เราเกือบจะลืมเรื่องราวที่ผ่านมานานเนิ่นนั้นไปแล้วนะ ถ้าเพียงแต่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาจะไม่ไปค้นพบไดอารี่เล่มเก่าเก่า ที่เราเองบันทึกเรื่องราวของตัวเองเอาไว้ เรื่องราวที่มีทั้งความรัก ความสุข ทุกข์ และความสมหวัง ตลอดระยะเวลาหลายหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่รู้จักเขา ผู้ชายของความรู้สึกดีดีคนนั้น
จดหมายเก่าๆที่เราเขียนถึงเขาเกือบจะทุกวัน ในเวลาที่เราไม่สามารถพบหน้าค่าตาเขา อาจจะเพราะหน้าที่การงาน และที่อยู่ ห่างไกลกันด้วยมั้ง ที่ทำให้ต้องทำแบบนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้วเราก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ไกลกันมากมายนัก แต่ไอ้ความที่เราเป็นนักเขียน ชอบที่จะเขียน รักที่จะเขียน เราก็เลยชอบที่จะเขียนจดหมายถึงเขา อยากให้เขาได้อ่านจดหมายของเราทุกๆวัน
จนบางครั้ง เจ้าตัวผู้รับโอดครวญมาตามสายโทรศัพท์ว่า ถูกบุรุษไปรษณีย์ล้อเลียน เพราะเขาต้องมาส่งจดหมายให้เขาทุกวัน
ก็มันช่วยไม่ได้ เราต้องการให้เขาได้อ่าน ต้องการให้เขาได้รับรู้ความเป็นไปของเรา ของกันและกัน ถึงเขาจะไม่ชอบเขียนจดหมาย แต่..เพียงแค่เขาก็ยอมอ่านจดหมายยาวๆของเราได้ทุกวัน เราก็พอใจแล้ว และตราบใดที่เขายังอ่าน เราก็จะเขียนของเราไปเรื่อยเรื่อย และมีบางฉบับที่เราเขียนเอาไว้ แต่ไม่ได้ส่ง เพราะเราเกิดเปลี่ยนใจกระทันหัน ก็มันคุยกันไปทางโทรศัพท์หมดแล้ว จดหมายที่ว่าจะส่งไปหาเขาก็เลยไม่จำเป็นนะสิ
และเรื่องราวที่ผ่านนานหลายปีนั้นมันก็ถูกเก็บเอาไว้ในไดอารี่เล่มโปรด ที่เรามักจะเขียนเรื่องราวและความรู้สึกของเราทุกวัน วันละหลายๆๆหน้า เพื่อว่า วันหนึ่งเราจะเอาความรู้สึกที่มี ที่ได้รับจากเขาถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ เช่นในเกือบทุกเรื่องที่เราเขียนหนังสือ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นพระเอกในนิยายเกือบทุกเรื่องที่เราเขียน ถ้าใครอ่านงานของเราทั้งสองเล่มจะรู้ว่า มีเงาจางๆของคนในความรู้สึกของเราคนนี้แทรกซึมอยู่ด้วย เราเขียนมาจากความรู้สึกที่เเรามีต่อเขาจริงๆ และ นับจากวันที่เธอตัดสินใจ เลิกรา กับเขา เราก็หันหลังให้ไดอารี่เล่มโปรดที่เราเขียนค้างเติ่งเอาไว้...
นับตั้งแต่..วันที่เขาแต่งงาน เราก็หยุดเขียนไดอารี่เล่มนั้นไปเลย และไม่เขียนไดอารี่อีกเลยนับจากเวลานั้น นอกจากจะไม่เขียนแล้ว เรายังไม่ยอมที่จะเอ่ยถึงชื่อของเขา ไม่ยอมที่จะเปิดอ่านไดอารี่เล่มใดๆที่มีเรื่องราวของเขา ที่เราบันทึกเอาไว้เกี่ยวกับตัวเราและเขาเอาไว้อีกเลย
แม้ว่าในวันเก่าก่อนนั้น เราชอบที่จะหยิบไดอารี่เล่มโปรดนั้นขึ้นมาอ่านก่อนนอน ราวกับเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งก็ไม่ปาน และ เราก็ไม่แม้แต่จะเขียนจดหมาย เราไม่เขียนจดหมายมานานแล้วเช่นกัน เพราะแค่นึกถึง แค่จับปากกามาว่าตั้งใจจะเขียน ความรู้สึกปวดเปร่า
ที่มีในใจ มันก็จะปะทุระอุขึ้นมาทำลายปราการแข็งๆที่ใจเราก่อร่างสร้างกำแพงเอาไว้นั้นเสียทุกครั้ง เราเลยเลือกที่จะหันหลังให้มัน เพื่อว่าเราจะได้ไม่เจ็บปวดเมื่อต้องนึกถึงมัน นึกถึงความรู้สึกดีดี...ที่ผ่านมานั้นอีก
และเมื่อใจเราเข้มแข็งแล้ว ประโยชน์อะไรที่เราจะต้องหันหน้าไปพบกับความเจ็บปวดของวันเก่าเก่าอีกล่ะ ในวันนี้...เรากล้าที่จะหยิบมันออกมาเปิดอ่านอีกครั้ง ด้วยความรู้สึก ที่บอกตัวเองว่า กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ความรู้สึกที่มีให้แก่กันนั้นมัน
..ไม่เคยลางเลือนไปจากใจเราเลย
ก่อนหน้านี้เราลืมความรู้สึกนี้ไปนานแล้ว ถ้าเพียงแต่ค่ำคืนที่ผ่านมาจะไม่ได้รับการกระตุ้นจากใครคนหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเพลงเพลงหนึ่งที่ใครคนนั้นร้องให้เราฟังในค่ำคืนวันหนึ่ง ความหมายของเพลงมันลอยมากระทบใจอันแสนหงอยเหงาของเรา จนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ค่ะ ฉันร้องไห้กับเพลง เพลงนั้นที่ใครคนนั้นร้องให้เราฟัง
และแล้ว
.มันก็ทำให้เรายอมเปิดอ่านไดอารี่เก่าๆสามสี่เล่มของตัวเอง และกลายเป็นที่มาถึงเรื่องราวเหล่านี้ในวันนี้
.มอบให้ผู้ชายของความรู้สึกดีๆๆคนนั้น...รู้ไว้นะ เธอคงอยู่ในใจฉันตลอดไป..ตามสัญญาที่มีให้กันและกันไว้นานนับสิบปี..คนนั้น
+++ ปี 2546 มกราคม +++
ภัทรลดากำลังจะเดินออกจากงานเลี้ยงรุ่นไปที่ลานจอดรถของโรงแรม ที่เธอเดินทางมาร่วมงานนั้นแล้วแท้ๆ ถ้าเพียงแต่จะไม่มีเสียงเอ่ยเรียกจากชายหนุ่มอีกคน คนที่เธอพยายามหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขามาตลอดงานเลี้ยงของค่ำคืนนี้ เขา เขาคนเดียวจริงจริง ที่เธอเอ่ยบอกเขาได้อย่างเต็มปากว่า รัก แต่ นั่นมันก็นานมาแล้ว และนานกับความรู้สึกนั้นมากแล้ว
มือคร้ามใหญ่ที่ทั้งหนาและนุ่มของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ เอื้อมมาบีบกระชับมือเรียวบางของ ภัทรลดา พยาบาลสาวร่างโปร่งบางนั้นเอาไว้อย่างเบามือ เขานุ่มนวล อ่อนโยนกับเธอเสมอ และทุกครั้งที่พบกัน ตลอดเวลาที่คบหากันมาไม่ว่าจะเป็นแบบเพื่อน และคนรัก ภัทรลดาจำเสียงของเขาได้ กี่วันกี่เดือน กี่ปีเธอก็จำเสียงเขาได้ จำได้แม้แต่เสียงฝีเท้าของเขา
แม้ว่าขณะนี้ เธอจะไม่หันหลังกลับไปมองคนที่ยืนกุมมือเธอที่ยืนอยู่เบื้องหลัง เธอก็รู้ได้ว่า เขายืนจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่มีแต่ความรู้สึก รัก เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากเธอเลยจริงๆ
เขา อภิเชษฐ์ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกว่าร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเศษๆ (หน้าตาละหม้ายไปทางดาราหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่คนเขียนชื่นชอบ) ภายใต้ท่าทีเคร่งขรึม แต่เขาจะดูอบอุ่นเสมอ และความอบอุ่น ความอ่อนโยนที่เขามี เขาแสดงออกมา มันละลายท่าทางแข็งแข็ง เกเร และดื้อรั้นของเธอที่มีได้ชะงักนัก และเป็นเขาคนเดียวจริงจริงที่ทะลายปราการของหัวใจอันทั้งแข็งและกร้าวในใจเธอได้..
แต่กว่าจะสำเร็จและครอบครองหัวใจเธอได้มันก็นานโขเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยเรียน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เราคบหากันมานานร่วม 12 ปี นับจากเพื่อน เพื่อนรู้ใจ คนพิเศษ และคนรัก มันนานมากมาก กว่าที่เขาจะละลายปราการในใจที่เธอสร้างขึ้นมานั้นได้
ลดา ผมดีใจที่พบคุณอีกครั้ง
อภิเชษฐ์เอ่ยออกมาในสุด ภายหลังจากที่เขาเดินตามมาทันเธอที่ลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางเมืองสกลนคร ที่ทางสมาคมศิษย์เก่าของโีรงเรียนที่เป็นรุ่นของเธอได้จับจองเอาไว้จัดงานเลี้ยงรุ่น และปีนี้ก็เป็นอีกปีที่ทางรุ่นเธอพากันจัดขึ้น และเธอก็หลบเลี่ยงที่จะมาเลี้ยงรุ่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ปีนี้ขัดไม่ได้ เพราะเพื่อนๆต่างก็โทรมาชวน เพราะ เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่ยอมออกมาพบหน้าเพื่อนฝูงมานานมากแล้วนับตั้งแต่ เธอเลิกรากับอ่าว หรือ อภิเชษฐ์ และเขาก็แต่งงานไปนานร่วมสามปี ท่ามกลางความแปลกใจของใครต่อใครเมื่อล่วงรู้ถึงข่าวการที่เธอและอภิเชษฐ์เลิกราต่อกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีเพื่อนคนใดกล้าที่จะถาม ถึงเหตุผลของการตัดสินใจของภัทรลดา เลิก ของเธอ
คำพูดแปร่งปร่าของชายหนุ่ม ที่ครั้งหนึ่งแสนจะคุ้นเคย และรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขทุกครั้ง ยามที่ได้พูดคุยกันนั้น ทำให้ร่างโปร่งบางของภัทรลดาที่กำลังจะเดินหายเข้าไปในรถยนต์ส่วนตัวของเธอ ถึงกับหยุดชะงัก และราวกับว่าเท้าทั้งสองข้างของเธอมันจะถูกตราตรึงเอาไว้ด้วยแรงเหนี่ยวรั้งขนาดใหญ่มหาศาล ที่ทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงที่จะหันหลังเดินจากมา เดินจากมาเช่นทุกครั้งที่เธอพบเขา เช่นทุกครั้งที่เธอรู้ว่าที่ที่เธอจะไปมีเขาไปด้วย และเช่นทุกครั้งที่เธอรู้ว่า มีความห่วงใยเล็กเล็กน้อยน้อย และมีมาให้เธอเสมอและตลอดมานั้น ถ้าเธอรู้ว่าเธอรู้ว่าเขาจะไปทางไหน หนทางใดก็ตาม เธอจะหาทางเลี่ยงที่จะพบเจอเขาให้ได้เสียทุกครั้ง และเธอก็หลบหน้าหลบตาเขามาสามปี นับตั้งแต่เขาแต่งงานแล้วนะล่ะ
มันเจ็บปวดนะ กับการที่เราต้องพบหน้าพบตาคนที่เรารู้สึกว่า เรายังรักเขาอยู่ และเราก็รู้ว่า เขาก็ยังรักเราอยู่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เราไม่อาจจะร่วมชีวิตกันได้ และเหตุผลนั้นเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากบอกใคร นอกจาก เขา และพี่สาวคนหนึ่งที่ทำงานร่วมกับเขา ที่เธอมักไปอาศัยนอนค้างเวลาที่เธอไปเยี่ยมเยียนเขาที่สถานีอนามัย ในเวลาที่เธอรู้สึกว่า คิดถึง ในช่วงระยะเวลาที่เราคบหากันนั้น
(มีต่อค่ะ รอแป้บ)
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 46 15:05:46
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 46 03:43:15
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 46 02:38:37
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 46 02:38:18
จากคุณ :
พยาบาลเกเร
- [
28 ส.ค. 46 02:28:47
]