เมื่ออารมณ์นั้น..มาเยือน
กริ๊งๆๆๆ เสียงออดดังขึ้นเป็นเสียงยาว บ่งบอกถึง
เวลาพัก ผมรีบเดินไปนั่งใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่
ซึ่งเป็นที่ ที่ผมชอบมานั่งเป็นประจำเวลาพักตลอด
สี่วันที่ผ่านมาตั้งแต่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ แต่วันนี้ออก
จะดูพิเศษหน่อย เพราะผมตั้งใจจะเขียนเรื่องราวความ
รักครั้งแรกของผม เก็บเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจตัวเอง
ผมชื่อ เอก เป็นคนต่างจังหวัด ตอนนี้ผมอายุ
ยี่สิบเอ็ดปีผมย้ายมาอยู่กรุงเทพเมื่ออายุสิบแปด
หลังจากเอ็นติดคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัย
ชื่อดังแห่งหนึ่ง
เมื่อผมมาเรียนที่นี่ได้ปีที่สอง ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเอง
แอบไปหลงรักสาวรุ่นน้องคนหนึ่ง ผมใช้ความพยา
ยามอย่างมากกว่าจะได้หัวใจเธอมาครอง
นี่คือรักครั้งแรกของผมครับ ผมบอกกับตัวเอง
อย่างนั้นเพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคบกับผู้หญิงคน
ไหนมาก่อน จนมาเจอเธอ ผมจึงได้รู้ว่าความรัก
มันงดงามอย่างนี้นี่เอง ความรักมันหวานชื่นอย่าง
นี้นี่เอง
เราจึงตัดสินใจ เช่าห้องอยู่ด้วยกัน เรารักกันมาก
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่คบกัน ทุก ๆ เรื่องเราไม่เคย
มีความลับต่อกัน แม้กระทั่งเรื่องที่เธอเคยผ่านผู้ชาย
มาแล้วถึงสองคนก่อนที่จะมาคบกับผม เธอก็ไม่ปิดบัง
และส่วนตัวผมเอง ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้
แต่ผมขอสัญญาจากเธอว่าขณะที่คบกับผมอยู่
อย่าไปมีอะไรกับใครอีก และเธอก็รับปากเป็น
อย่างดี
จนมาวันหนึ่งวันที่ทำให้ความรักของเราเริ่มจะร้าวฉาน
เมื่อมีหนุ่มนักธุรกิจหน้าตาดี เข้ามาเป็นมือที่สามใน
ชีวิตรักของเรา
จากที่เสร็จสิ้นการเรียน เธอจะกลับห้องตรงเวลา
เพื่อมาทำกับข้าว แต่ตอนนี้เธอเริ่มกลับดึกๆ พร้อม
กับกลิ่นแอลกอร์ฮอ ผมถามเธอ เธอก็ตอบว่า
ไปงานวันเกิดเพื่อนบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนมาบ้าง
และแล้ววันแห่งความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต
ผมก็มาถึง เป็นวันที่ผมสอบไล่ปลายภาค ของ
ภาคสองปีที่สามเสร็จสิ้น เพื่อนๆที่เรียนด้วยต่าง
ชวนผมไปฉลองสอบเสร็จ
ภาพที่ผมไปเห็นมัน
ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน เมื่อเห็นแฟนของผม
เมียของผม ผู้หญิงที่นอนร่วมห้องกับผมทุกคืน
ทุกวัน กำลังเคล้าคลอเคลียอย่างมีความสุขอยู่
กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มนักธุรกิจรูปหล่อคนนั้น
ไฟแห่งความแค้นในดวงตาของผมแทบจะเผา
หญิงชายคู่นั้นให้มอดไหม้เป็นจุนได้ในพริบตา
เพื่อนยังไงวันนี้ต้องขอตัวก่อนนะ ผมบอกกับ
เพื่อนซึ่งไปด้วยกัน เมื่อเห็นหญิงชั่วชายเลวเดิน
ออกมาหน้าร้านก่อนจะขึ้นรถเก๋งคันโก้ขับออก
ไปอย่างช้าๆ
ผมรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์ แล้วขับ
ตามไปห่างๆ
เก๋งคันโก้ขับได้มาครู่ใหญ่ก็เลี้ยวซ้ายเข้าโรงแรม
ม่านรูดแห่งหนึ่ง ใจผมตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดอย่าง
แสนสาหัส สุดทีจะพรรณนาเป็นคำพูดได้
คงไม่มีความเจ็บปวดใดๆ มากไปกว่านี้แล้ว
คงไม่มีคำจำกัดความใดๆมาบรรยายความเจ็บปวด
ตอนนี้ได้
ผมขับรถตามเข้าไปอย่างช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นแรง
และถี่รัว ก่อนจะไปจอดห้องตรงกันข้ามกับรถเก๋งคัน
เมื่อครู่ที่เพิ่งเข้ามาจอด
น้องๆ พี่เช่าห้องนี้นะ ผมบอกกับเด็กรูดม่าน
ค้างคืนหรือชั่วคราวครับ เด็กหนุ่มถามกลับมาทันควัน
ค้างคืน ผมตอบออกไปห้วนๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ค้างคืน ห้าร้อยแปดสิบบาทครับพี่
ผมส่งแบงก์พันให้ไป ก่อนจะบอกกับเด็กรูดม่านว่า
ขอผลไม้สดที่ยังไม่ปอกหนึ่งจานพร้อมมีดปอกผล
ไม้ด้วยนะ ส่วนเงินที่เหลือไม่ต้องทอน
เด็กรูดม่านประจำโรงแรมรับเงินไปด้วยท่าทาง
ดีใจเมื่อบอกว่าไม่ต้องทอน ผมรออยู่ในห้องโดย
แง้มประตูไว้เพื่อดูความเคลื่อนไหวของห้องตรงกัน
ข้ามครู่หนึ่ง เด็กรูดม่านก็นำผลไม้กับมีดมาให้ ก่อน
จะบอกกับผมว่า
ความจริงมีดเขาไม่ให้มาหรอกครับ แต่ผมแอบไป
ขโมยมาในห้องครัวจึงทำให้พี่รอนานหน่อย
ขอบใจมากนะ ผมตอบกลับไป
สองชั่วโมงผ่านไปผมนั่งเฝ้าดูความเคลื่อนไหว
ของห้องตรงกันข้าม ภายในใจก็ร้อนรุ่มดังไฟลน
ผมคิดไปต่างๆนาๆ ว่า ขนบธรรมเนียมประเพณี
ไทยสมัยก่อนนั้น ผู้หญิงต้องเป็นกุลสตรี ต้องรักนวล
สงวนตัว ต้องซื่อสัตย์ต่อสามี แต่บัดนี้ทำไมผู้หญิ
งถึงได้มั่วผู้ชายได้ขนาดนี้ ยิ่งอารยธรรมตะวันตก
เข้ามามีบทบาทต่อบ้านเราเมืองเรามากขึ้น
แต่งงานมีครอบครัว ก็ผ่านมือชายคนแล้วคน
เล่าไม่รู้กี่คน ยิ่งหนักกว่านั้น บางคนแต่งงานแล้ว
ก็ไม่วายที่จะคบชู้สู่ชายโดยไม่กลัวเวรกรรม
หรือคำติฉินนินทา บางรายก็ไปทำแท้งบ้าง
ทิ้งลูกไว้ข้างถนนบ้าง
เอี๊ยด..เสียงประตูห้องตรงกันข้ามถูกเปิดออกมี
แสงไฟลอดออกมานอกห้อง ผมรีบคว้ามีดปอก
ผลไม้เหน็บกระเป๋าหลังทันที ก่อนจะสาวเท้า
ก้าวเดินไป
พรุ่งนี้เจอกันอีกนะที่รัก เสียงชายหนุ่มพูดออก
มาขณะกำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม ภายนอกห้อง
ผมไม่รู้ว่าผมมีความรู้สึกเช่นไร ผมบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าเป็นอารมณ์โกรธ อารมณ์หึง หรืออารมณ์หวง
ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเห็นหญิงซึ่งผมเคยนอน
กอดทุกเมื่อเชื่อวัน หญิงซึ่งผมรักมาก
กับชายหนุ่มนักธุรกิจรูปหล่อ ชายหนุ่มซึ่ง
ผมมาทราบภายหลังว่า เขามีเมียแล้ว
และมีลูกซึ่งยังแบเบาะอยู่หนึ่งคน ล้มลง
จมกองเลือด ขาดใจตายอยู่ข้างๆรถเก๋งคันโก้คันนั้น
คันที่ผมขับตามมา
ตอนนี้สติสัมปชัญญะผมกลับคืนมาอีกครั้ง
ผมรู้แล้วว่าอนาคตผมดับวูบลงทันที ความสำนึก
ต่อบาปเข้ามาเกาะกินจิตใจโดยปริยาย
แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าผมทำไปได้ยังไง
ไม่รู้ว่าทำไปด้วยอารมณ์โกรธ อารมณ์หึง
หรืออารมณ์หวง แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าอารมณ์ใดๆ
ก็ตาม ผมไม่น่าทำลงไปเลย
กริ๊งๆๆๆๆ เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง
หมดเวลาพักแล้ว ไปทำงานต่อ เสียงชายวัย
สามสิบเศษดังขึ้น
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองช้าๆ ก่อนจะตอบออกไปว่า
ครับผู้คุม ผมตอบออกไปทันควัน แต่ก็ไม่ลืมที่
เขียนบันทัดสุดท้าย เพื่อให้เรื่องจบสมบูรณ์
ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป
ผมถูกพิพากษา จำคุก 20 ปีฐานฆ่าคนตาย โดยเจตนา
จากคุณ :
อัครสุวรรณ
- [
31 ส.ค. 46 03:46:30
]