~~เรื่องเล่า ริม ถนน ของคน ชอบเขียน~~ ไม่มีตอน ภาคขอแจม "ตามล่าหา... 1.5/2"

    ตอนก่อน http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2422611/W2422611.html

    ตอนนี้ ตอน 1.5/2

              พญายมกำลังยืนชื่นชมกับกองโครงกระดูกที่ต่อเรียงกันเป็นหอไอเฟลและติดไฟแว๊บๆ
    ที่ยอดเสาแต่ต้องตกใจแทบช๊อค(แต่ไม่ตาย พญายมตายไม่ได้)เมื่ออยู่ๆกาลอากาศเหนือยอด
    กองกระดูกถางออกพร้อมกับเหมียวปิล่าร์หล่นลงมาทับยอดเสาหัก และเสียงร้องหง่าวของมัน
    ขณะกลิ้งหล่นมาตามสันของโครงกระดูกไอเฟล ซักพักอาจารย์ G ก็ล่วงตามลงมาแต่คราวนี้
    ทับโครงกระดูกไอเฟลกระจาย และเสียงร้องโอ๊ย

              โครงกระดูกกระจายต่อหน้าต่อตาพญายม อาจารย์ G พยายามลำดับเหตุการณ์ก็พบว่า
    ตัวเองได้หลุดออกมาจากหลุมขาวและตกลงบนกองกระดูก ดูเหมือนเหตุการณ์นี้กำลังทำให้
    ชายมีเขาสวมชฎาโกรธจนตัวแดง อาจารย์ G พยายามเรียงกระดูกที่เกลื่อนกลาดเรียงเข้าด้วย
    กันแต่

              “ไอ้ห้อยไอ้โหน” พญายมตะโกนลั่น ยมทูตสองตนก็ปรากฏกายขึ้นทันที
              “ใครเป็นคนปล่อยวิญญาณชั่วช้า 2 ตนนี้มาก่อกวนทำลายปฏิมากรรมโครงกระดูกของ
    ข้าว่ะ”

              ไอ้ห้อยไอ้โหนมองหน้ากันแบบงงๆ เพราะไม่มีใครปล่อยอาจารย์ G กับ เหมียวปิล่าร์
    มาจากนรกขุมไหน ส่วนอาจารย์ G ก็พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเผื่อจะแทรกกายหายไปใน
    โครงกระดูก
              “อะไรว่ะไม่มีใครรู้เลยหรือ ไปตามสุวรรณมาทีแล้วกัน” สิ้นเสียงพญายม ไอ้ห้อยไอ้
    โหนก็แย้งกันหายแว๊บ สักครู่สุวรรณก็มา

              “มีอะไรหรือท่านยมมมม”สุวรรณออกเสียงลากยาวคล้ายตูมตามเชิญยิ้ม
              “รู้ไม๊ไอ้วิญญาณชาติชั่วสองตัวนี้หลุดมาจากขุมไหน”

              สุวรรณได้ฟังท่านยมถามก็ควักปาล์มทังสเตน2ที่เหน็บเอวออกมาไล่รายชื่อ

              “อ๋อ ท่านยมมมมมมม  2 ชีวิตนี้ไม่ได้มาจากนรกขุมไหนหรอกมันยังไม่ตาย ท่าน
    ยมมมมมมมลองดูซิ วิญญาณที่ไหนจะมาล้มปฏิมากรรมโครงกระดูกของท่านได้”

              “อ้าวแล้วมันสะเออะมายมโลกทำไมว่ะ ไอ้ห้อยไอ้โหนมาจับมันทั้งคู่ไปลงทัณฑ์สั่ง
    สอนในกระทะทองแดงแล้วให้มันมาซ่อมปฏิมากรรมของข้าให้เสร็จก่อนส่งมันกลับไปยัง
    โลกมนุษย์”

              ไอ้ห้อยไอ้โหนแว๊บกลับเข้ามาอีก คราวนี้ในมือไอ้โหนมี .357 ติดมาด้วย ไอ้ห้อยเห็น
    เลยแย่งไปกินหน้าตาเฉย ไอ้โหนมองไอ้ห้อยตาเขียวปั๊ด

              “ต้องลอง ตายไม่ได้ต้องลอง”ไอ้ห้อยบอก
              “ไอ้บ้าเอ็งนะตายไปแล้ว เดี๋ยวซักตุ๊บ”ว่าแล้วไอ้โหนก็เอามือเข็กกระบาลไอ้ห้อยไอ้ห้อยทำท่าจะเตะคืนบ้าง

              “ไม่ต้องทะเลาะกันไอ้ห้อยไอ้โหน จับสองตัวนี้ลงทัณฑ์บัดเดี๋ยวนี้”

              ไม่รอช้าไอ้ห้อยกับไอ้โหนก็จับอาจารย์ G กับปิล่าร์ลากไปลานของขุมนรกแห่งหนึ่งซึ่ง
    มีเตาขนาดยักษ์วางเรียงรายหลายร้อยใบ ในเตามีเปลวไฟแดงฉาดกระเพื่อมไปมาทำให้เกิดเงา
    วูบวาบดูหน้ากลัว ประกายไฟแตกลั่นเปรี๊ยปลิ่วไปทั่ว เหงื่อไคลของอาจารย์ G ไหลย้อยเพราะ
    ความร้อนจากเตาไฟยักษ์เหล้านั้น บนเตามีกระทะขนาดกว้างขวางเกือบเท่าสนามฟุตบอล
    ภายในกระทะมีผู้คนเบียดเสียดยัดเยียด ส่วนริมกระทะเล่าก็ทำเป็นยกพื้นสูงมีเหล่ายมทูตคอย
    เอาสามง่ามแยงไม่ให้ผู้คนในกระทะปีนขอบกระทะหนีออกมาได้ ยมทูตบางตนก็เอาสามง่าม
    กดให้คนเหล่านั้นจมลงในน้ำมัน ไอ้ห้อยไอ้โหนลากตัวอาจารย์ G และเหมียวปิลาร์ขึ้นไปบน
    ยกพื้นนั้นเตรียมโยนอาจารย์ G และเหมียวปิล่าร์ลงกระทะทองแดง ขณะที่กำลังจะจับโยนอยู่
    นั้นอาจารย์ G ก็ตบกระบาลไอ้ห้อยอย่างแรง

              “เฮ้ยใครตบข้าว่ะ”
              “นี้แนะสำหรับ .357” อาจารย์ขมุบขมิบแกล้งทำเลียนเสียงไอ้โหน

              ไอ้ห้อยโมโหจึงเอาสามง่ามฟาดกระบาลไอ้โหนเข้าให้ ไอ้โหนไม่ทันระวังตัวจึงโดน
    สามง่ามฟาดเข้าให้เต็มๆหัวเกือบทิ่มลงกระทะทองแดง พอไอ้โหนได้สติก็ศอกกลับให้บ้าง
    แล้วทั้งสองก็ชุลมุลกัน เปิดโอกาสให้อาจารย์ G และเหมียวปิล่าร์แอบหนีออกมาได้

              “ไอ้โหนสองชีวิตนั้นหายไปไหน”ไอ้ห้อยเกิดนึกขึ้นมาได้ถามขึ้นก่อนที่หมัดตรงจะไอ้
    ห้อยจะทะลวงปากไอ้โหนจนเซไปบริเวณปากกระทะ
              “เออ นั้นซิ”ไอ้โหนตอบหลังจากทะลวงหมัดไปแล้ว
              “มันหนีไปแล้วไอ้ห้อย”
              “ข้ารู้แล้วโว๊ย” ไอ้ห้อยซึ่งเซไปเซมาบริเวณปากกระทะตอบ ส่วนพวกวิญญาณที่อยู่ใน
    กระทะเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะแก้แค้นจึงชวนกันจับไอ้ห้อยลงกระทะทองแดงแทน

              “เฮ้ยพวกเราจับยมทูตคนนั้นมาอาบน้ำเป็นเพื่อนเราดีกว่า”
              “เอาดิจะได้รู้มั่งว่าอยู่ในกระทะเป็นอย่างไร”

              ว่าแล้วพวกวิญญาณในกระทะนับร้อยก็พากันฉุดเอาไอ้ห้อยลงกระทะทองแดงแถมพา
    กันตะลุมบอลจับกดน้ำมันในกระทะกันยกใหญ่

              “เฮ้ยใครโง่ก็อยู่ต่อไปนะโว้ย” ไอ้คนหนึ่งตะโกนขึ้นขณะที่เหล่ายมทูตกำลังตะลึงกับ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉวยโอกาสปีนขอบกระทะวิ่งล่อนจ้อนขึ้นไปบนยกพื้นนั้น ไอ้พวกที่เหลือ
    ก็พากันกรูปีนป่ายออกมาจากกระทะบ้าง ความชุลมุลขนานใหญ่ก็เกิดขึ้น เหล่าวิญญาณกบฏก็
    พากันไปช่วยวิญญาณในกระทะอื่นๆ บ้างก็เทน้ำมันในกระทะทิ้ง ส่วนอาจารย์ G กับเหมียวปิ
    ล่าร์ก็พากันซ่อนตัวอยู่ในซอกบันไดขุมนรกไม่กล้าออกไปไหน

              “ท่านยมมมมมมม เกิดกบฏขึ้นในขุมกระทะทองแดง ยมทูตห้อยโหนโดนจับเป็นตัว
    ประกัน ข้าว่าท่านน่าจะลงไปดูซักหน่อยนะ”
              พญายมนั่งคิดก่อนจะตัดสินใจ “มันเอาอย่างนี้เลยเหรอว่ะข้าต้องไปจัดการเองซะแล้ว”
    ว่าแล้วพญายมก็หายแว๊บไปปรากฏตัวที่ขุมนรกกระทะทองแดง
              เหล่าวิญญาณตัวแสบในขุมนรกกระทะทองแดงกำลังอาละวาดกันอย่างสนุกสนาน

              “กำแหงกันนักไอ้พวกนี้” พญายมยกไม้เท้าหัวกระโหลกขึ้นฟาดกับพื้นจนทุกอย่างสั่น
    สะเทือนไปทั่ว เหล่าวิญญาณเกเรพากันล้มลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงจะอาละวาดต่อ เหล่ายมทูต
    ต่างค่อยๆลุกขึ้นมาจัดการต่อให้เหตุการณ์อยู่ในความสงบ อาจารย์ G กับเหมียวปิล่าร์ซึ่งไม่ได้
    เป็นวิญญาณจึงไม่ได้รับผลจากไม้เท้าหัวกระโหลกของพญายมก็ลุกขึ้นยืนบ้าง ไอ้ห้อยไอ้โหน
    เห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาตะครุบตัวทั้งสองเอาไว้แล้วพาทั้งสองมากองไว้หน้าพญายม
              “เจ้านี้ฤทธิ์เยอะนัก มาวันเดียววุ่นวายขนาดนี้ ไอ้ห้อยไอ้โหนรอช้าไม่ได้แล้วต้องถอด
    วิญญาณของมันทั้งสองบัดเดี๋ยวนี้”

              “เดี๋ยวก่อน”เสียงสุขุมนุ่มลึกของเจ้าชายรัตติกาลดังขึ้นขัดจังหวะทันทีทำให้ไอ้สองห.(
    ห้อยโหน)หยุดกึก

              “เรียนท่านยม สองท่านนี้เป็นสหายข้าบนโลกมนุษย์ ความจริงข้านัดเขาไว้หลายวัน
    แล้วแต่สหายข้าคงจะหลงทางผ่านมิติที่ข้าได้เปิดไว้ให้เลยมาผิดที่ไปหน่อยขอท่านอย่าได้กริ้ว
    ไปเลย ต่อไปข้าจะระวังให้เขาไม่หลงทางอีก ส่วนความเสียหายอันเกิดกับปฏิมากรรมโครง
    กระดูกของท่านและความวุ่นวายในขุมกระทะทองแดงนี้ข้าจะรับผิดชอบให้”

              ว่าแล้วเจ้าชายรัตติกาลก็โบกมือวูบเดียวกระทะทองแดงที่ล้มระเนระนาด น้ำมันที่ไหล
    นองพื้นก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม ไฟในเตาก็ติดโชติช่วง เหล่ายมทูตก็ช่วยกันจับวิญญาณเกเรลง
    กระทะทองแดงใหม่

              “ข้าว่าตอนนี้หอไอเฟลโครงกระดูกของท่านคงคืนสภาพเดิมแล้วกระมัง ข้าขอเชิญท่าน
    กลับบัลลังดีกว่า” ทั้งหมดจึงเดินทางกลับไปที่ห้องโถงตรงหอคอยโครงกระดูกนั้น

              “โอ้ ไอเฟลของข้าและหลอดไฟกระพริบบนยอดหอคอย ในที่สุดก็กลับมาเป็นอย่างเก่า
    ถ้าเช่นนั้น ในเมื่อเจ้าชายรัตติกาลออกหน้ารองรับว่าทั้งสองเป็นแขกของท่านและหอไอเฟล
    ของข้าก็เรียบร้อยดีเหมือนเดิมเห็นทีข้าคงไม่ถือสาหาความล่ะ เจ้า 2 ชีวิตนับว่าโชคดีที่ข้าเป็น
    คนเข้าใจง่ายจงรีบไปซะแล้วอย่าทะเร่อทะร่าลงมาผิดที่อีกล่ะ”

              อาจารย์ G รีบขอบคุณพญายมเป็นการใหญ่ก่อนจะตามเจ้าชายรัตติกาลออกไป ทั้งสาม
    เดินผ่านสะพานหัวกะโลกข้ามแม่น้ำแห่งความตายไปอีกฝั่งหนึ่ง แสงแดงเจิดจ้าของโลกันต์
    นครสาดเข้าหน้าเจ้าชายให้ดูแดงตามไปด้วยแต่ก็ไม่สามารถบดบังใบหน้างามแบบเศร้าสร้อย
    ของเจ้าชายไปได้

              “ข้าต้องขอบคุณท่านมากที่มาช่วยข้าทันเวลาไม่เช่นนั้นเห็นทีต้องลงอ่างทองคำเอ๊ยไม่
    ใช่ กระทะทองแดงเป็นแน่แท้”
              “เหมียวๆ” ปิล่าร์พยายามขอบคุณเช่นกัน

              เจ้าชายยังคงทำหน้าขรึมไม่ตอบเช่นไรพาทั้งสองชีวิตข้ามไปถึงอีกฝั่ง
              “ท่านจะไม่พูดอะไรซักคำหรือ”
              เจ้าชายหันหลังสะบัดผ้าคลุมสีดำพรึบทำเอาอาจารย์ G ตกใจ แต่ความจริงเจ้าชาย
    ต้องการปิดบังใบหน้าที่เปลี่ยนไปของเจ้าชายนั้นเอง
              “ท่านมาแทนไซโคแมนใช่ไหม”
              อาจารย์ G พยักหน้า แต่แล้วก็ตอบว่า “ความจริงข้ามาตามหาไซโคแมนต่างหาก”
              “แล้วท่านได้นำสิ่งที่ข้าขอให้ไซโคแมนนำติดมาด้วยท่านได้นำมันมาหรือเปล่า”เจ้าชาย
    ถามทั้งที่ยังหันหลังอยู่
              “ท่านหมายถึง...”
              “ไก่ทอด KFC ไง ฮิๆๆๆ”แล้วเจ้าชายก็หันหน้ากลับมาทันที อาจารย์ G เห็นใบหน้าเจ้า
    ชายที่บัดนี้ ความงดงามและสุขุมของใบหน้าถูกกลบไปด้วยความตะกละ
              “ท่านก็รู้นิว่าในโลกันต์เนี่ยร้อนเกินกว่าที่ไก่จะโตขึ้นมาได้ จะฟักไข่ๆก็กลายเป็นไข่
    ลวก เอาลูกเจี๊ยบมาเลี้ยงมันก็พากันตายกันหมด เวลาไซโคแมนมาทีไรข้าก็มักจะขอให้เอาไก่
    ทอด KFC มาฝากประจา ฟร๊วบ” เสียงสุดท้ายเป็นเสียงเจ้าชายทำน้ำลายหกแต่เอามือช้อนกลับ
    เข้าปากได้ทัน อาจารย์ G กับปิล่าร์ทำหน้าเห่ยเกือบจะพร้อมกัน
              “แน่นอนเจ้าชายข้าไม่ลืมหรอก”

    ************************************************

              เมื่อเจ้าชายรัตติกาลเสวยไก่ทอด KFC จนเกลี่ยงแล้วอาจารย์ G ก็ถามถึงไซโคแมน
              “ไซโคแมนเหรอ ข้าชวนเขามาเที่ยวสปาโลกันต์ที่ข้าเปิดขึ้นมาใหม่ นัดกันไว้แต่ไม่
    เห็นมาซักที ดีที่ท่านมาแทนข้าเลยได้เสวย KFC ว่าแต่ท่านอยากลองใช้บริการสปาของข้าดู
    บ้างไหม มีบริการอาบน้ำเหลือง แช่น้ำหนอง นวดน้ำมันพราย อบกลิ่นสางอะโรคาโธราปี๊ มี
    นางไม้นางตะเคียนที่ผ่านการอบรมอย่างดีจากธิดาโลกันต์เป็นคนนวดให้ ลูกค้าของข้าเยอะ
    เลยทั้งเจ้าที่ศาลพระภูมิ เทพา อารักษ์ แม้แต่ท่านยมก็นิยมเช่นกัน ปลายปีนี้ว่าจะขายแฟรน
    ไชส์อยู่เหมือนกันปีหน้ากะจะโกอินเตอร์”

              “เอ่อ คือใช่ว่าข้าจะไม่อยากนะเจ้าชายแต่ข้าต้องรีบไปตามไซโคแมนก่อนตอนนี้ ข้ารู้
    สึกผิดต่อเขา ทำให้เขาต้องหนีไปอยากจะขอโทษเขาเร็วๆนะ”

              “ถ้าท่านว่าเช่นนั้นก็ต้องแล้วแต่ท่าน ว่างๆก็มาใช้บริการได้นะ ขอให้ท่านโชคดีตามหา
    ไซโคแมนได้เร็วๆ เดี๋ยวข้าจะไปส่งท่านยังโลกมนุษย์”

              “มิเป็นไรเจ้าชายขากลับข้ากลับถูกแน่คราวนี้ไม่เหมือนขามาที่อาจคลาดเคลื่อนเล็ก
    น้อย” แล้วอาจารย์ G ก็ควักเอารีโมทคอลโทรลออกมากด ครู่เดียวกาลอากาศเหนือฟ้าแดงฉาด
    ของพิภพโลกันต์มวลตัวก่อนถ่างออกเป็นหลุมดำดูดตัวอาจารย์ G และเหมียวปิล่าร์ตัวยืดยาว
    ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว เจ้าชายรัตติกาลยืนดูดกระดูกไก่ดูอาจารย์ G เดินทางกลับอย่างเสีย
    ดาย
              “ขอให้เอา KFC มาเยี่ยมบ่อยๆละกัน”

    จากคุณ : นาย (หูโน่) - [ 29 ส.ค. 46 20:20:56 ]