ่านมาตั้งชั่วโมงกว่าแล้วนะ ไม่หิวข้าว หิวน้ำบ้างหรือไง
หรือว่าแกเสพย์แค่ตัวอักษร แกก็มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกินข้าว "
" เออ ๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ บ่นเป็นยายแก่ไปได้ ยัยอ้อเอ้ย !
ฉันมีแกไว้เป็นเพื่อนหรือเป็นแม่วะ "
" ยัยแป้งเอ้ย ! " อ้อเรียกเพื่อนสาวอย่างล้อเลียนเพื่อน
เพื่อนที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงป. 6 แล้วก็มาห่างหาย
จากกันไปตอนม.ต้น สุดท้ายด้วยบุญพาวาสนาส่ง หรือเวรกรรมก็ไม่รู้
ที่ทำให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันอีกครั้งตอนเรียน ม. ปลาย จนสอบเข้าเรียนได้
ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน
" แกไม่ต้องยกให้ฉันเป็นแม่แกหรอก เอาแค่เพื่อนก็พอ ถ้าฉันมีลูกสาว
อย่างแกน่ะนะ เฮ้อ ! ฉันคงอยากตายเดือนละ 30 ครั้ง "
พูดจบยัยอ้อก็รีบจูงกึ่งลากยัยแป้งไปที่โรงอาหารของคณะ ราวกับรู้ทันว่า
หากช้าไปเพียงนิด ยัยแป้งต้องถกเถียงกับหล่อนอีกนานเป็นแน่
ก็เพื่อนหล่อนคนนี้ ยอมใครที่ไหนกัน
" เฮ้ย ! ช้าหน่อยก็ได้ ยังไม่ได้เก็บหนังสือเข้าเป้เลย " แป้งท้วง
หากดูเหมือนยัยอ้อจะไม่ยอมฟังเสียงใดๆทำให้หญิงสาว
ต้องหอบทั้งหนังสือและเป้ตามแรงลากของเพื่อนไป
ด้วยสีหน้าบึ้ง ๆ กึ่งสุขนิด ๆ ที่ได้แกล้งเพื่อน
โรงอาหารของคณะยามนี้ผู้คนดูบางตาลงไป เนื่องจากจะบ่ายโมงแล้ว
บุคลากรและนักศึกษาส่วนมากมักมาใช้บริการตั้งแต่ 11 โมงจนถึงเที่ยงครึ่ง
" เอ้า ไปหาที่นั่งไป จะกินอะไรจะซื้อมาให้ " อ้อโยนกระเป๋าให้เพื่อน
" อะไรก็ได้ "
" อะไรก็ได้ของแกเนี่ย มันอะไร คิดหน่อยได้ไหม เดี๋ยวสมองก็ฝ่อหรอกแก "
" กะเพราไก่ไข่ดาว " เสียงตอบกลับทันควัน แถมคนตอบยังยักคิ้วท้าทาย
" เวรกรรม เพื่อนฉันสงสัยมันสิ้นคิดจริง ๆ " อ้อบ่นงึมงำแล้วเดินไปสั่งอาหาร
เมื่อแป้งเลือกที่นั่งได้ก็ก้มหน้าก้มตาสนใจกับหนังสือในมือต่อ
โดยไม่ทันสังเกตว่า ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มที่การแต่งกาย
ช่วงบนดูเป็นนักศึกษาเชิ้ตขาวแขนยาว ส่วนช่วงล่างนุ่งยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบ
เขาเห็นหล่อนตั้งแต่ยืนเพื่อรอข้ามถนนที่อยู่หน้าโรงอาหารแห่งนี้
หอบข้าวของพะรุงพะรัง ปากก็พูดจาโต้ต้อบกับเพื่อนที่มาด้วยกันไม่หยุด
ดูๆ ไปหล่อนก็น่ารักดีเหมือนกัน
หยุด !หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้วินทร์ ทำไมเอ็งใจง่ายอย่างงี้ว่ะ
เอ็งจำไม่ได้หรือไงพิษรักที่มันยังฝังอยู่ข้างในใจเอ็งตอนนี้
มันก็เกิดเพราะความใจง่ายของเอ็งไม่ใช่เหรอวะ อย่าเชียวนะเอ็ง
ตอนนี้เอ็งก็มีความสุขดี ไม่ต้องแคร์ใคร ไม่ต้องตามรับตามส่งใคร
ไม่ต้องคอยเป็นห่วงใคร ไม่ต้องมีความรู้สึกคิดถึงอยากเจออยากเห็นหน้า
จิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวาย อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเชียว
" มาแล้วแป้ง กิน ๆ บ่าย 2 มีเรียนนะแก " อ้อนั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาว
พลันสายตาก็พบกับชายหนุ่มที่นั่งโต๊ะถัดไป
" แป้ง ๆ " อ้อกระซิบกับเพื่อนสาว
" อะไร "
" ผู้ชายที่อยู่โต๊ะถัดเราไป แกว่าใช่พี่ว้ากหรือเปล่า ดูดิ ก้มหน้าก้มตากินใหญ่เลย
สงสัยกลัวเราจำได้ "
แป้งมองตามท่าทางพยักเพยิดของเพื่อน ก็เห็นชายหนุ่มก้มหน้าก้มตา
รีบตักข้าวเข้าปาก
" ทำไมต้องกลัวเราจำได้ด้วย "
" อ้าว ก็รุ่นพี่เขาบอกว่าพวกว้ากจะพยายามหลบหน้าหลบตารุ่นน้องปีหนึ่ง
ไม่ให้เห็นเหมือนเป็นใครไม่รู้มาตะคอกตวาดพวกเราไง "
" อ๋อ " ดีล่ะ หญิงสาวคิด
อีตาบ้า อย่าเงยหน้าขึ้นมาเชียวนะ ฉันจะนั่งจ้องนายอย่างนี้แหละ
สาธุ! กินเร็วๆ อย่างงั้น ขอให้ข้าวติดคอทีเถอะ สิ้นเสียงภาวนา
ในใจหล่อนไม่นาน
เสียงไอก็ดังมาเข้าหู หญิงสาวยิ้มด้วยความพอใจ
มองชายหนุ่มที่รีบคว้าน้ำมาดื่ม พลันสายตา 2 คู่ก็เจอกัน
คู่หนึ่งมีแววขำบวกสะใจในดวงตา อีกคู่ก็จ้องตากลมโตดำขลับ
เขม็งราวกับจะบอกว่า ฝากไว้ก่อนนะ อย่าเผลอแล้วกัน
วินทร์ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าจะเดินออกจากโรงอาหาร
ระหว่างที่ผ่านโต๊ะของสองสาว เขาก็ได้ยินเสียงหวานใสคล้ายจงใจ
" ทีหลังทานข้าวไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะติดคอ "
พูดจบหล่อนยังยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาอีก ผู้หญิงอะไรแก่นอย่างนี้วะ
เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีให้ก้นลายเชียว
" ไอ้แป้ง! เดี๋ยวแกก็โดนดีหรอก เมื่อวานแกยังไม่เข็ดอีกหรือ
เรื่องกุหลาบน่ะ ระวังไว้เถอะวันศุกร์นี้แกเจอดีแน่ ๆ "
อ้อที่เห็นเหตุการณ์ตลอดกล่าวเตือนเพื่อนรัก
" ฉัน - ไม่ - กลัว " แป้งตอบอย่างเน้นหนักทุกคำว่าหล่อนไม่กลัวจริงๆ
ก็ลองดูสิว่าอีตาบ้านั่นน่ะ จะทำอะไรหล่อนบ้าง ทำได้ก็ทำไป
แกล้งได้ก็แกล้งไป แต่เมื่อถึงเวลาของหล่อนเมื่อไหร่
หล่อนก็จะเอาคืนไม่ยั้งเหมือนกัน ทีใครก็ทีมันดิ
@^o^@ อุณากรรณ @^o^@
จากคุณ :
อุณากรรณ
- [
24 ส.ค. 46 19:08:21
A:172.179.58.97 X:
]