พลิกแผนซ้อนซ่อนนรก บทที่ 3

                                   พลิกแผนซ้อนซ่อนนรก
    บทที่ 3  เงื่อนงำ

    ภายในเวลาไม่นาน  เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจก็มาถึง  ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์  

    นักศึกษาก็งงเพราะอยู่ดี ๆ การปฐมนิเทศและการรับน้องก็ถูกยกเลิก  ทุก
    คนถูกต้อนไปรวมกันอยู่บริเวณห้องบรรยายชั้น 2  โดยคำสั่งของรองอธิการบดี  

    ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็งงเพราะอยู่ดี ๆ ก็ได้รับคำสั่งด่วนทางวิทยุจากทางกรุงเทพมหานคร  แต่ถึงจะงงและไม่ค่อยเข้าใจ  กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเพราะคำสั่งถูกสั่งการโดยตรงจากสืบสวนกลางทำให้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรืออิดเอื้อน

    พันตำรวจเอก พรเทพ  เดชรณรงค์  สารวัตรฝ่ายสืบสวนสอบสวน กำลังสั่งการให้ลูกน้องทำการปิดล้อมพื้นที่ชั้น  3  ของอาคาร ก็มีนักศึกษาชายคนหนึ่งเข้ามาหา

    “นี่เธอเข้ามาได้ยังไง  หมู่พาตัวออกไปซิ”  หันไปเอะอะเอากับลูกน้องที่ปล่อยปละละเลยให้คนนอกเข้าในพื้นที่ปิดล้อม

    ผู้หมู่รับคำสั่งแล้วก็เดินเข้าไปหิ้วปีกจะลากตัวอออกไปข้างนอก  แต่ก็ต้องชะงักเพราะอีกฝ่ายขืนตัวไม่ยอม

    “รอสักครู่ได้มั้ยครับ” อีกฝ่ายถามอย่างสุภาพ
    “เอ๊ะ ไอ้นี่” ตำรวจซึ่งเคยชินกับการเป็นนายประชาชนเลือดขึ้นหน้านิด ๆ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้นขัดขืน  

    “เค้าบอกให้ออกไป   ก็ออกไปซิวะ” แล้วก็บีบแขนฝ่ายตรงข้ามแรงขึ้นและพยายามใช้แรง ฝืนดึงตัวให้ก้าวเดินต่อ

    ทันใดนั้นโลกก็พลิกกลับหัวในความรู้สึกของผู้หมู่โชคร้าย  ซึ่งรู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้อยู่เสี้ยววินาที  ก่อนจะหล่นลงมากระแทกพื้นดังพลั่ก

    “โอ้ย  อูย  ก้นกบ อั้ว พังหมดแล้ว” โอดโอยออกมาท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของผู้เห็นเหตุการณ์

    “หมู่ !!!” ตำรวจอีกนายซึ่งอยู่ใกล้ ๆ และเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะควงกระบองเข้าหาชายหนุ่มที่ยืนตระหง่านอยู่

    เงื้อกระบองในมือขึ้นสุดล้า   แล้วฟาดลงมาหมายศรีษะของชายหนุ่มเป็นเป้า  ซึ่งถ้าหากโดยเข้าไปก็คงจะชัก  แต่กระบองยังไม่ทันลงมาได้ครึ่งทางร่างของชายหนุ่มก็เบี่ยงตัวออกข้างพลางยื่นมือขวาออกรับข้อมือที่กำกระบองของอีกฝ่าย   ดึงออกทางขวามือของตนเอง

    ร่างของตำรวจนายนั้นผวาตามแรงส่งของตัวเองและตามแรงดึงที่เสริมแรงเข้ามาหากแต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลเพราะสะดุดเข้ากับเข่าที่ชายหนุ่มยกขึ้นมารับเข้าไว้ เต็มพุงกะทิ

    “อุ๊ก….” เสียงลมทะลักออกมาจากปาก แล้วร่างของนายตำรวจเคราะห์ร้ายก็รูดลงไปกองทับจ่าที่ยังจุกไม่หาย ปล่อยให้ชายหนุ่มดึงกระบองออกไปจากมืออย่างง่ายดาย

    เหตุการณ์ทั้งหมดสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนที่อยู่ในที่นั้นเป็นอย่างยิ่งงตำรวจหลายนายชักปืนออกมาจากซอง แต่ยังไม่ทันที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้

    “หยุด    ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้”  พอ. พรเทพ  ตะโกนออกมาเมื่อตั้งสติได้และเห็นว่าเรื่องมันชักจะไปใหญ่

    “หมู่ เก็บปืน !!! ทุกคนเก็บปืนให้หมด” สำทับซ้ำเมื่อเห็นหลาย ๆ คนยังอิดออด

    “ใช่  ตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด  เชื่อหัวหน้าคุณไว้ปลอดภัยกว่า” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาถึงความตึงเครียดของสถานการณ์นี้เลยแม้แต่น้อย

    “คุณเป็นผู้ที่รับผิดชอบปฏิบัติการนี้ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ

    “ใช่  เธอเป็นใคร  แล้วต้องการอะไร นึกยังไงถึงได้มาทำร้ายตำรวจอย่างนี้ ? ถ้าคำตอบของเธอมันไม่มีเหตุผลพอให้ฉันรับได้ล่ะก็ เราต้องมีเรื่องคุยกันยาวแน่ ๆ”  นายตำรวจถามเป็นชุด  

    “ลูกน้องคุณไม่มีมารยาท  ผมเลยสั่งสอนให้นิดหน่อย  อีกอย่างพวกเขาไม่ได้เปิดโอกาสให้ผมได้พูด”  

    “แล้วเธอเป็นใคร ?”

    “ผมคิดว่าคำสั่งที่คุณได้รับมาคือ ให้การปิดล้อมพื้นที่อาคารเรียนหลักของ มอ. ตรัง   จากนั้นรอการติดต่อของสายสืบพิเศษซึ่งอยู่ในพื้นที่  และให้ความร่วมมือต่อการสืบสวนสอบสวนของทีมสืบสวนกลางซึ่งกำลังเดินทางมา”

    “เธอคงไม่ใช่สายสืบพิเศษหรอกใช่ไหม”  เสียงนั้นเจือไปด้วยความงุนงง สงสัย ระคนหงุดหงิด

    “ขออภัยที่ต้องทำให้คุณผิดหวังบังเอิญผมใช่”

    ปากของ พอ. พรเทพ อ้าค้างอย่างนึกไม่ถึงเช่นเดียวกับ หลาย ๆคนในที่นั้น

    “ขอรหัสยืนยันด้วย”  พยายามตั้งสติ  แล้วถามพลางดึงแผ่นคำสั่งทางวิทยุออกมารอท่า

    “ปากเม็ง  อัลฟ่า หมูย่าง ฟ๊อกซ์ทรอต”

    อ้าปากค้าง  อีกรอบ !!!  นี่นะสายสืบพิเศษที่ทางสืบสวนกลางให้มาพบ ยัง….หนุ่ม….เด็กด้วยซ้ำ…

    “รหัสนี้ผมคิดขึ้นมาสด ๆ ตอนบอกให้เขาส่งกำลังมานะน่ะ ฟังพิลึกไปหน่อย เหรอ ?” อีกฝ่ายกลับเข้าใจท่าทีของอีกฝ่ายผิดนึกว่างงรหัสผ่าน

    ชายหนุ่มส่งกระบองในมือคืนให้กับนายตำรวจหนุ่มที่เริ่มจะฟื้นอาการ   ยันตัวขึ้นมานั่งจุกอยู่ เช่นเดียวกับจ่าซึ่งตอนนี้กลังพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน

    “แล้วเอ่อ คุณ….เอ่อน้อง…เอ่อ  แฮ่ม” กระแอมเรียกสติตัวเอง “มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ ?”

    “ตามผมมาแล้วกัน”

    ที่ชั้น 3 ของอาคารเรียนรวมบริเวณห้องประชุมซึ่งขณะนี้ร้างคนไปแล้ว หน้าต่างทึบแสงถูกปิดลงทุกบาน ภายในจึงค่อนข้างมืดพอสมควร

    “มีอะไรอยู่ที่นี่งั้นเหรอ ?” ถามด้วยความงุนงงสงสัย

    “ดูที่พื้น”

    “สะอาดดีนี่ !?”

    อีกฝ่ายไม่ตอบ  ขณะล้วงมือไปหยิบหลอดไฟแบล็คไลท์ออกมา แล้วเปิดสวิตซ์ส่องไปที่พื้น แสงสะท้อนสีฟ้าที่เห็นเด่นชัดจากไฟแบล็คไลท์ก็ปรากฏขึ้น

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมายาวนานในวงการ ทำให้นายตำรวจใหญ่สามารถสรุปได้ทันทีว่าตนเองกำลังมองอะไรอยู่ แต่ด้วยความงุนงงและสับสนจึงหลุดปากถามออกมาไม่ได้

    “นี่คงไม่ใช่…..”
    “อย่าเพิ่งถามผม  อย่างน้อยก็ตอนนี้”อีกฝ่ายขัดขึ้นมาก่อนที่ทันจะได้พูดจบประโยค

    “เดี๋ยวผมจะไปรอรับหน่วยสืบสวนพิเศษของสืบสวนกลางซึ่งกำลังเดินทางมาจาก กรุงเทพ   ไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงจะเดินทางมาถึงแล้วก็เริ่มทำงานได้  คุณจัดการให้ทางพิสูจน์หลักฐานเค้าจัดการตรวจบริเวณนี้ทั้งหมดไปเรื่อย ๆ  ระหว่างที่รอทีมสืบสวนพิเศษ  ตรวจทุกจุดอย่าให้พลาด       ถ้าผมเข้าใจผิด นี่ก็เป็นแค่เรื่องตลกแต่ถ้าผมเข้าใจถูก…”

    ปล่อยให้อีกคิดคำตอบที่จะติดตามมาเอาเองขณะที่เก็บหลอดไฟเข้าที่

    “ส่วนคนที่กักตัวไว้ที่ชั้น 2 ก็จัดการสอบไปเลย  เริ่มจากอาจารย์  ยาม  ภารโรง นักเรียนปี 4 แล้วไล่ลงมายันปี 1 ถามดูว่าใครหายไปบ้างแล้วตามตัวให้เจอ   ถ้าไม่เจอก็บันทึกชื่อไว้ไว้   แล้วก็ถามดูว่ามีใครเห็นอะไรผิดปกติหรือเปล่า พยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด”  สั่งการเป็นชุดขณะที่ที่อีกฝ่ายได้แต่ฟังตาปริบ ๆ อย่างอึดอัดรู้สึกเหมือนเป็นจระเข้ที่ถูกสอนให้หัดว่ายน้ำแต่ก็ไม่กระโตกกระตากอะไรมากเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ถูก “สั่ง” ให้  “ร่วมมือ” ด้วย

    “ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย  ?” พอ. พรเทพหลุดปากออกมาได้ในที่สุด

    “สายสืบพิเศษมันก็สายลับดี ๆ นี่เอง  เราไม่บอกชื่อจริงคนที่เคยเจอกันครั้งแรกหรอก”

    “คุณเป็นนักศึกษา  มอ. ใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวผมให้เด็ก ๆ ตรวจสอบดูเองก็ได้”
    “ถึงคุณจะตรวจยังไงก็ไม่ได้เรื่องหรอก   ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผมเป็นความลับ   ถ้าไม่มีรหัสผ่าน    คอมพิวเตอร์มันก็ไม่คายข้อมูลออกมาให้คุณหรอก ส่วนข้อมูลที่อยู่ในกระดาษนั่น  ไอ้จะเป็นของจริงคงยาก”  ว่า พลางเดินออกไปจากห้องประชุมแห่งนั้น

    “ผมจะเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะ  ถ้างั้น”  พอ. พรเทพเริ่มหมดความอดทนบวกกับเดือดขึ้นมาตะหงิด ๆ อีกฝ่ายชะงักก่อนหันมาตอบ

    “ถ้างั้น  เรียกชื่อรหัสผมแล้วกัน” หันกลับมาเต็มตัวพลางยื่นมือให้จับ

    “Saint Gabriel Logan  สายสืบพิเศษ สืบสวนกลาง  ยินดีที่ได้รู้จัก”

    พอ. พรเทพ มองมือข้างนั้นก่อนยื่นออกไปจับด้วย

    “พันตำรวจเอกพรเทพ  เดชรณรงค์  สารวัตรฝ่ายสืบสวนสอบสวน ไม่ยินดีจะรู้จัก” เน้นคำท้าย ๆ แสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างไม่ปิดบัง

    “หึ ๆ ๆ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอกล่าวพลางเดินจากไป “ทำงานกับคุณต้องสนุก ๆ แน่ ผมว่า”
    * * *

    เอ้อ  ตอนก่อน ๆ มีคนติงกันเยอะว่าผมพิมพ์ผิดเยอะมากก็แหะ ไง ๆ ก็พยายามแก้แล้วนะครับ ท่าเจอที่ไหนก็บอกนะครับ
    อ้อแล้วเขียนในนี้จัดหน้าลำบากอาจจะอ่านยากหน่อยก็ขออภัยนะครับ
    Saint Gabriel Logan
    enterprize_c@hotmail.com

    จากคุณ : Saint Gabriel Logan - [ 24 ส.ค. 46 21:10:15 A:202.12.73.6 X:unknown ]