กวิตาทุ่มตัวลงบนที่นอนหนานุ่มพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้ที่หัวเตียงก่อนจะล้วงหยิบกระดาษขาวยับ ๆ ขึ้นมาคลี่อ่านข้อความที่เขียนด้วยลายมือสวย ๆ ในกระดาษแผ่นนั้น
รอยตาดุ ๆ กับริมฝีปากที่เม้มสนิทเวลาที่เจ้าตัวเผลอลอยมาในห้วงความคิดของกวิตาอยู่บ่อย ๆ และดูจะบ่อยจนบางครั้งแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าสายตาเธอหันไปจดจ้องเขาอยู่อย่างไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกครั้งก็เจอกับสายตาดุ ๆ คู่นั้นเสียแล้ว
มันดูจะแตกต่างระหว่างเธอกับเขา พี่ทัพ หากแต่เธอเองก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกนั้นเช่นกัน รู้สึกต้องตาถูกใจ หรือว่าหลงในความแปลกของเขาเธอก็ไม่แน่ใจ แต่ที่เธอแน่ใจก็คือ เธอไม่อยากให้เขาหลงอยู่ในความเหงาที่ฉายชัดออกมาทางดวงตาคู่ดุนั้น และการปิดกั้นตัวเองอีกอย่างที่เธอรู้สึกมาตลอด ว่าไม่ว่าจะเป็นใคร พี่ทัพก็มักจะไม่ยอมเปิดตัวเองออกมาสักเท่าไรนัก จะยอมพูดยอมจาก็แค่เรื่องงานนอกเหนือจากนั้นก็น้องๆ น้ำแข็งได้เลย จะเรียกว่าเย็นชาก็เป็นได้ เธอแค่อยากจะช่วยเขาให้สดใสขึ้น แค่นั้นเองเหรอที่เธอรู้สึก แค่นั้นจริง ๆ เหรอ
กวิตาโปะกระดาษแผ่นนั้นลงกับหน้าตัวเองก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ของเธอ พร้อมกับปล่อยความคิดที่กระเจิดกระเจิงนั้นให้ล่องลอยไปหาคนที่เธอกำลังคิดถึงเขาอยู่
ชายหนุ่มที่ยืนพิงเคาเตอร์สีดำมัน มองตามคนที่กำลังเดินไปเดินมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อนจะเดินเข้าไปสะกิด ถามด้วยภาษามือว่า
เป็นไรไป เดินเป็นหนูติดจั่นเชียว เสกถามเมื่ออีกฝ่ายหันมามองดวงตาฉายรอยคำถามชัดเจน
----ไม่รู้เหมือนกัน เบื่อ ๆ ----- อีกคนตอบและทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาสีน้ำเงินสดตัวโปรด
เบื่ออะไร แต่ก่อนไม่เห็นเคยบ่นเบื่อ แล้วนี่แม่ไปไหน
-----ไปหาพ่อ--- คำตอบสั้นง่ายจากคนที่นั่งถอนหายใจยาว
คิดถึง กีวี่เหรอไง เพื่อนซี้ถามทั้งภาษามือและภาษาพูด หากแต่อีกฝ่ายนั่งนิ่ง ๆ กับคำถามนั้นจนคนถามต้องถามด้วยภาษามืออีกครั้ง เจ้าตัวจึงยอมตอบ
----คิดทำไม เสียเวลา-----
ให้แน่เถอะ เสกทำหน้ายิ้ม ๆ เหมือนจะรู้ทัน
-----คิดไปก็เสียเวลา บอกแล้วว่าต่างกัน----
ต่างแล้วไงล่ะ รู้หรือไงว่าเขาไม่ชอบน่ะ ก็ปิดตัวเองเข้าไปสิ คนรู้ทันย้อนเสียงเข้ม ก็จะไม่รู้ได้ไง เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนม ก็ไม่เคยเห็นเพื่อนมีอาการประหลาด ๆ อย่างนี้เสียที นี่อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้ที่เพื่อนออกอาการแปลก ๆ กับผู้หญิงคนนั้น จบประโยคก็ได้รอยตาดุ ๆ จากคนเป็นเพื่อนมาเป็นของกำนัน
----นายอย่าลืมว่าเราพูดไม่ได้ ตอนนี้อาจจะชอบ แต่ต่อไปถ้าเกิดเบื่อขึ้นมาล่ะ เราไม่อยากเสียความรู้สึกไปมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ เท่านี้ก็ดีอยู่แล้ว--- คราวนี้ตอบยาวขึ้นอีกหน่อย
ไม่ลองก็ไม่รู้ นี่ได้ยินว่า กีวี่ไปเรียนภาษามือแน่ะ หลังจบประโยคดูเหมือนว่าคนที่ฟังอยู่หันมาจ้องทำตาโตก่อนจะส่งภาษามือว่า
----อย่ามาหลอก-----
ใครไปหลอก จริงโว๊ย
คนถูกหาว่าหลอกโวยทั้งภาษามือและภาษาพูดเชียวล่ะ จะหลอกไปทำไมว่ะ ประโยคหลังพึมพำกับตัวเอง แต่อีกคนจับคำพูดได้จากฝีปากเลยต่อภาษามือให้ว่า
----ไปพูดอะไรกับเค้าเปล่า-----
ว่ะ ไอ้นี่ คราวนี้ชักฉุนเลยไม่ส่งภาษามือแต่ส่งภาษาพูดแทนเสียอีก จะพูดไรได้ว่ะ เดี๋ยวแกก็เตะข้าเท่านั้น คราวนี้ส่งเป็นภาษามือทันที ก่อนจะตบท้ายด้วยว่า กลับแระขี้เกียจโดนสอบเจอกันพรุ่งนี้ แล้วเจ้าตัวก็เดินออกไปดื้อ ๆ ทิ้งให้กองทัพมองตามอย่างไม่เข้าใจเท่าใดนัก
มันก็อาจจะใช่ที่เขารู้สึกถูกใจหญิงสาวคนนั้นมากกว่าที่เคยได้รู้สึกกับใคร แม้แต่กับเพื่อนที่เรียนภาษาใบ้ด้วยกัน แต่ถึงจะให้ถูกใจเท่าไรก็ตาม เขาก็รู้ตัวอยู่เสมอว่าเขาและเธอไม่เหมือนกัน และจะไม่มีวันเหมือนกัน ด้วยความแตกต่างที่เป็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ด้วยความจริงที่ต้องเจอ
นานเท่าไรแล้วนะที่ความรู้สึกนี้ถูกกดให้ลึกอยู่ข้างใน เพราะปมด้วยของตัวเองทำให้ต้องกดความรู้สึกนี้เอาไว้ ยิ่งยามที่ได้พบเจอผู้คนมากเท่าไร และผู้คนได้รู้ว่าเขาเป็นอะไรมากเท่าไร ความรู้สึกที่พยามยามเก็บเอาไว้ก็จะดิ่งลึกลงไปทุกที ทุกที แต่
เพียงไม่กี่อาทิตย์ หญิงสาวคนนั้นได้ดึงเอาความรู้สึกนี้ขึ้นมาจนเขาแทบจะคลั่งเลยทีเดียว
รอยยิ้มสวย ๆ ที่เขาเห็นในวันแรก และความสนิทคุ้นเคยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากเธอนั้น ทำให้ใจเขาเขว้ไปทุกครั้งแม้จะพยายามปิดตัวเองจากเธอเท่าไรก็ตาม และเมื่อหันไปและสบตากันโดยบังเอิญนั้น เขาก็แทบอยากจะให้ตัวเองปกติเหมือนคนอื่นเขา ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยแม้จะคิดว่าอยากจะพูดได้ แต่ตอนนี้เขากับรู้สึกและเริ่มคิด คิด และคิดเข้าไปทุกที
คำเดียวที่คั่นระหว่างคนสองคนไว้ หรือกลั้นตัวเองเอาไว้ก็แค่ ปมด้อยนั้น ปมด้อยที่ไม่สามารถลบได้จนตาย เขาจึงได้พยายามกันเธอออกไปจากสมองและความรู้สึกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันสำเร็จตราบใดที่เขายังคงสบตาคู่สวยที่ยิ้มได้คู่นั้น
จากคุณ :
เปียร์รุส
- [
31 ส.ค. 46 23:09:56
]