ตอนจบของ เธอ เขา เรา ฉัน ภาค ผู้ชนะครับ

    -๔-

    “วันนี้อิ่มจังเลยครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้มากนะครับ” ผมเอ่ยขอบคุณเธอ วันนี้เธอพาผม และเอกไปทานอาหารที่ร้านริมแม่น้ำแม่โขง ซึ่งบรรยากาศดีอย่างมาก ทำให้ผมเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ หลังจากทานอาหารเสร็จก็แวะไปส่งเอกที่บ้านก่อน แล้วจึงแวะมาส่งผมที่รีสอร์ท
    “คะ ดิฉันเห็นคุณมีความสุขอย่างนี้แล้วก็สบายใจ  คือดิฉันคิดว่าน่าจะทำอะไรให้คุณมีความสุขขึ้นมาบ้างเพราะดิฉันคิดว่าคุณน่าจะผ่านเรื่องเลวร้ายมาเยอะ” เธอพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม ผมหยุดเดิน แล้วมองไปยังแม่น้ำแม่โขง ในยามมืดเช่นนี้ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงความมืดมิด แต่ก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่แห่งกระแสน้ำแห่งน้ำได้ไม่ยากนัก เนื่องจากเสียงอันดังของกระแสน้ำที่ซัดเข้ากับโขดหินมาเกาะแก่งต่าง ๆ
    “ไม่หรอกครับ  ผมจะยังมีความสุขไม่ได้เลยถ้าผมยังไม่ชนะ” หญิงสาวงงกับคำพูดของกานต์ปณต
    “แล้วคุณคิดว่า อะไรคือชนะละคะ ถ้าคุณคิดแต่จะเอาชนะเมื่อไร คุณจะมีความสุขได้ อย่าหาว่าดิฉันสอนคุณเลยนะคะ แต่ดิฉันคิดว่า ชีวิตที่มีความสุขคือชีวิตที่ไม่ต้องไปคิดเอาชนะอะไรต่อมิอะไร สิ่งที่เราควรเอาชนะคือตัวเราเองมากกว่าคะ”
    “คุณพูดได้ดีครับ แต่ไม่ใช่ผมในตอนนี้  แต่เอาเถอะซักวันผมจะนึกถึงคำพูดคุณให้มาก ๆ ก็แล้วกัน ว่าแต่คุณเถอะ ว่าผมอย่างนู้นอย่างนี้ เพราะคุณเองก็คงมีเรื่องเจ็บช้ำใจกับผู้ชายใช่ไหมละ ที่ทำให้คุณจึงไม่มีแฟน”
    “ไม่มีอะไรต้องสนใจกับฉันหรอกคะ ฉันอาจเป็นคนที่เกิดมาแล้วผมคงลืมให้หัวใจฉันมาด้วยเท่านั้นเอง”
    “ไม่หรอกครับผมไม่คิดเช่นนั้น หากเป็นอย่างนั้นจริงคุณจะมาสนใจกับเรื่องของผมทำไม ผมว่าคุณเป็นคนที่น่ารักรู้จักที่จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น จริง ๆ นะ ผมไม่ได้ยกยอคุณ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ”
    ผมพูดออกมาพร้อมกับจ้องตาหล่อนด้วยประกายที่สุกใส หากเป็นเช่นปกติคงทำให้หล่อนรู้สึกสะท้านอายด้วยสายตาคู่นั้น แต่นี่หล่อนกับมองตาผมอย่างไม่ละสายตา แต่สายตาที่หล่อนมองผมกับเป็นเพียงสายตาของความเย็นชา เป็นสายตาเหมือนไม่ได้สื่อความหมายใด ๆ อย่างที่ผมต้องการ
    “คุณเคยได้ยิน คำพูดประโยคนี้ไหมคะ เราทุกคนเกิดมาเปรียบเสมือนหยดน้ำหนึ่งหยดเท่านั้น เมืองหยดลงไปในทะเลอันกว้างใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าน้ำหยดนั้นจะอยู่ตรงไหน เพราะมันเป็นเพียงหยดน้ำหยดเดียว แต่ทะเลอันกว้างใหญ่ก็มาจากหยดน้ำเพียงหยดเดียว เราก็เหมือนกันแหละคะ คนหายไปสักหนึ่งคนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่โลกมนุษย์ก็มาจากคนหลาย ๆ คนประกอบเข้าด้วยกันเหมือนหยดน้ำนั้นละ........”
    ผมไม่เข้าใจในเข้าพูดของหล่อนหรอกแต่ดูเหมือนว่าคำพูดของหล่อนช่วงท้าย ๆ จะกลืนลงไปในลำคอ แล้วยิ่งกว่าน้ำที่ปลายตาของเธอเริ่มมีน้ำใส ๆ ไหลซึมออกมา ผมไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะแท้จริงแล้วถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจในคำพูดของเธอ แต่คำพูดของเธอก็ตรงใจของผมอย่างมาก ผมรู้สึกถูกกระแทกจิตใจตัวเองอย่างแรงเหมือนกัน
    “ช่างเถอะคะ ไร้สาระ ..... คือคุณยังไม่กลับกรุงเทพฯ ง่าย ๆ ใช่ไหมคะ วันอาทิตย์นี้ดิฉันจะไปทำบุญที่วัด ที่ปากชม คุณจะไปด้วยไหมคะ จะขับรถเลาะแม่น้ำโขงไปนี่ละคะ คุณมาอยู่นี่ดิฉันยังไม่เห็นคุณไปไหนเลย เพื่อคุณจะได้วิวดี ๆ เพื่อวาดรูปนะคะ”
    หล่อนเอาปลายนิ้วของเธอปาดน้ำตา ที่ตาอย่างเบา ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนประเด็นการสนทนา ซึ่งในข้อเสนอของเธอก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ใช่น้อย ดีซิ ผมจะได้ทำบุญด้วย ผมคิดในใจ ก่อนที่ผมจะทำชั่วด้วยการชำระแค้นผู้หญิงไม่รักดีคนนั้น “เธอ” ผู้ซึ่งจะต้องเจ็บ จะต้องเป็นผู้พ่ายแพ้ ใช่ซิ..........ผมจะต้องแก้แค้น และเป็นผู้ชนะ...........................เธอ
    ***********************

    จากคุณ : ภูผากานต์ - [ 24 ส.ค. 46 21:50:18 A:203.156.46.224 X:192.168.1.110 ]