คําสาปรัก บทที่ 7

    กลับมาแล้วคะ...ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะคะที่มาติดตามอ่าน เหลืออีกสามบทเท่านั้น ต้องกลับไปนั่งปั่นแปลต่อคะคืนนี้

    บทที่ 7

    ในคืนนั้นเคลินนอนหลับอย่างเงียบสงบและผ่อนคลาย บริอาน่าใช้เวทมนตร์ของเธอทําให้เขาหลับและมีความฝันที่สวยงามเธอไม่ต้องการให้สิ่งใดมารบกวน

    เคลินฝันถึงผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งคร่อมอยู่บนหลังม้าสีดําสง่างาม กําลังควบม้าผ่านภูเขาใหญ่น้อย ชายคนนั้นควบม้าผ่านลําธารสายนํ้าแตกซ่านสาดกระเด็น เสื้อคลุมสีเทาของเขาปลิวไสวปะทะกับลมหนาวที่พัดมากระทบร่างของเขา และมีแม่มดผู้หนึ่งเฝ้าคอยเขาอยู่ที่ปราสาทสีเงินที่อยู่บนยอดของหน้าผาสูงชันสว่างไสวไปด้วยเทียนและคบไฟที่ส่องแสงสว่างจ้าเห็นได้แต่ไกลรอคอยเขาอยู่

    ณ ปราสาทแห่งนั้นมีลูกแก้วคริสตัลที่ใสเหมือนนํ้า ลูกแก้ววิเศษณ์ส่องให้เห็นถึงโลกที่ดําเนินผ่านไปจากทศวรรษหนึ่งไปสู่อีกทศวรรษหนึ่งและจากศตวรรษหนึ่งไปสู่อีกศตวรรษ
    หนึ่ง

    ณ ปราสาทแห่งนั้นมันมีความรักที่สวยงามอ่อนหวานระหว่างเขาและเธอที่มีความปรารถนาในกันและกัน และเมื่อเขามาหาเธอในยามคํ่าคืนมันเหมือนกับความฝันที่
    สวยงามเธอต้อนรับเขาด้วยหัวใจทั้งหมดของเธอยอมรับเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขใดใดทั้งสิ้น

    ส่วนบริอาน่าไม่สามารถหลับตาลงได้และเธอก็ไม่ได้ฝันถึงสิ่งใด เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะที่พระจันทร์สีขาวกําลังลอยขึ้นมาส่องสว่างอยู่บนฟากฟ้ายามราตรี และ
    เธอรู้สึกถึงได้ว่ามือของเขาสั่นสะท้านอยู่เป็นระยะๆ

    ใครกันนะที่รักเธอ หล่อนสงสัย คาล หรือ เคลิน แห่ง ฟาเร็ลล์ เธอหันไปซบหน้าลงกับไหล่กว้างของเขาเสาะหาความอบอุ่นใจเพื่อที่จะลี้ภัยจากความหวาดกลัวใจหัวใจ
    ของเธอในคํ่าคืนสุดท้ายนี้ก่อนที่เธอจะต้องไปเผชิญหน้ากับชะตากรรมของเธอในวันพรุ่งนี้

    เคลินจะต้องปลอดภัย เธอคิดในใจ วางมือลงบนหัวใจของเขา หล่อนจะทําทุกอย่างเพื่อเขาไม่ว่ามันจะเจ็บปวดทรมานหรือเสี่ยงสักแค่ไหน เธอก็จะทําเพื่อเขาและความปลอดภัย
    ของเธอมันขึ้นอยู่กับหัวใจที่เธอสัมผัสอยู่นี้ที่มันยังเต้นอยู่เงียบๆภายใต้ฝ่ามือของเธอ ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ยอมรับ...โชคชะตาของเขาอย่างเต็มใจและยืนเคียงข้างเธอเกาะเกี่ยวหัวใจซึ่งกันและกันไว้ด้วยความรัก เธอจะพ่ายแพ้และหลงทางไปตลอดกาล

    มันเป็นคําสาปที่สาปไว้ในคืนนั้นด้วยไฟและเลือดที่ไหลรินหนึ่งพันปีที่แล้วมา...

    ...“หนึ่งพันปีที่ข้าและท่านหลับไหล หนึ่งร้อยปีจากนี้ไปจะทบเท่าทวีคูณด้วยสิบ

    ด้วยสายเลือดและหัวใจที่ยอมรับกับโชคชะตาที่มาพร้อมกับหัวใจที่แข็งแกร่ง...

    เมื่อมันถึงเวลาที่ข้าและท่านจะกลับมาเกิดใหม่เพื่อเคียงคู่กัน อีกครั้ง

    เมื่อมันถึงเวลาที่ข้าและท่านกลับมาพบกัน ณ ที่ปราสาทแห่งนี้ อีกหน

    และด้วยความรักที่จริงแท้ที่มีต่อกันและกันข้าและท่านจะมีเกาะป้องกันภัย

    เมื่อตะวันลับฟ้าจันทราพราวแสง...

    การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดจะบังเกิดขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความโกรธแค้นพยาบาทที่มีมายาวนาน

    ...โชคชะตาของข้าและท่านจะถูกตัดสินในวันนี้

    หัวใจที่เป็นนักรบและพร้อมจะต่อสู้ของข้ามันเกิดมาจากหัวใจที่เป็นนักรบของท่านยอดดวงใจของข้า ดาบคู่ใจของท่านส่องแสงสว่างแวววาวเหมือนแสงจันทราที่ส่องมานําทาง ถ้ายอดดวงใจของข้านําสองสิ่งนี้มาด้วยความเต็มใจเราทั้งสองจะทําให้อลัวแดร์ประสบกับความหายนะไปชั่วกาลนาน

    เมื่ออรุณรุ่งมาบรรจบกับพลบคํ่า...

    เมื่อท่านได้ค้นหา เสาะหา...หนทางกลับมาหาข้าด้วยความรักอีกครั้ง

    ชะตาชีวิตของข้าและท่านจะเป็นอิสระ...จากคําสาปรักที่ยาวนานนี้

    ด้วยคําปณิธานแห่งข้า ทําให้มันเป็นไปด้วยเถิด”...


    และนี้ก็คือคําสาปที่ บริอาน่า ผู้รอบรู้ได้สาปเอาไว้ท่ามกลางความหายนะของปราสาทแห่งนี้ที่ถูกแผดเผาร้อนแรงเมื่อหนึ่งพันปีที่แล้วมันก้องกังวานอยู่ในหัวของเธอ มันเสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจของเธอ เมื่อพระจันทร์ขึ้นอีกครั้งในคืนพรุ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกตัดสิน

    บริอาน่านอนอยู่ในอ้อมแขนของคาลฟังเสียงลมพัดไหวราวกับเสียงกระซิบและเธอก็ไม่ได้หลับตาลงแม้แต่นิดเดียว

    เมื่อคาลตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขาพบว่าเขานอนอยู่คนเดียวเหลือบไปเห็นแสงที่ส่องเข้ามาทําให้เขารู้ว่าพระอาทิตย์ได้ขึ้นมานานแล้ว

    ในชั่วขณะหนึ่ง เขาคิดว่าบางทีเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขามันเกิดขึ้นอยู่ในความฝันของเขา เขากําลังฝันอยู่หรือเปล่าทุกสิ่งทุกอย่างมันดูสับสนวุ่นวายในใจเขาไม่รู้ว่าเรื่องไหนกันแน่เป็นเรื่องจริงเรื่องไหนกันแน่ที่อยู่ในความฝัน....ผู้หญิง.... แม่มด ซากปราสาทปรักหักพัง.... บ้านหลังเล็กสีขาว... ลูกแก้ววิเศษณ์ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่เป็นไปในโลก มันมีจริงหรือเปล่าหรือว่ามันแค่อยู่ในความฝันเขาเท่านั้น  บางทีเขาอาจกําลังเห็นภาพหลอนอยู่ก็ได้ซึ่งมันเกิดมาจากความเหนื่อยล้าหรือความตึงเครียดหรือเขาอาจจะเป็นโรคประสาทอ่อนๆอยู่

    แต่เขาจําห้องนี้ได้ ดอกไม้ที่ตัดมาใหม่ๆอยู่ในแจกันกลิ่นของมันหอมอบอวลไปทั่วห้องแล้วยังกลิ่นหอมที่มาจากร่างกายบริอาน่าอีกเล่าที่มันลอยฟุ้งอยู่เช่นกันมันเป็นของจริงทั้งนั้น เขาเอื้อมมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาเพื่อขับไล่ความง่วงงุนให้หายไป เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจริงๆกับเขาหรือเปล่านะ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆแต่ในส่วนลึกของจิตใจเขากลับมีความสุขอย่างประหลาด

    ยังมีต่อ

    จากคุณ : โรส สลาลินน์ - [ 29 ส.ค. 46 07:59:25 A:12.108.141.234 X: ]