ฉันวางโทรศัทพ์ไร้สายไว้ใกล้ ๆ หมอน ปิดเปลือกตาลงอย่างช้า ๆ ความทรงจำต่าง ๆ เริ่มผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด วิทยุเครื่องเล็กบนหัวเตียงยังส่งเสียงของมันต่อไป แต่ตัวฉันกลับไม่ได้ยินเสียงเพลงที่เปิดไว้เลย
กลางเดือนมิถุนายน ฉันอ่านหนังสือเตรียมสอบย่อยอยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เงียบไปครู่ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ฉันไปรับโทรศัพท์ที่อยู่อีกบ้านหนึ่ง (บ้านฉันมีสองหลังปลูกติดกัน เป็นบ้านไม้เก่าและบ้านใหม่แบบปูน) ฉันแปลกใจเล็กน้อยเมื่อมีคนโทรเข้าเครื่องนั้น เพราะเพื่อนส่วนมากจะรู้เบอร์บ้านใหม่ของฉันกันหมดแล้ว
ฮัลโหล ฉันเอ่ยทัก คิดว่า คงจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนพาณิชย์แน่ ๆ ที่โทรมา เพราะฉันให้เบอร์นี้ไว้ในหนังสืออนุสรณ์ไป อีกอย่างฉันก็ยังไม่ได้โทรไปบอกเพื่อนเก่าเลยว่า ฉันย้ายบ้านใหม่แล้ว
สวัสดีครับ เสียงจากปลายสายเป็นเสียงผู้ชายที่ฉันไม่คุ้นหูเอาซะเลย ฉันเลยได้แต่เงียบ รอให้อีกฝ่ายพูด
แอมใช่ไหม จำกันได้เปล่า อีกฝ่ายส่งเสียงมา
ไม่ได้ ใครง่ะ ฉันถามกลับตอบตามความจริง
จำไม่ได้จริงอ่ะ
อือ ฉันเริ่มเงียบ ไม่ชอบเล่นยี่สิบคำถาม ก็มันจำไม่ได้นี่นา
เราได้เบอร์จากเพื่อนเธอ อยากคุยด้วย คุยได้ใช่มั้ย เขากล่าวยาวขึ้น
เพื่อนคนไหน ตอนเรียนพาณิชย์เหรอ ในใจยังคิดว่าคงเป็นเพื่อนสมัยเรียนพาณิชย์แน่ ๆ
เขาไม่ให้บอก กลัวเธอดุ
แล้วเธอชื่ออะไร บอกชื่อกับนามสกุลมาด้วยนะ ฉันบอกเสียงเข้ม เหมือนครูสั่งนักเรียน เผื่ออาจเป็นคนที่ฉันรู้จักแต่โทรมาแกล้งกัน เพราะเพื่อนเก่า ๆ มักจะแกล้งฉันให้ใครที่รู้จักโทรมาอย่างนี้เสมอ ถ้าฉันรู้ชื่อจะได้ไปเปิดดูในหนังสืออนุสรณ์ ขอดูหน้าหน่อยเหอะ
เขาบอกชื่อมา ทั้งชื่อเล่น ชื่อจริงพร้อมนามสกุลเสร็จสับ ฉันจำไม่ยักได้ว่า เคยรู้จักชื่อนี้มาก่อน ก็ตอนเรียนน่ะ ฉันโดนอาจารย์ให้เก็บการบ้านและรายงานของคนทั้งห้องส่งเอง ฉันก็ต้องจำชื่อเพื่อนที่เรียนได้หมดนะสิ
ไม่ต้องมาอำเลย บอกมาดี ๆ นะ ถ้าฉันรู้ว่าเป็นใครนายตายแน่ ฉันยังไม่ยอมแพ้ เพราะแน่ใจว่าเป็นเพื่อนเก่าแน่ ๆ แต่มันไม่ยอมรับ
ก็บอกแล้วไง เสียงหัวเราะมาตามสาย
จริงอ่ะ ฉันถามอย่างเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของตัวเอง
จริงสิ
แล้วตกลงเราคุยกับเธอได้ป่ะ เขายังถามต่ออย่างรอคอยคำตอบ
ด้วยความที่ฉันเข้ากับคนง่าย ฉันเลยตอบตกลงเขาไป เราคุยกันอยู่สักพัก ฉันพยายามหลอกถามว่า ใคร ที่ให้เบอร์ฉันกับเขา แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่ยอมบอกฉันอยู่ดี
ไม่เป็นไรน่า
วันนี้ไม่รู้ วันหน้าก็ต้องรู้ ฉันหมายมั่น ก่อนจะวางสายกันไป ฉันเลยให้เบอร์บ้านใหม่กับเขาไปเพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องเดินมาบ้านเก่า และเป็นความสะดวกของฉันด้วยที่ให้เบอร์บ้านใหม่ไป
หลังจากนั้นเขาก็โทรมาหาฉันบ่อย ๆ ทำให้ฉันได้รู้จักเขามากขึ้น เขาทำงานแล้วล่ะ ทั้ง ๆ ที่เขาอายุเท่า ๆ กับฉันน่ะนะ
เราเรียนเร็วไปปี เรียนจบก็ทำงานเลย น้ำเสียงเขาภูมิใจนิด ๆ
ดีจัง
เราจะจบปีนี้ ก็อยากได้งานทำไว ๆ เหมือนกัน กะว่าเทอมสุดท้ายค่อยหา ฉันบอกเขาอย่างอิจฉานิด ๆ
เราคุยกันเรื่อย ๆ วันหนึ่งเขาก็พูดขึ้นมา
ปิดเทอมไปเที่ยวบ้านเรามั้ย
บ้านอยู่ไหนล่ะ ฉันถามออกไปอย่างแปลกใจ นึกว่าเขาเป็นคนกรุงเทพ ไม่ใช่คนต่างจังหวัด
สุพรรณฯ เคยไปมั้ย
ไม่เคย..แต่เรามีเพื่อนอยู่นั่นเหมือนกัน พูดจบฉันเลยฉุกใจคิดขึ้นมาได้
ไปลาใช่มั้ย ที่บอกเบอร์เรากับเธอ ฉันอุทานออกไป และได้ยินเสียงหัวเราะจากเขากลับมาเป็นคำตอบ
ปลาเป็นเพื่อนที่อยู่ซอยเดียวกับเรา แต่ไม่ได้เรียนด้วยกันเหรอนะ เรารู้จักกันโดยบังเอิญ เพราะพี่ชายเรารู้จักกับปลาก่อน ทำให้เราได้รู้จักกันไปด้วย ด้วยวัยเดียวกัน เลยทำให้เราสนิทกันในที่สุด
ไม่ต้องไปว่าปลานะ อีกฝ่ายยอมปกป้อง บอกเสียงอ่อย ๆ อย่างกลัวฉันจะไปฉะปลาเข้า
แล้วรู้จักกันได้ไง ฉันไม่รับคำแต่เสถามคำถามต่อไป
พอดีเรารู้จักกับเด่น ซึ่งปลาเป็นเพื่อนของเด่นอีกที เลยได้รู้จักกัน
อ๋อ
ตกลงเราชวนเธอไปเที่ยวแล้วนะ เขาย้ำมาอีกเลิกพูดเรื่องปลาไป
รับคำชวนไว้แล้วกัน จะไป ไม่ไป เอาไว้ว่ากันอีกที แล้วชวนไปนี่มันมีอะไรเหรอ ฉันยังงง เพราะไม่รู้ว่าที่นั่นเขามีงานอะไร ทำไมอยากให้ไป
พี่ชาย ญาติเราเขาจะบวช เลยจะชวนไปดูด้วย
ทำไม เธอจะกลับไปถือหมอนให้เขาเรอะ ฉันแหย่ ๆ ไป
เขาหัวเราะกลับมา เราบวชแล้ว แล้วก็ไม่ต้องไปถือหมอนให้ใครด้วย เดี๋ยวฟ้าฝ่าตาย
ว้า
ฉันร้องอย่างให้รู้ว่าเสียดาย อย่างนี้เราก็อดถือหมอนให้เธออะดิ ฉันยังนึกสนุก
นั่นดิ เขาหัวเราะ
++++++++++++++++
ในวันหนึ่งฉันก็เจอกับปลา แม่ตัวดีที่อุตส่าห์หวังดีให้เบอร์ฉันกับเขาไป
เขาเป็นลูกคนสุดท้อง มีพี่น้องสามคน พี่ ๆ เป็นผู้หญิงหมดเลย ฉันพยักหน้าเข้าใจ ว่าทำไมบางทีฉันเหมือนได้คุยกับน้องชายจอมอ้อน หรือเป็นเด็กชายเอาแต่ใจ พอดีเด่นอยู่อำเภอเดียวกันกับเรา เขาอยู่ใกล้อีกอำเภอเลยรู้จักกันไปด้วย วันนั้นไปเที่ยวกัน เขาขอดูมือถือเรา พอเห็นชื่อแอม เขาเลยขอไป ที่เห็นเขาก็ดีนะ แต่ดูเจ้าชู้ไปหน่อย คุยด้วยแล้วเป็นไงบ้างล่ะ ปลาอธิบายและขยายความถึงตัวเขา
ก็ดีนะ คุยสนุกดี ฉันตอบยิ้ม ๆ แต่ในใจชักแปลก ๆ เจ้าชู้ด้วย
น่ากลัว
แล้วแล้วคุยกับเขาบ่อยหรือเปล่า
ตอนนี้ไม่ได้คุย แล้วก็ไม่ได้เจอกันเลย เออ แล้วเคยเจอเขายัง ปลาถามกลับ ฉันได้แต่ส่ายหน้า
มันเป็นเรื่องที่ฉันเองก็กังวล เราคุยกันได้เดือนกว่า ๆ แล้ว แต่เราไม่เคยเจอกันเลยนะ ไม่ใช่เขาจะไม่อยากเจอฉัน แต่เป็นฉันเองต่างหากที่ไม่ยอมไปพบเขา พอเขาเสนอหรือชวนทีไร ฉันก็เฉไฉหาข้อหรือเหตุผลมาอ้างได้ทุกทีไป
ความจริง
ฉันก็อยากเจอเขานะ แต่
ฉันกลัวเขารับฉันไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่า ผลาไปพูดกับเขาเรื่องฉันยังไงบ้าง เขาถึงได้โทรมาหาฉัน อยากเจอฉัน และฉันก็เริ่มรับรู้ เมื่อระยะหลัง ๆ ที่เราคุยกัน เขาเริ่มมีท่าทีแปลก ๆ กับฉัน ชอบพูดคำหวาน ๆ ให้หัวใจฉันพองโตบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย บางครั้ง ฉันก็เริ่มที่จะเผ้าคอยเสียงโทรศัพท์ในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่เราสองคนคุยกันเป็นประจำ แต่เชื่อมั้ยฉันไม่เคยโทรไปหาเขาเลย แม้ว่าเขาจะให้เบอร์มา แต่ความผิดฉันเอง
ฉันจำได้ว่า จดไว้ในหนังสือวิชาที่อ่านสอบในวันที่เขาบอก ในช่วงแรก ๆ ที่ติดต่อกัน แต่พอกลับไปหา ฉันกลับหาเบอร์เขาไม่เจอ
แม้จะพลิกกระดาษบาง ๆ ดูทีละหน้า ทีละหน้าอย่างละเอียดก็ตามที
จากคุณ :
พิจิกา...หน้าฝน
- [
31 ส.ค. 46 19:39:18
A:203.170.150.211 X:
]