2 / 13

    น้าสือจอมเกเร ทำแสบแล้ว

    เนื่องจาก เรื่องพลังจิต น้าบอกไปหมดในทู้อื่น เช่นเวบ อจ. ไปหามาให้ ชื่อหนังสือก็ค้นจนฝุ่นเข้าหมูก เลยฉวยโอกาสไม่เล่าเพิ่มมากนัก เปลี่ยนเรื่องเลยเรา (ดู)

    คิดว่าผู้สนใจคงได้มีความหวังและไปหาความรู้ตามที่อยากรู้กันแล้ว เลยเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย

    อย่างไรเสีย เล่าส่วนตัวนิดหน่อยก็ได้... ในหลักสูตรมีการนั่งสมาธิ

    การนั่งสมาธิ ฉันนั่งหน้าตรงหน้าอจ. อจ.จูงจิตเก่ง ฉันไม่เคยแคร์เรื่องสมาธิในก่อนหน้านั้น เพราะนั่งทีไร ฟุ้งซ่านทุกที แต่นี่มันตามกฏ ก็เอาวะ นั่งไปงั้น

    ด้วยความที่ไม่ใส่ใจ ฉันกลับปล่อยใจสบายไม่ฝืน อจ.จะพูดจูงจิตเช่น

    "บัดนี้...จะเห็นบึงกว้างใหญ่ อากาศร่มเรื่น รู้สึกดีมากทุกคนเห็นบัวกลางบึง อยากเอื้อมเด็ดแต่เด็ดไม่ถึง" -------  นำจิตให้จ่อกะที่ท่านนำ สักพัก ฉันเห็นสิ่งที่ท่านพูด ก่อนท่านพูดเสียอีก! จนแปลกใจแต่รักษาอาการ

    และครานี้เอง ที่ฉันได้สัมผัสความ"สุข สงบ เย็น" ชนิดที่หาที่ใดไม่ได้ในโลก ฉันคิดทันที นี่เอง! น่าจะเป็นสุขสงบเย็นที่พระหรือผู้ปฏิบัติดีท่านได้สัมผัส และต้องมีในหลายระดับ กล่าวคือ...  สุขที่ฉันว่า แม้จะสูงกว่าสามัญชนจะสัมผัสได้ แต่ก็คิดว่า ท่านที่ปฏิบัติมาดีมากๆ ท่านต้องได้สัมผัสสุขนี้ ในขั้นสูงกว่า

    ฉันสัมผัสสุขนั้นเพียงนับเป็นวินาทีเท่านั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา กิเลสเกิด ติดสุข อยากสุข เลยไม่ได้สุขแบบนั้นอีกแล้ว

    "มันเป็นสุขที่บรรยายไม่ได้ และหาไม่ได้ในโลกจริงๆ" ต้องรู้เอง จึงจะรู้ได้เอง ใครบอก อธิบายอย่างไร หาใด มาเปรียบให้เข้าใจ "ไม่ได้เลย"

    อจ. สั่งต่อว่า "ต่อไปนี้ ทุกคนจะเหมือนถูกดึงไปทางขวาอย่างแรง ฉันรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อทุกมัด จากแผ่นหลัง(แถบขวาและคอ แขนขวา) รู้สึกการดึงตัวของกล้ามเนื้อ ปื๊ดเลย  ฉันเอนตัวแบบบังคับไม่ได้ จนศอกชนพื้น สูญเสียการคอนโทรล มันถูกจิตบังคับกายจริงๆ (อันนี้ฉันประหลาดใจมาก พอๆกับหลายๆอย่างที่เจอที่นี่)

    และแล้ว อจ. ก็นับถอยหลัง และดีดนิ้ว เพื่อให้ทุกคนหลุดจากภวังค์

    ทันทีที่อจ. ดีดนิ้ว ฉันเซล้มไปทางขวาอย่างสุดยั้ง

    แน่นอน อจ. "สังเกต"

    และหลังจากที่ ได้ฝึกมาสองวันก็มีการสอบตามที่เรียนไปแล้ว ฉันสังเกตว่าผู้ชาย ต้องทำซ้ำหลายรอบกว่าจะทำได้ ส่วนหญิงไทยใจเด็ด ทำได้ทันทีในคราแรกทุกคนไม่มีพลาด

    ตอนเป็นสะพานคน ฉันก็หลับตา อจ. ผู้ช่วยมาสะกดจิตข้างหูว่า เราคือสะพานคอนครีตหรือเหล็กจำไม่ได้ เอาเป็นคอนกรีตแล้วกัน เป็นสะพานที่ยืดหยุ่นได้ สักพัก ฉันรู้สึกมีเท้าสองเท้ามาเหยียบนาน รู้สึกหนัก แต่ต้านได้

    พอพี่คนนั้นลง ฉันแทบเข่าทรุดเพราะประหลาดใจว่าตัวเอง ยังกระดูกไม่หักและ รับน้ำหนักได้ดีเกินปกติ ตอนนั้น ฉันน้ำหนัก 50 กก. แต่คนเหยียบฉัน หนัก60 กก.  เอ่อ... คือ...

    ฉันลอบสังเกตฝั่งชาย หลายคนพอโดนเหยียบก็หล่นพื้น ทำตั้งหลายรอบ หญิงทำไมใจเด็ดกว่าชาย "น่าคิด" ไม่ได้โม้ หญิงผ่านทันทีในการสอบครั้งแรกของทุกอย่าง

    อ้อตอนนั่งสมาธิ อจ.บอกว่า แหม บางคน พอบอกให้เอน ก็เอนนิดหน่อย บางคนเอนจนติดพื้น (ฉันเอง) แต่มีบางคน นั่งตรงเฉย.... (คนนั้นก็เป็นผู้ชายอีก ฉันว่าน่าศึกษาแล้ว น่าสนใจมาก)

    ในระหว่างเรียน อจ. ชะรอยจะเห็นแววฉัน จึงให้ทำอะไรที่ยาก นอกเหนือจากข้อสอบ แต่ฉันใจไม่ถึง และคิดว่าที่ผ่านมาทั้งหมด ก็แทบเป็นลมแล้ว

    แต่กับตอนนี้ อยากลองทำในสิ่งที่อจ.ให้ทำมาก อยากรู้ว่าจะทำได้ไหม และถ้าทำได้ ฉันก็จะเป็นหญิงเหล็กเดียวที่หาญกล้า แต่..เออ เออ... ช่างมันเถอะ

    ตามหลักการณ์ การมาเรียน ถือเป็นการเปิดจิต ให้รับสิ่งๆดีดี เข้าสมองได้ง่าย

    แต่ก็ต้องกลับมาฝึกอีก "ทุกวัน" เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม แล้วสิ่งนั้น จะติดตัวเราไป และจะนำมาใช้เมื่อไรก็ได้ตลอดชีวิตเลย

    ฉันคนมีอุปสรรค ฉันอธิบายให้สามีฟังว่า การฝึกอย่างนี้ไม่ควรให้มีกังวล หากจะหลับก็ควรปล่อยให้หลับ ถ้าให้กังวลว่าต้องกลับมานอนที่ห้องอีก ฉันจะไม่มีสมาธิ

    สามีไม่สนหรอก รู้แต่ว่า... เธอเป็นเมียฉัน ห้ามนอนแยกห้องนอน ไม่งั้นไม่ถือว่าเป็นผัวเมีย "ฉันขี้เกียจทะเลาะ"

    ฉันจึงเป็นคนที่ ไม่สามารถดึงเอาศักยภพ มาใช้ อย่างอัตโมัติ ตามที่ควรจะเป็น

    น่าเสียดาย น่าเสียดายมาก แต่ฉันไม่ยอมจำนน กับการต้องเป็นหอยในเล้าหมูหรอก

    ฉันปฏิวัติ! แล้ว

    (โปรดติดตามเรื่อง 2 / 13)


    แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 46 18:13:19

    แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 46 11:29:52

    แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 46 11:14:11

    จากคุณ : น้าสือสาว - [ 4 ก.ย. 46 02:42:30 ]