& @ & @ & *--* เก็บความทรงจำเอาไว้ในหัวใจ *--* & @ & @ & ตอนที่ 1

    กองทัพเงยหน้าจากตัวอย่างแบบผลิภัณฑ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เพราะมีนิ้วเรียวสวย  มาวางทับอยู่เหนือเอกสารตัวอย่างที่เค้ากำลังดูอยู่ ชายหนุ่มทอดสายตามองหญิงสาวที่ยืนคุยอยู่อย่างเมามันไม่ได้รู้สึกตัวสักนิดว่านิ้วมือของเธอกำลังเกะกะการทำงานของสายตาเขาอยู่

    หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษามหาลัย ที่ยืนคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ของเขานั้นยิ้มได้สวยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นใครยิ้มได้สวยเท่ามาก่อน และก่อนที่เขาจะได้สะกิดเธอนั้น รุ่นพี่ของเขาก็ได้หันมาเจอสายตาของเขาพอดิบพอดี

    “อ้าว เจ้าทัพ น้องกวิตา หรือกีวี่  จะมาฝึกงานที่บริษัทเรานับแต่วันนี้” คนถูกเรียกว่ากีวี่หันมายกมือไหว้ ชายหนุ่มแค่พยักหน้ารับเฉย ๆ

    “นี่พี่กองทัพ หรือพี่ทัพ เป็นคนออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราจ๊ะ”

    “ฝากตัวด้วยค่ะ” เสียงเล็ก ๆ นั้นกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ชายหนุ่มนึกชอบ หากที่เค้าทำได้ก็คือส่งยิ้มบาง ๆ ให้พร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงานในมือต่อไป

    กวิตารู้สึกงง ๆ อยู่ไม่น้อย  เพราะตั้งแต่ถูกแนะนำให้รู้จักกันนั้นชายหนุ่มหน้าตาดี คิ้วเข้ม และดวงตาดุ ๆ คู่นั้นไม่ได้พูดกับเธอแม้สักครึ่งคำ ปล่อยให้เธอกับพี่เสก ยืนพูดกันอยู่สองคน แม้เธอจะชำเลืองมองเขาบ่อย ๆ แต่ก็ไม่มีแม้แต่คำพูดจากจากเขาเลยสักนิดเดียว แต่แล้วเธอก็ได้ความกระจ่างเมื่อเธอเข้าไปส่งเอกสารที่ซีล็อกให้พี่เสกนั่นเอง

    “ไอ้ทัพน่ะ อย่าไปถือมันเลยนะ มันพูดไม่ได้ และอีกอย่างมันก็เป็นหุ้นส่วนของที่นี่ครึ่งหนึ่ง  ถ้า กีวี่จะจะพูดอะไรกับพี่ทัพน่ะ พี่เค้าจะจ้องหน้าตลอดก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะเค้าจะอ่านคำพูดจากปากกีวี่นั่นแหละ” นั่นแหละเธอถึงได้รู้ว่าคนที่ยิ้มจาง ๆ ให้เล็กน้อยแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานนะเป็นคนพิการพูดไม่ได้ ความรู้สึกที่เข้ามาในตอนนั้นก็คือสงสารเพราะคำพูดประโยคต่อมาของพี่เสกนั่นเอง

    “ไอ้ทัพ นะมันไม่ค่อยมีเพื่อน แต่คนเป็นเพื่อนมันเยอะใคร ๆ ก็ชอบมัน แต่มันสนิทไม่กี่คนอีกอย่างมันก็ไม่ปกติอย่างคนอื่นเขา มันก็เลยชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ยังไง กีวี่ก็ชวนมันพูดบ้างก็ได้ ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวมันก็เขียนให้อ่านเองแหละ”

    “ค่ะ” เธอรับคำก่อนจะเดินออกมาจากห้องเล็ก ๆ นั้น แล้วตาคู่สวยก็กวาดไปเจอสายตาดุ คู่นั้นพอดีเลยเช่นกัน เธอจึงส่งยิ้มให้เขาแต่เขาไม่ได้ยิ้มตอบเธอมาสักน้อย แถมยังหลบสายตาก้มลงมองงานบนโต๊ะเสียอีก

    วันนี้เป็นวันแรกที่กวิตามาฝึกงาน ณ บริษัท แห่งนี้ ด้วยความอนุเคาระห์จากพี่ชายเธอ เพราะพี่ กวิน เป็นเพื่อนสนิทของพี่เสก เขาเลยยัดเยียดแกมบังคับให้เพื่อนซี้นั้นรับน้องสาวตัวเองเข้าฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยของพี่เสก

    แรก ๆ กวิตาก็เขิน  ๆ อยู่ไม่น้อย เพราะในบริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้มีพนักงานไม่กี่คนก็จริง หากแต่พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชายเกือบจะทั้งหมดยกเว้นแม่บ้าน และพี่จ๋าที่เป็นพนักงานบัญชีเท่านั้น นี่ถ้าไม่เพราะพี่ชายเธอบังคับข่มขู่แล้วล่ะก็เธอก็คงนะบินตามเขาไปญี่ปุ่นด้วยแล้ว เรื่องอะไรจะยอมเสียเวลาช่วงปิดเทอมอยู่บ้านคนเดียวล่ะ

    หากแต่พี่กวินก็ยังหาเรื่องให้เธอได้มาฝึกงานก่อนกำหนดจริงของทางมหาลัยจนได้ด้วยเหตุผลที่ว่า กลัวเธอเหงาถ้าอยู่บ้านคนเดียว แต่ก็ไม่ยอมให้เธอไปญี่ปุ่นด้วยเพราะเหตุผลที่ว่า “พี่ไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยว” เธอเลยต้องจำยอมที่จะฝึกงานอยู่กับพี่เสกโดยปริยาย

    เมื่องานเอกสารบนโต๊ะที่พี่เสก และพี่จ๋าส่งมาให้เธอช่วยทำเสร็จเรียบร้อย กวิตาเงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะ หากเมื่อกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็พบว่าเลยเวลาเที่ยงมา20 นาทีแล้ว และพนักงานทั้งหมดก็คงออกไปทานข้าวกันแล้วด้วย  หากแต่เมื่อเธอกำลังจะเดินออกจากโต๊ะทำงานของตนเองนั้นก็เห็น คนที่ยิ้มจาง ๆ ให้เธอเมื่อตอนเช้ายังคงง่วนกับแบบสเก็ตภาพผลิตภัณฑ์อยู่นั่นเอง กวิตาสาวเท้าเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ

    กองทัพเงยหน้าขึ้นจากแบบร่างภาพที่ตนเองกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับมันเนื่องจากนิ้วเรียวสวยได้รูปมาวางแปะลงมาบนโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคู่สวยยิ้มพร้อมกับรอยยิ้มที่ฝีปากได้รูปสวย

    “ไ ป ท า น ข้ า ว กั น ไ ห ม ค่ะ” หญิงสาวพยายามพูดช้าที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้หากแต่คนที่มองอยู่ก็ยังคงทำหน้านิ่งไม่ได้ตอบว่าอะไร กวิตาจึงหันไปหยิบกระดาษเปล่า ๆ ก่อนเขียนข้อความที่ถามลงไปในนั้น แล้วส่งให้ชายหนุ่มอ่าน

    กองทัพเหลือบสายตาลงอ่านข้อความในกระดาษ  จริง ๆ แล้วเขารู้แล้วล่ะว่าเธอชวนทานข้าวเพียงแต่มัวมองหน้าเธอเพลินไปหน่อย เลยทำให้เธอเข้าใจผิดว่าเขาไม่เข้าใจที่เธอพูด  เขาจึงทำท่าทางภาษาใบ้บอกเธอไปว่า

    ---ให้เธอไปทานก่อนเลยเขายังไม่หิว---  แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจภาษามือของเขานัก ชายหนุ่มจึงเอากระดาษแผ่นเดิมมาเขียนข้อความลงไปว่า

    “คุณไปทานก่อนเถอะผมยังไม่หิว จะทำงาน” แล้วก็ส่งให้หญิงสาวที่ยืนอยู่เธอรับมันไปอ่านก่อนจะเขียนโต้ตอบพร้อมกับพูดไปด้วยว่า

    “ไม่หิวก็ต้องทานนะ นี่มันเที่ยงกว่าแล้ว เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ” เธอว่า “ไปเถอะ”กวิตาชี้มือไปที่ประตูและชี้มาที่ตัวเองและที่กองทัพ

    กองทัพยิ้มจาง ๆ กับความดื้อของเธอ ดูท่าหญิงสาวคนนี้คงไม่ยอมไปถ้าเขาไม่ไปด้วยเป็นแน่ ชายหนุ่มจึงจัดการเก็บงานบนโต๊ะก่อนลุกเดินตามเธอออกไป

    มันก็น่าแปลกไม่น้อยสำหรับเขา อาจจะเพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นตั้งแต่เกิด แต่ดีที่ว่าครอบครัวของเขามีฐานะพอสมควรจึงทำให้ลูกชายคนเดียวของบ้านที่มีปัญหาแค่ทางคำพูด ได้เล่าเรียนจนจบมหาวิทยาลัยชื่อดัง และได้ลงทุนเปิดบริษัทเล็ก ๆ กับเพื่อนสนิทในสาขาที่เล่าเรียนกันมา

    แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองปกติเช่นคนอื่น เขายังคงรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากคนอื่น แตกต่างจากคนอื่น จนถึงขึ้นปิดกั้นตัวเองจากมิตรภาพและความผูกพันทั้งหลายแล  จึงทำให้มีเพื่อนน้อยกว่าที่ควร และส่วนหนึ่งอาจเพราะภาษาที่ใช้นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงและการเข้าใจกันก็ยากเกินกว่าที่จะพยายาม  กองทัพจึงมีเพื่อนที่ถือว่าสนิทจริง ๆ แค่นายเสกเพียงเท่านั้น นอกจากนั้นเพื่อนก็คือคนรู้จักของเขาเท่านั้น

    แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกถูกชะตากับ เด็กสาวคนนี้ก็ไม่รู้ อาจจะเพราะรอยยิ้มที่เจืออยู่บนดวงตาสีนิลคู่สวยก็เป็นได้ ปกติแล้วเขาไม่เคยออกไปทานข้าวกับคนแปลกหน้าหรือคนที่เพิ่งเคยรู้จักกันเพียงชั่วครู่ แต่นี่มันผิดปกตินิสัยของเขา ๆ รู้ดี

    “จะทานอะไรค่ะ” กวิตาถามเมื่อเดินเข้าไปถึงร้าน ๆ หนึ่งที่คนชวนเล็งมาตั้งแต่เช้าที่มาถึงแล้ว ก่อนจะอุทานกับตัวเองเบา ๆ “ลืมไป” เธอหันมายิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะพยายามถามอย่างช้า ๆ ว่า

    “ พี่ ทั พ จะ ท า น  อ ะ ไร ค่ะ” ชายหนุ่มที่เดินตามมานั้นนั่งมองเมนูในมือก่อนจะชี้ไปที่ ข้าวมันไก่ที่ มีอยู่ในเมนู

    “ข้าวมันไก่สองที่ค่ะ” เธอหันไปสั่งก่อนจะหันมายิ้มสวยให้ชายหนุ่มอีกครั้ง

    “พี่ ทั พ อ า ยุ เ ท่ า ไ ร ค่ะ” มือใหญ่ของชายหนุ่มนั้นชูนิ้วสามนิ้วพร้อมกับ อีกหนึ่งนิ้ว

    “สามสิบเอ็ด” เธอทวน เขาพยักหน้ารับเบา ๆ

    “กี วี่ 2 3 ค่ะ” เธอพูดพร้อมกับทำนิ้วประกอบบอกเขา  “พี่ ทั พ มี แ ฟ น ห รื อ ยั ง ค่ะ” เธอถามอีก หากแต่แววตาดุ ๆ คู่นั้น ฉายประกายคำถามชัดเจน

    “น้อง ๆ ของกระดาษกับปากกาหน่อยจ๊ะ” เธอหันไปบอกเด็กเสริฟที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วเธอก็ได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือ

    กวิตาเขียนคำถามที่ถามเมื่อสักครู่ลงไปใหม่อีกครั้งแล้วส่งให้ชายหนุ่มที่นั่งทำหน้าตาสงสัยอยู่ แล้วเมื่อได้รับกระดาษคำถามแผ่นนั้น คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วก็ขมวดหนักเข้าไปอีกจนได้ กวินตามองอยู่นาน แล้วจู่ ๆ คนตาดุคนนั้นก็เงยหน้าสบตาเธอทันทีเช่นกัน ชายหนุ่มส่งกระดาษแผ่นนั้นกลับคืน

    ข้อความในกระดาษแผ่นนั้น เขียนว่า ------ จะรู้ไปทำไม ------- กวิตายิ้มแหยก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ว่า “ ขอโทษค่ะ” ชายหนุ่มยืนกระดาษอีกแผ่นมา

    -----ไม่มีหรอก------ คำตอบนั้นทำให้หัวใจเล็ก ๆ ของเธอรู้สึกแปลก ๆ อย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

    ------ยิ้มอะไร-------- กระดาษถูกส่งมาอีก

    “ เ ป ล่ า ค่ ะ แค่ แ ป ล ก ใ จ” เธอบอก ก็ใครจะไปบอกได้ล่ะว่าไม่เชื่อน่ะที่ว่าไม่มีแฟน ก็หน้าตาออกจะคมเข้มขนาดนั้น น่าจะมีสาวสักคนมาหลงรัก  ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ กับคำตอบของเธอ หากเมื่อจะได้คุยอะไรกันต่อไปนั้นอาหารก็ถูกนำมา  เสริฟเสียก่อน

    แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 46 23:34:05

    จากคุณ : เปียร์รุส - [ 29 ส.ค. 46 09:43:41 ]