เก่า
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2435599/W2435599.html
ใหม่
ขอบพระคุณทุกท่าน ที่เข้ามาอ่าน-เขียน และขออภัยที่เขียนมาในเบื้องต้นนั้น มีคำสะกดผิดเพรียบ หวังว่า ทุกท่านคงแปลความได้ตามที่ฉันประสงค์ ไม่งง ไม่งวย ไม่ขวยและเขิล
คุณวอกเขียนเพิ่มเรื่องการเป็นระเบียบของค้างคาวได้อย่างต่อเนื่อง ค้างคาวเป็นระเบียบเช่นนั้นจริงๆ ----- ส่วนท่านอื่น ขอบพระคุณในความห่วงใย ฉันไม่ได้ห่วงของที่พังเลย เพียงแต่เล่าพฤติกรรมของคนให้ฟัง มันเพลินน่ะ แหะๆ โทษที
ง้าน มาต่อกัน นะฮ้า
..คืองี้
เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ฉันแต่งงานได้หมาดๆ ฉันบังเอิญไปรู้จัก กิจกรรมอบรมเรื่องพลังจิตนี้ได้อย่างไร - จำไม่ได้
อาจารย์ที่อบรม ท่านสอนนิติศาสตร์อยู่มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง แต่ท่านก็สนใจเรื่องจิต ท่านเลยไปจบเรื่องพลังจิตที่ญี่ปุ่นมาด้วย ถึงตอนนี้ หลายๆท่านอาจรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้เห็น ได้อ่าน ได้ยิน หรือแม้แต่ ได้ไปเรียนมาเองแล้ว
เช้าตรู่ของวันเสาร์ ที่แสนหว้าเหว่ สาวสวยนังหนึ่ง เดินวังเวง ลอบเข้าโรงแรมโรงแรมหนึ่ง มิได้ไปทำมิดีมิร้าย แต่เธอเข้าไป ประสงค์เพื่อปลดพันธนาการใจ
หน้าห้องจัดเลี้ยง มีผู้คนมากหน้าหลายลูกตา ดารดาษด้วยหนังสือหลากหลาย สาวนังนั้น โอเค
ฉันเอง ฉันไปลงทะเบียน เพราะได้ทำการสมัครไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลังจากลงทะเบียนที่หน้าห้องเรียบร้อย ฉันก็พุ่งไปนั่งที่เก้าอี้ขวาสุด แถวหน้าสุด แน่นอน การทำแบบนั้น ฉันรู้ลางๆว่า
ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
และแล้ว ปวงชน (ไม่แน่ใจเรื่องจำนวน แต่มากนับประมาณร้อยคน) ก็เข้านั่งเกาะเก้าอี้ของตัวเองจนเต็มพื้นที่ พอทุกอย่างพร้อม อาจารย์ผู้สอนก็ก้าวมาหน้าห้องเพื่อแนะนำตัวเองและอาจารย์ผู้ช่วย
เพื่อการยกระวางใจ นักเรียนก็ต้องลุกขึ้นมาแนะนำตัวหน้าห้องด้วย ฉัน
ฐานที่นั่งตรงจุด เลยโดนเป็นคนแรก ฉันกะเอาไว้แล้ว
ก้าวย่างที่มั่นคง เดินตัวตรง แต่ใจเอน ฉันแนะนำตัวหน้าชั้น พร้อมบอกเหตุผลที่มาเรียนในครั้งนี้
คนที่นั่งแถวหน้า ต้องออกมาหน้าชั้นทุกคน ที่เหลือยืนขึ้นแนะนำตัวเองที่เก้าอี้ของตนได้ แต่ละคนแนะนำตัวและเผยความในใจ ฉันก็เผย
การเผยความในใจของฉัน สั่นหัวใจคนทั้งห้อง บางคนน้ำตาคลอ อาจเป็นไปได้ว่า เขาและเธอมีจิตที่เมตตามาก หรือ เขาและเธอสัมผัสอารมณ์ลึกๆของฉันได้!
ด้วยความที่พ่อแม่สอนมาว่าต้องไหว้สวย ฉันไหว้คนทั้งห้องอย่างงดงาม และแย้มพรายนามกร ดิฉันชื่อ สือ ซาดาโอะเอ๊
เหตุผลที่เดี๊ยนมาเรียน เพราะ
(หยุดกลืนน้ำลาย) ฉันพยายามปั้นเสียงให้เป็นปกติ แต่ก็อดไม่ได้ที่เส้นเสียงจะเกร็ง จนสั่น เมื่อต้องพูดเรื่องส่วนตัว
ตั้งแต่เล็กจนโต เดี๊ยนโดนว่า ว่า ไม่เอาไหน ไม่เอาไหน จนมันฝังในจิตใต้สำนึกว่า ไม่เอาไหน เดี๊ยนอยากจะเปลี่ยนตัวเอง
(น้ำเสียงขาดช่วง) จึงมาในวันนี้ (ขาดช่วงอีก)
ขอบพระคุณค่ะ จบลงด้วยการไหว้อย่างงดงามอีกครั้ง แล้วลงนั่ง
อาจารย์และทั้งห้องอึ้ง!ไปชั่วขณะ และแล้ว
ทุกอย่างก็ดำเนินต่อไป
ฉันจำรายละเอียดเรื่องราวของคนอื่นไม่ได้มากนัก แต่ส่วนมากบอกว่า มาเรียน เพราะสนใจใฝ่รู้ และแต่ละคนก็ขี้อายมากไป ฉันเลยไม่ได้สนใจใครมากไปกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้า แต่ก็อดนึกไม่ได้ว่า กรู
ได้พลาดไปแล้ว ที่ดันเผยความในใจ แล้วนี่ ก็อีกคราที่เผย แต่ไม่ถือว่าพลาด เพราะ
(ทุกท่านที่ได้อ่าน กรุณาเติมคำในช่องว่าง ตามแต่ใจตนเทอญ)
ตามหลักสูตร ต้องเรียนเต็มสองวัน เสาร์ อาทิตย์ และต้องผ่านบททดสอบสามอย่าง มิฉะนั้น จะไม่ได้ใบประกาศว่าผ่านมาแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียสนะ เพราะทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ ทำเล่นๆแล้วเผ่นแนบ (ฉันรู้มาว่า บางคนแอบเผ่น เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสอบผ่าน)
ฉันเองฟังข้อสอบของอาจารย์แล้วต้องให้ลังเลไม่ใช่น้อย เพราะสิ่งที่ต้องผ่านเหล่านั้น ฟังดูแล้ว มัน เป็นไปไม่ได้
เป็นไปไม่ได้ ประโยคเน่าๆอย่างนี้ อาจารย์ขอ ขอให้เปลี่ยนเป็น เป็นไปได้ เพื่อเติมคำพูดและความรู้สึกเชิงบวกใส่หัวผู้คน
โจทย์
1. ต้องตัดตะเกียบไม้ให้ขาดด้วยกระดาษแผ่นบางๆ ห้ามตัดด้วยนิ้ว ต้องมีคนยืนยันว่ามันขาดด้วยกระดาษ (แท้ที่จริง ขาดด้วยจิต แต่ใช้กระดาษเป็นสื่อ เพื่อเป็นกลไก ให้จิตทำงานได้ง่ายขึ้น)
2. ต้องจำสิ่งของต่างๆให้ได้ และสามารถบอกได้ด้วยว่า สิ่งของเหล่านั้นอยู่ลำดับที่เท่าไร โดยจะมีการ เอ่ยสิ่งของพร้อมบอกลำดับ
3. ต้องผ่านการเป็นสะพานคน โดยการเอาปลายเท้าเกี่ยวขอบเก้าอี้ไว้ทางหนึ่ง ส่วนหัวหนุนเก้าอี้ทางหนึ่ง ระหว่างช่วงตัวคือ อากาศ!!! โล่งๆเลย เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องยอมให้คน ใครก็ได้ น้ำหนักเท่าไรก็ได้ ขึ้นไปยืนบนพุงเรา (ในขณะที่แอ่นเป็นสะพาน) ยืนแบบเต็มๆสองเท้าเป็นเวลากี่วินาที จำไม่ได้แล้ว แต่อย่างไรเสีย ต้องผ่านการทดสอบทั้งสามอย่าง มิฉะนั้น หากอยากจบ ต้องมาเรียนซ้ำๆๆๆๆ จนกว่าจะสอบผ่านทุกอย่าง จึงจะถือว่าผ่านได้จริงๆ
ฉัน
ผู้ไม่เคยไว้ใจในตัวเอง กังวลเป็นอย่างมาก มากจนเกือบถอดใจ ฉันคิดทันที ว่า อาจารย์ล้อเล่นแล้ว เรียนแค่สองวันนี่นะ จะทำได้ขนาดนั้น โดยเฉพาะข้อสาม
มันเป็นไปไม่ได้ ชะรอย อาจารย์อาจจะตั้งกฏขึ้นมา เพื่อสร้างความมุ่งมั่นแก่นักเรียนเป็นแน่ ถึงเวลาจริง หากจะทำได้ไม่ครบ อาจารย์คงไม่ถือสาหรอก
ฉันรำพึงกับตัวเอง พร้อมลังเลว่าพรุ่งนี้ จะมาเพื่อวัดดวง หรือจะเผ่นดี!
(เล่าไปเล่ามา ท่าจะยาว ฉันไม่น่าเริ่มต้นเลย)
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 46 01:13:10
จากคุณ :
น้าสือสาว
- [
31 ส.ค. 46 22:59:15
]