ด้วยมือ...ด้วยใจ...ตอนจบ

    3.
    “เจ้าหมูยักษ์ตื่นได้แล้ว”  เสียงที่เริ่มจะคุ้นเคยดังแว่ว ๆมา

    เสียงเอะอะโวยวายดังตึงตังจากบ้านข้าง ๆ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่คิดจะเว้นวันหยุดราชการอย่างวันนี้สักวันบ้างเลยเหรอนี่ บุษราพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาอยู่ครู่หนึ่ง งัวเงียลุกขึ้นมานั่ง(ท่าเดิม) เหลือบตาไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียง เพิ่งแปดโมงเช้าเอง เลยตัดสินใจล้มตัวนอนเอาผ้าคลุมหัวต่อ

    ไม่นานนักเสียงหัวเราะของเด็กชายกมลดังขึ้นอย่างถูกอกถูกใจ สลับกับเสียงน้ำที่ตกกระทบพื้น เธอลุกขึ้นเปิดม่านออกไปดูก็พบคู่น้าหลานกำลังล้างรถอย่างสนุกสนาน คนตัวเล็กกว่าที่กำลังเปียกมะลอกมะแลกในชุดนอนเป็นลูกหมูตกน้ำมองขึ้นมาเห็นเธอ

    “อรุณสวัสดิ์ครับน้าบี”  เจ้าตัวกลมยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมโบกฟองน้ำสีเหลืองก้อนใหญ่ในมือไปด้วย
    บุษราโบกมือทัก ส่งยิ้มกลับไป

    “วันนี้น้าฉัตรจะพาเพียวไปเขาดินล่ะ ไปดูเสือ ดูหมีตัวโต ๆ”  มืออ้วนกลมยกมือประกอบ  “อาฉัตรบอกว่าน้าบีจะไปกับเราด้วย แต่งตัวลงมาเร็ว ๆ นะครับเพียวจะรอ”  แล้วเจ้าตัวก็ใช้ฟองน้ำถูกับตัวรถอย่างสนุกสนานต่อไป

    เธอส่งสายตาตวัดกลับไปยังน้าชายของเจ้าตัวกลม ที่ยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว ชี้หน้าอย่าเอาเรื่อง...ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรด้วยสักหน่อย...แล้วถอยกลับมาปิดม่านไว้อย่างเดิม


    มืออ้วน ๆ ข้างหนึ่งจับจูงลากข้อมือบุษราตรงไปยังกรงเสือตรงหน้าโดยเกาะมือน้าชายไว้อีกมือหนึ่ง ส่งเสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นเจ้าลายพาดกลอนสีเหลืองนอนอยู่อย่าง ๆ สงบข้าง ๆ หินก้อนใหญ่ ก่อนผละไปเกาะดูเสือดาวที่อยู่ถัดไปอีกกรงหนึ่ง ปล่อยให้เธอและจุลฉัตรเดินตามไปช้า ๆ

    “ท่าทางแกดูมีความสุขจังเลยนะ”  บุษราเอ่ยขึ้นมาก่อน  

    “ครับ ผมก็ดีใจที่เห็นแกมีความสุข  สมัยผมเด็ก ๆ ผมไม่ค่อยมีโอกาสมาเที่ยวอย่างนี้หรอก เพราะพ่อกับแม่ทำแต่งาน จนไม่ค่อยมีเวลาพาพวกเราสามคนไปไหน พี่พัชกับรัดดีหน่อยที่มีเพื่อนเล่น ส่วนผมสิ…แย่ พี่น้องมีแต่ผู้หญิง วัน ๆ เอาแต่เล่นตุ๊กตา-ขายของ”  เขาหัวเราะเบา ๆ นึกถึงวันเวลาตอนเด็ก ๆ  คนข้างหน้าเลยหยุดหันมามองดวงตาเป็นประกาย

    “ความจริงแล้ววันนี้...คนที่อยากมาคงไม่ใช่เพียวล่ะสิ ท่าจะเป็นคุณต่างหากที่อยากมาเอง”  น้ำเสียงคนพูดเหมือนกลั้นหัวเราะไม่อยู่

    “รู้ด้วย...ไม่หรอกผมแค่อยากทำอะไรให้แกไม่เหงาตอนที่พ่อกับแม่ของแกไม่อยู่ต่างหาก เด็ก...ยังไงก็ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ไม่ว่าจากใคร จะรักมากรักน้อยแค่รักเขาด้วยใจ มันก็ทำให้เขามีความสุขได้…ผมคิดอย่างนั้นนะ อีกอย่างผมว่าที่นีอากาศดีกว่าไปเดินห้างฯตั้งเยอะ ถึงแม้ว่าเราจะเห็นพวกเขาหลังกรงเหล็กก็เถอะ...”  เขาหันไปยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

    “แล้ววันนี้ก็ขอบคุณนะครับ...ที่มาด้วยกัน”  

    บุษรายิ้มรับเป็นคำตอบ รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกกับความรู้สึกของน้าชายที่มีต่อเจ้าตัวกลม ที่วิ่งไปนั่งแกว่งเท้าอยู่ที่ม้านั่งตัวยาวแล้ว

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ดีใจที่ได้มา...”


    รถเท็กซี่เขียวเหลืองจอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อขบวนทัวร์กลับมาถึง ปัญญากำลังขนกระเป๋าใบโตออกจากท้ายรถ โดยมีพัชมลยกถุงใบเล็กใบน้อยออกมา เมื่อลงจากรถได้เด็กชายกมลก็วิ่งเร็วจี๋เข้าไปหาบิดาและมารดา หอมแก้มผู้ใหญ่ทั้งสองข้างล่ะที เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของแต่ละฝ่าย

    “เพียงคิดถึงพ่อกับแม่จัง...”  เสียงออดอ้อนของคนตัวเล็กเรียกร้อยยิ้มจากคนที่ยืนอยู่รอบข้าง

    “พ่อกับแม่ก็คิดถึงน้องเพียวเหมือนกัน อีกสามอาทิตย์พ่อก็จะกลับมาอยู่กับเพียวแล้ว ดีมั้ยครับ”  คนเป็นพ่ออุ้มลูกชายตัวอ้วนขึ้น มือน้อย ๆ กอดคออย่างดีอกดีใจ

    “ดีใจจัง...พ่อกลับมาแล้วพาแม่กับเพียวไปเขาดินอีกนะครับ วันนี้น้าฉัตรกับน้าบีพาเพียวไป มีกวาง มีจระเข้ตัวยาว ๆ นอนอ้าปาก มีหมี มีเสือ มีนก โอ้ยเยอะแยะไปหมดเลย...พ่อเคยเห็นหรือเปล่า มีเรือด้วย...”   เด็กชายเล่าอย่างมีความสุข

    “เป็นไงบ้างเรา หลานซนหรือเปล่า”  พัชมลหันไปพูดกับผู้เป็นน้าชาย เมื่อเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่เดินไปส่งบุษรา ซึ่งหล่อนขอตัวกลับไปก่อนเมื่อทักทายปัญญาและพัชมลแล้ว

    “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ พอไหว ดีหน่อยได้บีเขามาช่วยบ้าง ไหนพี่ว่าจะกลับพรุ่งนี้”  จุลฉัตรยิ้มเมื่อพูดถึงหญิงสาวข้างบ้าน ไม่ทันสงสัยเมื่อผู้เป็นพี่สาวมองอย่างสังเกต

    “ก็งานเสร็จก่อนกำหนด เลยได้กลับมาก่อนพอดีพี่คุยกับพี่ปัญญาเขาจะขึ้นมากรุงเทพฯ พอดีเลยมาพร้อมกันเลย ...แล้วนี่กินอะไรมากันแล้วยัง”  พัชมลถามยิ้ม ๆ

    “แวะกินกันกลางทางแล้วครับ เห็นว่ามันเย็นแล้ว...ยังไงผมว่าวันนี้ผมกลับบ้านเลยแล้วกัน พ่อแม่ลูกจะได้มีเวลาคุยกันเยอะ ๆ”      

    “ขอบใจนะฉัตรที่มาดูตาเพียวให้”  ปัญญาพูดขึ้นมาเมื่อชายหนุ่มยกมือไหว้

    “ครับ”  

    จุลฉัตรขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าสองสามตัวที่เอามาสำหรับค้าง เอาของขึ้นรถ อดมองไปยังบ้านข้าง ๆ ที่เปิดไฟแล้ว แสงสีเหลืองอ่อนช่วยขับตัวบ้านสีเขียวให้ดูละมุนอ่อนหวานปานภาพวาดที่จิตรกรมือดีแตะแต้มเอาไว้ พัชมลเดินออกมาส่ง พร้อมหลานชายตัวกลมที่ยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย

    “ทำหน้าแปลก ๆ “  คนเป็นพี่ทัก  “ว่าง ๆ ก็แวะมานะ พอพี่ปัญญากลับไปทำงานต่อ พี่คงเหงา...บีเขาก็มาคุยกับพี่บ่อย ๆ แล้วพี่จะบอกบีเขาให้ว่าเรากลับไปแล้ว...”  

    เขายกมือลูบหน้า...นี่เขาแสดงสีหน้ายังไง...พี่สาวเขาเลยเอ่ยทักแบบนั้น  เขายิ้มให้ ลูบหัวหลานชาย ไหว้ลาพัชมลแล้วค่อยก้าวขึ้นรถขับออกไปช้า ๆ

    +++++++++++++++++++++++++

    บุษราเขย่งปลายเท้าเอื้อมมือจะหยิบหนังสือเล่มหนาที่อยู่บนชั้นหนังสือ พร้อม ๆ กับมือใหญ่ของใครอีกคนดึงหนังสือเล่มที่เธอต้องการออกจากชั้นมาก่อน เธอตั้งใจหันกลับไปเผชิญหน้า อย่างไม่ค่อยพอใจ

    “สวัสดีครับ”  เจ้าของมือยื่นหนังสือเล่มใหญ่หญิงสาว

    บุษรายืนอึ้งไปนิด ค่อยรู้สึกตัวเมื่อหนังสือโดนมือ  “ส...สวัสดีค่ะคุณฉัตร”  เธอทักออกไปอย่างแปลกใจปนดีใจเมื่อเห็นคนตรงหน้า

    จุลฉัตรดูแปลกตาไปมากเมื่อมีแว่นสายตาสวมอยู่ มองดูคล้ายนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ  มากกว่าชายหนุ่มอารมณ์ดี ท่าทางสบาย ๆ รักหลานอย่างที่เคยเจอเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่พัชมลกลับมา เขายังคงแวะเวียนไปหาพี่สาวและหลานชายตัวกลมบ้าง แต่ทั้งเธอและเขาก็ไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยนัก เจอกันก็ทักทายกันบ้างอย่างคนเคยรู้จัก

    “มาทำอะไรที่นี่ค่ะ”  บุษรายิ้มกับตัวเองอย่างขำ ๆ ที่ถามคำถามเชย ๆ ออกไป  “โทษทีค่ะ...ลืมไปว่านี่มันหอสมุด แล้วคุณก็สอนที่นี่ด้วย”  เธอให้หัวเราะอย่างเขิน ๆ เขายิ้มรับ ยกมือชูหนังสือสองสามเล่มที่อยู่ในมือให้ดู

    “เห็นคุณเดินเข้ามา ตอนแรกไม่แน่ใจเหมือนกัน เลยตามมา”  เขาเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม เมื่อบุษราเดินกลับไปที่โต๊ะ มีหนังสือที่ต้องการยืมอีกสองเล่มวางอยู่บนนั้น

    “เรียกบีเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก...มันฟังแล้วดูแปลก ๆ แบบไม่คุ้นเคยยังไงก็ไม่รู้”  เธอทักเมื่อเขาพูดกับเธออย่างสุภาพ  

    “ครับ งั้นบีก็เรียกผมว่า ฉัตร เฉย ๆ ก็ได้ เป็นการแลกเปลี่ยนนะ”  อีกฝ่ายเลยยื่นขอเสนอบ้าง  บุษราเลยพยักหน้ารับ  นานนับเดือนที่ได้รู้จักกันก็น่าจะเพียงพอที่มิตรภาพดี ๆ จะเริ่มต้น สำหรับคนสองคนที่ได้รู้จักกัน

    ทั้งเธอและเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่นาน จนผู้คนเริ่มบางตา เสียงใส ๆ ของเด็กสาวที่อยู่ในชุดนิสิต ก็ดังขึ้นมาแทรก

    “สวัสดีค่ะครู”  หญิงสาวผมยาวพนมมือไหว้อย่างเรียบร้อย พร้อมเด็กสาวที่ตามมาอีกสองคนที่อยู่ทางด้านหลัง และไหว้เผื่อแผ่มายังบุษราซึ่งยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน

    “อ้าว...ยังไม่กลับกันหรือพวกเรา ทำอะไรกันอยู่ล่ะ”  เขาทักทาย ยิ้มอย่างเป็นกันเอง

    “กำลังจะกลับค่ะ พอดีเห็นครูพวกหนูเลยแวะเข้ามาทัก”  เด็กสาวคนที่สองตอบ ซึ่งส่งยิ้มให้บุษราอยู่ก่อนแล้ว

    “งั้นพวกหนูขอตัวก่อนนะคะ”  

    เด็กสาวทั้งหมดก็ยกมือลา แล้วเดินเกาะกลุ่มเดินหายลงบันไดไปชั้นล่าง

    “พี่ฉัตรสอนเด็กสนุกมั้ยค่ะ”  บุษราอดถามไม่ได้ เรียกชื่อเขาตามข้อเสนอ และที่เรียกพี่เพราะเขาอายุมากกว่าเธอตั้งสามปี พอ ๆ กับบุรินทร์พี่ชายของเธอ

    “สนุกครับ  เวลาที่เราได้ทำอะไรที่เรารัก เรามักจะมีความสุขเสมอ ถึงบางครั้งต้องเจอตัวแสบ ๆ บ้าง... หรือบีว่าไม่จริง?”  เขาตอบดวงตาเป็นประกาย ถามต่อเมื่อสบตากับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม อย่างไม่ต้องการคำตอบ


    บุษราเจอจุลฉัตรบ่อยขึ้น อาจเพราะทั้งเธอและเขาต่างเรียนและทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน อาจจะไปทานข้าวด้วยกัน หาข้อมูลที่เธอต้องการ กลับบ้านด้วยกันบ้าง หรืออาจมีนัดดูหนังกันบ้างในบางครั้ง ตอนแรก ๆ เธอรู้สึกธรรมดากับการกระทำของเขา จนเพื่อนสนิทในกลุ่มต่างเริ่มตั้งข้อสังเกตอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ มันทำให้เธออดรู้สึกแปลก ๆ ในใจขึ้นมาไม่ได้
    เธอพยายามเลี่ยง ๆ ที่จะไม่เจอจุลฉัตรบ่อย ๆ อย่างเมื่อก่อน หรือเวลากลับบ้านก็จะไม่ค่อยเดินผ่านที่ซึ่งเขาจอดรถไว้เป็นประจำ  หลัง ๆ จุลฉัตรเลยพลอยเริ่มหายหน้าไปด้วย ที่บ้านพี่พัชเขาก็ไม่ค่อยโผล่หน้าไปเหมือนเก่า

    “บี”  เสียงทุ้ม ๆ เรียบเบา ๆ เมื่อเธอเดินพ้นมุมตึกเพื่อจะออกไปยังป้ายรถประจำทางข้าง ๆ หน้ามหาวิทยาลัย

    “พี่ฉัตร”  เธอชะงัก

    “ขอคุยด้วยหน่อยสิ ถ้าบีรีบพี่ขอ เวลาสิบนาที...ได้มั้ย”

    เธอพยักหน้า เดินไปนั่งยังม้ายาวใต้ต้นไทรต้นใหญ่  เขาก้าวเข้ามานั่งข้าง ๆ ห่างออกไปเล็กน้อย ต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอยู่ครู่  เสียงถอนหายใจจากคนที่นั่งตรงข้ามทำเอาเธอหันไปมองไม่ได้
    เขาหันมาสบตา แววตัดพ้อต่อว่าฉายชัด เธอเมินหน้ามองไปยังนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาอย่างบางตา

    “พี่ทำอะไรให้บีเหรอ ถึง...ถึงได้หลบหน้ากัน”  

    เงียบ...ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวข้างตัว เสียงทุ้ม ๆ เลยพูดต่อ

    “พี่ไม่รู้ว่า พี่ทำอะไรให้บีไม่พอใจ... เราน่าจะเข้าใจ และทำความรู้จักกันได้ในระดับหนึ่ง พี่คิดว่า ด้วยมือ ด้วยใจของพี่ที่แสดงออกไปบีน่าจะรับรู้ด้วยใจของบีเอง”

    ความเงียบเริ่มปกคลุมไปทั่วบรรยากาศรอบตัวของสองหนุ่มสาว จุลฉัตรนั่งคอตก เงียบ...ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก

    “พี่ฉัตร”  เสียงบุษราเริ่มสั่นเครือ รู้สึกแปลบ ๆ เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกของจุลฉัตร คนเรารู้สึกเจ็บแทนกันได้ด้วยหรือ? เธอถามใจตัวเอง

    “บีขอโทษ...ความจริงแล้ว พี่ไม่ได้ทำอะไรให้บีไม่พอใจเลย ทุกครั้งที่เจอพี่ บีกลับได้พบแต่ชายหนุ่มผู้แสนดี อาจมีบ้างที่บางเรื่องเราคิดไม่ตรงกันแต่นั่นมันไม่ใช่สาเหตุ มันเป็นเพราะตัวบีเองต่างหาก ตอนนี้บีกำลังว้าวุ่น...หรืออะไรก็ตามแต่...เหมือนไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง  เลยพยายามไม่เจอพี่  พี่พอจะเข้าใจความรู้สึกของบีบ้างมั้ยค่ะ”  เธอพูดออกไปอย่างยืดยาว ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

    “บีมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่...เชื่อมั้ยค่ะ?”

    “เชื่อดิ...ชั้นว่า นางเองเนี้ยะต้องรักพระเอกแน่เลย แต่ไม่รู้ตัวไงก็ เลยต้องหลบมุมกลับไปสำรวจความรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกยังไง ทำเอาพระเอกน้อยใจไม่ได้ แล้วมันก็แฮปปี้ในที่สุดแหง ๆ”  เสียงเด็กสาวสองคนเดินคุยกันผ่านหน้าบุษราและจุลฉัตรไป ในมือถือหนังสือปกสวยสีหวานในมือไว้ด้วย

    จุลฉัตรอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินข้อสนทนาของสองสาวที่เดินผ่านไป ยกมือบางขึ้นมากุมไว้ พอ ๆ กับหญิงสาวที่หน้าแดงเรื่อ

    “พี่เชื่อ...เรายังมีเวลาอีกมากที่จะเดินไปด้วยกัน เรียนรู้กันและกัน บีเชื่อพี่มั้ย?”

    “ค่ะ”  บุษรารับคำแผ่วเบา

    เธอรับรู้ด้วยใจ เหมือนที่เขาก็รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรด้วยใจเหมือนกัน

    ++++++++++++

    จากคุณ : พิจิกา...หน้าฝน - [ 30 ส.ค. 46 20:55:16 A:203.170.155.144 X: ]