***รักใสใส....หัวใจสีชมพู*** ( ตอนที่ 6 แล้วเธอก็กลับมาอีกครั้ง ตามคำเรียกร้อง )



    หายหน้าหายตาไปนานเลยค่ะ  ประมาณเดือนกว่า ๆ เกือบสองเดือน   แบบว่าคนเขียนบทแอบอู้  พอได้อู้แล้วชักติดใจสิคะ เลยอู้ยาวไปหน่อย  แหะ ๆ  ตอนนี้เริ่มสำนึกผิดแล้วค่ะ  เพราะนางเอกแอบทวงมา แล้วยังเพื่อน ๆ นางเอกอีก ( ทวงแค่ครั้งสองครั้งคนเขียนก็เลยหลงเข้าใจเอาเองว่าตัวเองเขียนดีจนมีคนอยากอ่านต่อค่ะ ) อิ อิ เลยเกิดสำนึกค่ะ  มาเขียนเรื่องต่อจากตอนก่อน ๆ  ไม่รู้จะมีใครจำได้รึเปล่านะคะ


    งั้นมาทบทวนความจำกันนิดนึงละกันค่ะ


    ***รักใสใส....หัวใจสีชมพู*** ( ตอนที่ 1 เปิดตัวนางเอกแสนซนคนสวย )

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2339764/W2339764.html


    ***รักใสใส....หัวใจสีชมพู*** ( ตอนที่ 2 เปิดตัวพระเอกสุดหล่อคู่ขวัญของหนูยีค่า )

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2340707/W2340707.html


    ***รักใสใส....หัวใจสีชมพู*** ( ตอนที่ 3 ชีวิตของคนสวยก็งี้แหละค่า )

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2344520/W2344520.html


    ***รักใสใส....หัวใจสีชมพู*** ( ตอนที่ 4 เขาเป็นใคร มาจากไหน หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน )

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2353088/W2353088.html


    ***รักใสใส....หัวใจสีชมพู*** ( ตอนที่ 5 พัฒนาการของนางเอกแสนซน )

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2359576/W2359576.html




    พบกับตอนใหม่ได้เลยค่ะ



    ตอนที่ 6 แล้วเธอก็กลับมาอีกครั้ง ตามคำเรียกร้อง ( สมมุติว่ามีละกันนะคะ แหะ ๆ )


    ฮะแอ้ม ๆ  คุณ ๆ ยังจำหนูยีกันได้รึป่าวคะ แหะ ๆ หนูหายไปนานเสียเกือบสองเดือนเพราะคนเขียนเค้างานยุ่งค่ะ
    ( กระซิบ ๆ ~ เท่านั้นไม่พอเธอยังหาเรื่องใส่ตัวเปิดร้านกาแฟใหม่อีก เลยดองเรื่องของหนูยีซะอย่างนั้น )
    พอหนูทวงเข้าหน่อย ก็อิด ๆ เอื้อน ๆ บอกว่างานยุ่งมั่งล่ะ ขี้เกียจบ้างล่ะ  
    ( กระซิบ ๆ อีกที ~สงสัยว่าคงเป็นเหตุผลอันหลังซะล่ะมากกว่า ฮิ.. ฮิ.. )


    กว่าจะตกปากรับคำเขียนตอน 6 นี่ได้ หนูยีก็เลยโตขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ   คุณ ๆ อยากรู้ใช่ไหมล่ะคะ  ว่าหนูโตขนาดไหนแล้ว  ก็ขนาดที่จะไปโรงเรียนได้แล้วล่ะค่ะ  วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกด้วย หนูยีตื่นเต๊น ตื่นเต้นค่ะ รีบตื่นแต่เช้า ให้หม่าม้าช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้ด้วยชุดนักเรียนตัวสวยเสร็จตั้งนานแระล่ะค่า  แต่ผมยังเปียกอยู่เลย หม่าม้าก็ยังแต่งตัวไม่เสร็จสักที  เฮ้อ… หนูยีไปเดินเล่นที่หน้าบ้านดีกว่า


    อ๊ะ… เจ้าดุ๊กดิ๊ก ( ลูกหมาน้อย พันธุ์สแปเนียล ค็อกเกอร์ หูยาวขนสีน้ำตาลเข้ม วิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ แล้วกระโดดเข้าใส่ ) ว๊าย.. ว๊าย.. อย่าเอาขามาตะกุยกระโปรงหนูอย่างนั้นสิ เดี๋ยวชุดหนูเปื้อนหมดสวยกันพอดี วันนี้หนูต้องเจอหนุ่ม ๆ เยอะซะด้วยน๊า เห็นหม่าม้าว่าโรงเรียนที่หนูจะไปเรียนนั้น เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมเลยล่ะ คิดดูละกันว่าจะมีหนุ่ม ๆ เยอะขนาดไหน  อิ..อิ.. แล้วที่สำมะคัญนะ ดุ๊กดิ๊กนะ  ( ทำตาเจ้าเล่ห์ ยิ้มอย่างหมายมาด / ส่วนเจ้าหมาน้อยทำตาบ๊องแบ๊ว แลบสิ้นเลียมือเล็ก ๆ ไม่หยุด ) ก็.. ก็.. ว่าที่เจ้าบ่าวเค้าสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้น่ะสิ คราวนี้แหละ ยีจะได้อยู่กับจานทั้งวันเลย ฮิ..ฮิ.. ( ยิ้มเขิน ๆ หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้ว น้ำลายเริ่มยืดนิด ๆ  / ส่วนเจ้าดุ๊กดิ๊กมองอย่างงง ๆ แล้วเริ่มถอยห่าง )


    อืม… วันนี้จานจะตื่นรึยังน๊า.. ( ชะโงกหน้าไปมองประตูบ้านข้าง ๆ สอดส่ายสายตามองหา )
    ว้า.. สงสัยวันนี้หนูจะตื่นเร็วเกินไปอ่ะ อิ..อิ.. หนูอยากให้จานเห็นหนูในชุดนักเรียนนี่จัง อยากรู้ว่าจานจะตะลึงในความสวยของหนูรึป่าว อิ.. อิ.. ( ยังยิ้มหวาน นัยน์ตาชวนฝัน / เจ้าดุ๊กดิ๊กมองมาแล้ววิ่งจู๊ดไปหลบในบ้านหลังเล็กของมัน พลางโผล่หัวมามองอย่างหวาดระแวง )


    “ ยี  ลูกยี  ไปไหนแล้วเนี่ย “ หว๋า  เสียงหม่าม้าตะโกนเรียกแล้วค่ะ สงสัยจะได้ไปโรงเรียนแระ

    “ ขาาาา…. ยีอยู่นี่ค่ะหม่าม้า “ ( ขานรับเสียงใส แล้ววิ่งตื๋อเข้าไปหาหม่าม้าอย่างรวดเร็ว )


    “ แหม.. วันนี้ลูกยีของหม่าม้า น่ารักจัง ไหนดูซิ “  แหะ ๆ หม่าม้าก็ชมเกินไปแระ หนูเขินน๊า ฮิ.. ฮิ..

    “ อืม.. ผมหนูนี่ยาวมากเลยนะ สงสัยต้องตัดสักทีแล้ว แต่วันนี้หม่าม้าถักเปียให้ก่อนดีกว่า มานี่มา “
    ( จับหนูยีไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วลงมือถักเปียผูกโบว์ให้ )


    อืม.. คุณ ๆ จะนึกภาพหนูยีออกมะคะ  ตอนนี้หนูอายุสามขวบกว่าแล้วค่ะ ตัวกลม ๆ ขาว ๆ แก้มยุ้ย ปากเล็ก ๆ สีชมพูดูน่ารัก (( ที่มักจะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดค่ะ ฮิ.. ฮิ.. / ผู้เขียน )) ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงเอว ทุกทีจะปล่อยยาวสยายแบบนั้นล่ะค่ะ แต่วันนี้หม่าม้าจับถักเป็นเปียสองหาง ผูกริบบิ้นกำมะหยี่สีแดง เข้ากั๊น เข้ากัน กะชุดนักเรียนของหนูยีเปี๊ยบเลยค่ะ ก็เสื้อคอบัวสีขาว กับกระโปรงลายสก็อตสีแดงนี่ไง  ฮิ.. ฮิ.. น่ารักใช่มะล่า   หึ ๆ ๆ  ..หนูคือสาวน้อยกระโปรงแดง ผู้พิทักษ์โลก ( ยืนหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจก ยกมือยกไม้แบบพาวเวอร์พัฟเกิล ) แหะ ๆ ลืมตัวอีกแล้วเรา ( ยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความเขิน )  อึ๋ย.. คุณ ๆ อย่ามองหนูแบบนี้สิคะ หนูเขินน๊า  …ว้า

    “ เอ้า ลูกยี  ไปโรงเรียนกันได้แล้วลูก “ เสียงหม่าม้าเรียกแล้วค่ะ  หนูไปก่อนนะคะ ฮิ.. ฮิ..


    +++ +++ +++


    กว่าจะถึงโรงเรียนที่แม้ว่าอยู่ไม่ไกลนัก  แต่รถติดชะมัดเลยค่ะ คุณ ๆ หม่าม้าหาที่จอดรถตั้งนานแน่ะ  โรงเรียนนี้กว้างมาก แต่ตึกที่หนูต้องมาเรียนนั้นอยู่ด้านหน้าเป็นตึกสองชั้นทาสีฟ้าสดใส มีชิงช้ากับกระดานลื่นที่หน้าตึกด้วยล่ะ เด็กเล็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับหนูวิ่งเล่นกันอยู่หลายคน บางคนก็นั่งร้องไห้กระจองอแง ไม่รู้ว่าเป็นอะไร หนูเองยังงง ๆ เห็นบางคนเกาะขาคุณพ่อคุณแม่แน่นไม่ยอมปล่อย ร้องไห้บอกแต่ว่าจะกลับบ้าน ๆ  อืม.. หรือว่ามันเป็นธรรมเนียมของที่นี่หว่า  หนูจะได้ทำกับเค้ามั่งหง่ะ เห็นเด็กเกือบทุกคนเขาทำกันนี่นา แหะ ๆ ( สอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น )


    “ งั้นหม่าม้าไปล่ะนะ ลูกยี หนูอย่าดื้อ อย่าซนล่ะลูก คุณครูคะ ฝากลูกยีด้วยนะคะ “

    ประโยคสุดท้ายหม่าม้าหันไปพูดกับหญิงสาว หน้าตาหมดจด ใส่ชุดกระโปรงติดกันสีม่วงอ่อนติดระบายลูกไม้สีขาวที่กำลังสาละวนกับการปลอนโยนเด็กคนนั้น คนนี้ นี่ก็คงเป็นธรรมเนียมอีกล่ะซีนะ ฮิ.. ฮิ.. หนูรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ไม่เห็นยากเลย คุณ ๆ ว่ามะคะ ( กระหยิ่มยิ้มย่อง )


    “ ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณแม่ เอาละค่ะเด็ก ๆ อย่าร้องไห้นะคะ มา ไปกันค่ะ น้องยี “

    คุณครูคนสวยยังไม่หยุดปลอบเด็กคนอื่น ๆ แล้วก็มาจูงมือหนูยีจะพาเข้าไปในตึก แต่หนูไม่ลืมค่ะ ว่าธรรมเนียมที่นี่เค้าทำกันยังไง เลยรีบสะบัดมือแล้ววิ่งไปหาหม่าม้าทันที ก่อนที่หม่าม้าจะเดินไปไกลกว่านี้ ไม่งั้นหนูก็เหนื่อยแย่น่ะจิ  ยิ่งวิ่งช้า ๆ อยู่ด้วยอ่ะ ก็แหม..ตัวหนูไม่ใช่เล็ก ๆ นี่นา( แถมยังกลม ฮิ.. ฮิ.. )


    “ หม่าม้าขา  ยีจะกลับบ้าน แง้… “ ( น้ำตาไหลพราก เกาะขาหม่าม้าแน่น ไม่ยอมปล่อยเลยล่ะ ฮิ..ฮิ.. )

    ได้ผลค่ะ เด็ก ๆ ที่กำลังร้องไห้อยู่ต่างก็ชะงัก แล้วหันมามองหนูกันใหญ่เลยค่ะ เป็นไง เป็นไง้ หนูยีซะอย่าง ไม่มีทางแพ้ใครอยู่แล้ว ฮิ.. ฮิ.. ( แอบหัวเราะคิกออกมาทั้งน้ำตานองหน้า ) หวาย.. ลืมตัวอีกแระ หลุดหัวเราะไปอีกแล้วอ่ะ  อึ๋ย… จะถูกสงสัยมั้ยเนี่ยเรา ( รีบกลบเกลื่อนด้วยเสียงร้องไห้ที่ดังกว่าเดิม )


    “ เป็นไรไปลูก เมื่อเช้ายังร้องจะมาโรงเรียนเร็ว ๆ ไม่ใช่หรือ แล้วนี่ร้องไห้ทำไม ดูสิ ใคร ๆ เค้าก็มองหนูกันใหญ่แล้ว เห็นมั้ย ไม่อายเค้าหรือลูก คนเก่งเค้าไม่ร้องไห้อยากจะกลับบ้านหรอก รู้มั้ย “  

    เสียงหม่าม้าดุปนปลอบ หนูเลยหยุดร้องไห้ทันที  อ้าว.. ก็หนูนึกว่าเป็นธรรมเนียมของนักเรียนใหม่ซะอีก เห็นใคร ๆ เค้าก็ทำกันง่ะ ไม่ใช่หรอกเหรอ   เฮ้อ… เสียน้ำตาไปฟรี ๆ เลยเรา ( รีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ) แหะ ๆ เรื่องแบบนี้หนูถนัดนักแล เรื่องกลบเกลื่อนนี่อ่ะ


    “ หม่าม้าจะไปไหนก็ไป ไป๊ หนูจะไปเรียนแระ “

    หม่าม้าทำท่างง เอื้อมมือมาคลำที่หน้าผากลูกสาวคนเดียวด้วยความห่วงใย อืม.. สงสัยจะคิดว่าหนูไม่สบายอีกแล้วล่ะสิ เฮ้อ.. หม่าม้าเนี่ย ไม่เข้าใจวัยรุ่นเล้ย ไปดีกว่า ( เดินจากมาซะเฉย ๆ แบบนั้นเลย ทิ้งให้หม่าม้ายืนงงต่อไป )



    และขณะที่หนูกำลังจะหย่อนก้นลงบนชิงช้าที่อยู่บนสนามหญ้าหน้าตึกนั้นเอง...


    “ เธอ ๆ  เธอชื่อไรอ่ะ “

    เสียงห้าว ๆ ก็ดังขึ้นข้างหลัง เมื่อหันกลับไปก็เห็นเด็กหญิงตัวกลม ๆ ผิวคล้ำ ๆ ผมสั้นแค่หู ยืนจ้องหน้าหนูอยู่ด้วยแววตาแปลกประหลาด อืม.. แต่ก็ดูเป็นมิตรล่ะนะ


    “ ยีจ้ะ “    หนูก็เลยตอบไปตามมารยาทให้สมกับที่เป็นสาวน้อยหน้าตาดี  อิ.. อิ..

    “ นี เหรอ “     เด็กหญิงที่ยืนประจันหน้ากับหนูอยู่นั้น ท่าทางจะหูไม่ดีค่ะ คุณ ๆ

    “ ไม่ใช่ ยี ต่างหากล่ะ ยี “     หนูจึงพยายามเน้นเสียงให้เธอเข้าใจค่ะ ด้วยความอดทนที่สุด

    “ หา.. ดีเหรอ อืม.. ชื่อ ดี “    ดูเธอสิคะ  ไปกันใหญ่แล้วนั่น   เฮ้อ…หนูล่ะเหนื่อย

    “ ยีค่ะ ไม่ใช่ ดี แล้วก็ไม่ใช่ นี ด้วย “    อืม.. น้ำเสียงชักมีโมโหแล้วนะ

    “ เอ๊าะอ๋อ ชื่อ บี ไม่ใช่ ดี “   โอ๊ย… อยากจะหาไม้แคะหูให้เธอสักอัน เอาฟะ บีก็บี ก็หนูเหนื่อยแล้วอ่ะ

    “ เออ.. บี ก็ บี “ หนูเลยทำเป็นเออออให้มันจบ ๆ ไป ใจนั้นอยากจะหนียัยคนนี้ไปให้ไกล ๆ เสียที

    “ อ้าว ชื่อยี หรอกหรือ ฟังมาตั้งนาน “   หึ ๆ ๆ เอากะเธอสิคะ ยัยคนนี้ หนูยีอยากจะกรี๊ดอ่ะค่ะ



    “ อืม..แล้วเธอชื่อไรล่ะ “

    ก็ถามไปตามมารยาทค่ะ เดี๋ยวจะเสียภาพพจน์สาวสวยมารยาทงาม ไม่ได้อยากรู้อะไรนักร๊อก


    “ กานต์จ้ะ แล้วนี่ก็กอล์ฟ อ่ะ ส่วนนี่ ชินจัง “ เหอ ๆ มาจากไหนอีกสองล่ะเนี่ย หนูไม่ทันจะเห็นแฮะ


    “หวัดดีจ้ะ ยี เราชื่อ กอล์ฟนะ “ สาวน้อยชื่อกอล์ฟส่งยิ้มมา ส่วนชินจังยืนยิ้มนิ่ง ๆ ไม่พูดว่ากระไร


    กอล์ฟเป็นสาวน้อยร่างเล็ก ผมยาวถักเปียสองหางเหมือนกันกับหนูนี่แหละ แต่เธอผูกริบบิ้นสีชมพู เวลายิ้ม จะเห็นฟันเขี้ยวสองข้าง น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ แต่…น้อยกว่าหนูหน่อยนึง  อิ.. อิ..


    ส่วนชินจังนั้น เป็นหนุ่มน้อย หน้าตาคล้ายเด็กญี่ปุ่น อืม…ถ้าจะให้ถูก ต้องว่าเหมือนลูก ยาkuซ่า อ่ะค่ะ แบบหน้าดูโหด ๆ น่ากลัว ๆ ค่ะ แต่นัยน์ตาใสแจ๋วนั้นหนูว่าเค้าน่าจะเป็นคนอ่อนโยนซะล่ะมากกว่า แหะ ๆ


    “ พวกเธอเพิ่งมาเรียนวันนี้เหมือนกันเหรอ “  

    หนูเริ่มที่จะรู้สึกดีกับเพื่อนใหม่ที่ไม่ใช่เจ้าดุ๊กดิ๊ก ลูกหมาตัวโปรดซึ่งเป็นเพื่อนเล่นขณะที่อยู่บ้านแล้วล่ะ


    “ ใช่ ๆ กานต์ กอล์ฟ แล้วก็ชินจัง อยู่บ้านใกล้ ๆ กัน แล้วก็มาเรียนด้วยกันเป็นวันแรก “

    กอล์ฟเอ่ยเสียงใส เสียงของเธอน่ารักไม่แพ้รอยยิ้มที่มีเขี้ยวสเน่ห์นั่นเลยค่ะ แหะ ๆ แต่หนูน่ารักกว่านะคะ


    “ แล้วนี่ เมื่อกี้ยีร้องไห้ทำไมอ่ะ “  

    ชินจังเพิ่งจะเปิดปากพูดออกมาเป็นครั้งแรก แต่แค่คำถามแรกก็ทำเอาอึ้งแระ


    “ แหะ ๆ ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย “  

    หนูยิ้มกลบเกลื่อนเกือบไม่ทันแน่ะค่ะ  ทำไมต้องถามเรื่องนี้ด้วยว้า เรื่องอื่นมีตั้งเยอะแยะไม่ถาม


    “ ดีเนอะอยู่บ้านใกล้ ๆ กันอ่ะ ยีไม่มีเพื่อนเลย แถวบ้านมีแต่เด็กโต ๆ ทั้งนั้น “


    ใจหนูอดคิดไปถึง พี่หมิงไม่ได้ ถ้าคุณ ๆ ได้อ่านตอนที่ 3 คงจะจำกันได้ถึงหนุ่มน้อยที่ชอบมาขโมยหอมแก้มหนูอยู่บ่อย ๆ  อืม… ตอนนี้ พี่หมิงเค้าเรียน ป.3 แล้วค่ะ แต่ไม่ค่อยได้มาเล่นกับหนูยีแล้วล่ะ  และถึงอยากจะมาเล่น หนูก็ไม่เล่นด้วยหรอก คนอะไร จะเล่นแต่เกมส์หอมแก้มอย่างเดียวง่ะ ขาดทุน ๆ  อืมนะ… ถ้าเป็นจานก็ว่าไปอย่าง สุดที่รักหนึ่งเดียวในใจตลอดกาลค่ะ แหะ ๆ หนูรักเดียวใจเดียวน๊า


    " งั้นตอนนี้ พวกเราก็เป็นเพื่อนของยีแล้วไง จริงมะ "

    เด็กหญิงที่ชื่อกานต์เพิ่งจะพูดได้เข้าหูหนูเป็นครั้งแรก กอล์ฟยืนยิ้มโชว์เขี้ยวพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนชินจังยังคงรักษามาดนิ่ง ๆ ไว้เช่นเคย



    “ เอ้า  เด็ก ๆ เข้าห้องเรียนกันได้แล้วค่ะ “  


    อุ๊ย  เสียงคุณครูคนสวยเรียกแล้วค่ะ  หนูไปเข้าห้องเรียนก่อนนะคะ  แล้วหนูค่อยมาเล่าต่อนะคะ


    +++ +++ +++


    ขออนุญาตจบลงตรงนี้ก่อนนะคะ แบบว่าต้องไปสลัดตัวขี้เกียจออกซะก่อน ไม่งั้นเขียนไม่ออกอ่ะค่ะ แหะ ๆ


    จากคุณ : syringe - [ 26 ส.ค. 46 18:44:18 ]