การเกิดเป็นมนุษย์ออฟฟิศนี่ใครจะว่าดีอย่างไรผมไม่ขอเถียง แต่หากมีใครว่าไม่ดีผมก็พร้อมจะชูจักแร้เชียร์เต็มที่ ด้วยสาเหตุที่ว่าผมนั้นก็เป็นมนุษย์ออฟฟิศหรือเขาเรียกกันโดยทั่วไปไม่ใช่ทั่วมาว่ามนุษย์เงินเดือนกับเขาเหมือนกัน ซึ่งต้องอาศัยช่องว่างระหว่างเวลาตอกบัตรเข้าและออกเป็นตัวกำหนดรายได้ อีกทั้งยังมีตัวแปรเป็นสีของตัวเลขนั้นอีกต่างหาก คือถ้าเป็นตัวแดงแล้วจะถือว่าสาย ถ้ามีตัวแดงหลาย ๆ ทีในแต่ละเดือนก็จะส่งผลให้รายได้อันน้อยนิดนั้นถูกหักให้เหลือน้อยลงไปอีกได้ ดังนั้นการไปทำงานให้ทันตอกบัตรอันหมายถึงเวลาก่อนแปดโมงตรง ทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ จึงเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่เหนือกว่างานอื่น ๆ ที่ทำอยู่เป็นประจำซะอีก ไม่เชื่อคุณ ๆ ก็ไปถามใครก็ได้
เช้าวันนี้จึงเป็นเช้าอีกวันหนึ่งที่ผมเร่งรีบ ก็ด้วยเมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับ ก็เพราะก่อนหน้านั้นผมดันไปทานกาแฟขมปี๋เข้าไปถึงสองช้อนเต็ม อาบน้ำอาบท่า(ทำไมต้องอาบท่าด้วย??)เรียบร้อย แก้ผ้าผ่อนเอ้ยนุ่งผ้าผ่อนเตรียมนอน ปิดน้ำปิดไฟปิดโทรทัศน์ตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่ม ก่อนล้มตัวลงนอนยังอุตส่าห์เปิดหน้าต่างไปชะโงกดูพระจันทร์ดวงที่สองที่เขาว่าเป็นแสงสีส้มสวยนักสวยหนา เห็นอยู่เหมือนกันแหละครับแต่ไม่เห็นจะสร้างความประหลาดใจอะไรให้เกิดขึ้นแก่ผมเลย มันก็แค่เป็นดวงดาวที่ส่องแสงมากกว่าชาวบ้านเขาหน่อยหนึ่งเท่านั้น ไอ้ที่ว่าสีส้ม ๆ นั้นมองอย่างไรก็ไม่เห็นมันจะส้มที่ตรงไหน แต่ไม่เป็นไรก็ถือเสียว่าได้ดูเป็นบุญตา เขาว่ากว่าจะได้ดูอีกครั้งก็อีกตั้งสองร้อยสามร้อยปีข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้นเข้าจริง ๆ ผมอาจจะไม่มีเวลาดูเพราะไปติดธุระอยู่ที่ไหนก็ได้
เมื่อล้มตัวลงนอนก็ต้องห่มผ้าสิครับ ห่มผ้าไปสักพักก็รู้สึกร้อน พัดลมตัวกระจ้อยไม่สามารถพัดเหงื่อที่ซึมมาทางแผ่นหลังและตามข้อหนีบของแขนขาให้แห้งไปได้ อย่าถามเลยครับว่าในเมื่อร้อนแล้วทำไมต้องห่มผ้า ก็เพราะว่าถ้าไม่ห่มผ้าผมก็จะรู้สึกหนาว ผมเคยลงความเห็นในฐานะแพทย์ส่วนตัวของตัวเองว่า ผมคงเป็นโรคจิตหน่อย ๆ ที่ต้องนอนห่มผ้าทุกคืนก่อนจะหลับ ส่วนผ้าห่มนั้นจะถูกห่มอยู่ในตำแหน่งไหนเวลาหลับไปแล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง
ผมก็เลยต้องลุกไปเปิดแอร์ แหม
ไม่อยากจะบอกเลยว่าแอร์ของผมตัวนี้เป็นแอร์ที่เสียงเพราะที่สุดในโลก พอเปิดขึ้นมาแล้วก็เหมือนเปิดวิทยุระบบลำโพงรอบทิศทาง เสียงครางฮือดังสะท้อนไปมาฟังแล้วเพลิดเพลินยิ่งนัก มันใช้เวลาอยู่เกือบสิบนาทีกว่าจะทำให้ห้องประมาณสามสิบตารางเมตรนั้นเย็นขึ้นมาได้บ้าง ผมนอนยิ้มกริ่มปิดเปลือกตาใต้ผ้าห่มอย่างมีความสุข ในสมองก็คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยตามประสาคนไม่เคยทำสมาธิอะไรกับเขาได้ เวลาผ่านไปไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ผมพลิกตัวเองด้วยท่วงท่าตามคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธจากเจ้ายุทธจักรนิรนามประมาณพันห้าร้อยท่า ความง่วงก็หาได้เข้ามาครอบงำผมแต่อย่างใดไม่
เที่ยงคืนผ่านไปในขณะที่ผมลุกขึ้นมาเปิดตู้เย็นมองหาอะไรใส่ท้อง เพราะได้ลงความเห็นว่าที่นอนไม่หลับนอกจากเพราะฤทธิกาแฟเมื่อเย็นแล้วอาจจะเป็นเพราะท้องว่างก็เป็นได้ ก้มหน้ามองเข้าไปในตู้เย็นซึ่งมีของเต็มไปหมดแทบไม่มีที่ว่าง เห็นที่พอจะทานได้มีอยู่แค่อย่างเดียว นั่นคือเงาะค้างปีที่ขนเหี่ยวดำปี๋ไปแล้ว เมื่อลองแกะดูข้างในก็ยังคงใสปิ๋งและชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ ลองใช้ลิ้นแตะ ๆ ดูทดสอบว่ามันบูดเน่าไปหรือยัง ก็ปรากฏว่ายังหวานเจี๊ยบชื่นใจอยู่ จึงหยิบออกมาสามสี่ลูก เดินไปเดินมาท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องขณะแกะเงาะทานไปด้วย แต่แล้วก็ต้องร้องจ๊ากออกมาอย่างลืมตัวด้วยเสียงที่ไม่เบานัก เพราะเงาะลูกที่สามมันพุ่งน้ำออกมาในทันทีที่ผมจิกเล็บลงไป ปริ๊ดเดียวเต็มหน้าเลย ยังมีบางส่วนที่ตกสู่พื้นเปรอะเปื้อนไปหมดเลย
ก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าน้ำเงาะนั้นเหนียวขนาดไหน และผมก็เป็นคนนิสัยเสียอยู่อีกอย่างที่ไม่ชอบเดินบนพื้นเหนียว ๆ เช่นนั้น ก็เลยจำใจต้องเปิดไฟอีกครั้ง ใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำมาถูที่พื้นและถูที่หน้า ฮะฮะ..เปล่าหรอกครับ ผมไม่ได้เพี้ยนถึงขนาดเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดหน้าขนาดนั้น ผมล้างหน้าล้างตาแล้วก็ปิดไฟล้มตัวลงนอนต่อ
แต่ให้ตาย..ผมนอนไม่หลับ ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ก็เลยเปิดทีวีขึ้นอีกครั้ง ดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยจนเกือบจะตีสอง ในตอนนั้นผมบอกกับตัวเองว่าดีเหมือนกันจะได้รอดูรีลแมดดริคซะเลย ช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณเขาจะถ่ายทอดฟุตบอลตอนตีสองกว่า ๆ พอดี
ผมเปิดทีวีทิ้งไว้ช่องที่ว่า แล้วอยู่ ๆ ทำไมถึงเช้าได้ก็ไม่ทราบ ตกใจตื่นขึ้นมาก็ต้องตกใจอีกเป็นคำรบสอง เพราะเมื่อผมเหลือบตามองนาฬิกามันบอกเวลาอีกห้านาทีแปดโมง
อ๋อย..ตายแน่เลย วันนี้มีประชุมเช้าซะด้วย
ความเร่งรีบของคนรีบร้อนอย่างผมเกิดขึ้นในวินาทีนั้น น้ำฝักบัวที่พร่างพรำลงมานั้นใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็ถูกปิด ผมอาบน้ำฟอกสบู่และแปรงฟันไปได้ในเวลาเดียวกัน เสื้อผ้าถูกใส่อย่างลวก ๆ เท่าที่พอจะหาได้ แล้วก็วิ่งถลาออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว
ถลาไปที่ลิฟท์ ลิฟท์ที่ไม่น่าจะถูกเรียกว่าลิฟท์เพราะมันเร็วกว่าการวิ่งขึ้นลงบันไดไปไม่กี่มากน้อย ถึงกระนั้นผมก็รอที่จะใช้มัน เกือบสองนาทีเต็ม ๆ กว่าลิฟท์จะเดินทางมาถึง และต้องเสียไปอีกสองนาทีเกือบเต็มที่กว่ามันจะพาผมลงมาชั้นล่างได้
วิ่งไปที่รถ อ้าว..กุญแจรถอยู่ไหน..หวา..ลืมไว้ที่ห้อง เฮ้อ..เวรกรรม
วิ่งกลับไปที่ลิฟท์ ตอนนี้มันขึ้นไปที่ชั้นสิบเอ็ดซึ่งเป็นชั้นบนสุดซะแล้ว จะรอก็คงจะเสียเวลาไม่น้อยกว่าสองสามนาทีก็เลยไม่รอ ตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดไปทันทีโดยลืมไปว่าห้องของผมนั้นอยู่ถึงชั้นแปด มานึกได้เอาตอนที่หยุดเหนื่อยหอบที่ประมาณชั้นห้า และที่นึกได้เป็นประโยชน์ข้างเคียงก็คือนึกได้ว่าตัวเองนั้นแก่แล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะวิ่งขึ้นบันไดเล่นได้อีกต่อไป
แต่ด้วยความมานะพยายามอันติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่เด็ก ๆ (ติดมานิดเดียวเองครับ) ผมก็พาตัวเองไปถึงชั้นแปดจนได้ ยืนหอบอยู่พักใหญ่ที่หน้าประตูห้อง สองมือล้วงกระเป๋าเพื่อหากุญแจห้อง หาอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอ หัวใจที่เต้นริก ๆ ด้วยความเหนื่อยนั้นแทบจะหยุดเต้นไปซะให้ได้ด้วยความอยากตายของตัวเอง
ผมลืมกุญแจห้องไว้ในห้องพร้อมกับกุญแจรถนั่นเอง!!
ด้วยความสังเวชตัวเองเหลือขนาด ผมทรุดกายลงนั่งยอง ๆ ใช้แผ่นหลังพิงประตู พยายามหาทางออกให้กับตัวเอง นึกได้ว่ายังมีกุญแจห้องที่ทำสำรองไว้อยู่นี่นา ทั้งกุญแจรถและกุญแจห้อง ดีนะนี่ที่ความรอบคอบของผมยังมีอยู่บ้าง ผมนึกชื่นชมตัวเองอยู่ในใจพักใหญ่
แต่แล้ว
.ให้ขาดใจตายดิ้นปั้ด ๆ ไปตรงนั้น เมื่อผมนึกขึ้นมาได้ว่า กุญแจสำรองของรถนั้นอยู่ในห้อง ส่วนกุญแจสำรองของห้องในอยู่ในรถ เท่านั้นเองลมก็ตีขึ้นจากท้องจนเรอออกมาดังเอื๊อกกกก
สองขาเหยียดยาวเพราะหมดแรง ทิ้งก้นลงพื้นด้วยความสิ้นหวัง เหงื่อซึมเต็มหน้าและเต็มตัว ผมจะทำอย่างไรดีในสถานการณ์เช่นนี้?
เป็นคุณ ๆ ล่ะครับ จะทำอย่างไร? ระหว่างการงัดห้องเพื่อเอากุญแจรถ กับการงัดรถเพื่อเอากุญแจห้อง???
..
สุดท้ายผมมาเข้าประชุมตอนสิบเอ็ดโมงกว่า คือไม่นานมานี่เอง มาถึงก็ปิดประชุมทันที ที่ปิดประชุมทันทีก็เพราะเขาเลิกประชุมกันไปแล้วนั่นเอง
ที่พล่ามมาทั้งหมดนี้ก็ไม่อะไรหรอกครับ คือไม่รู้จะบ่นกับใครในความงี่เง่าของตัวเอง ก็เลขขออนุญาตบ่นกับเพื่อน ๆ ณ ที่นี้ อย่างไรล่ะก็เอาเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ป้องกันอย่าให้เกิดขึ้นกับเพื่อน ๆ นะครับ
นี่ผมก็ว่าจะหาคู่ใจมาอยู่คู่ห้องซักคน จะได้ช่วยปลุกช่วยหยิบช่วยฉวยช่วยเตือนอะไรได้บ้าง กะว่าจะลงโฆษณาหาเอาทางอินเตอร์เน็ต ใครที่รู้ว่าเวปไหนที่ผมจะลงโฆษณาได้ ก็โปรดช่วยทำลิงก์ให้ด้วยเถอะครับ สงสารคนแก่ตาดำ ๆ คนนี้เถอะ
อ้อ..ส่วนเรื่องงัดรถหรืองัดบ้านนั้น ผมไม่ค่อยอยากจะบอกเลยครับว่า ผมต้องงัดทั้งสองอย่าง เพราะงัดบ้านก็งัดไม่ออกเลยหันมางัดรถ แต่อย่าคิดว่าออกนะครับ ผมต้องโทรศัพท์ไปเรียกช่างกุญแจมาทำให้ ปรากฎว่าทั้งบ้านทั้งรถเลยมีร่องรอยการงัดแงะติดประจานความขี้ลืมของตัวเองมาจนกระทั่งบัดนี้
เฮ้อ
..
.
จากคุณ :
แทน*-*
- [
28 ส.ค. 46 12:51:50
]