The Dragon Tale ตอน8(ต่อ)

                                  ดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดเข้ามาปกคลุม บรรยากาศในป่าถาวรเงียบเหงาวังเวง อากาศหนาวเย็นลมกรรโชกมาเป็นระยะๆ เสียงนกจำพวกการ้องรับกันเป็นช่วงๆ

                                  เขาทั้งสามนั่งล้อมวงรอบกองไฟ นานๆจะพูดกันสักคำ

                                  “พูดอะไรกันบ้างสิ” เชก้าพยายามทำลายความเงียบเหงาซึมเศร้า-ไม่มีใครสนใจเขา”ทำไมมันหนาวอย่างนี้ กลางวันก็ร้อนแสนร้อนกลางคืนก็หนาวแสนหนาว พวกนายว่าไม๊” ก็ยังไม่มีใครสนใจเขาอีก”พวกนายไม่คิดจะพูดอะไรกันแล้วใช่ไม๊ พวกนายจะเงียบอย่างนี้ไปถึงไหน เงียบไป เศร้าไป คิดมากไป ยังไงมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกนะมีแต่จะทำให้ตัวเองท้อแท้ไปเปล่าๆ พวกนายต้องเข้มแข็งสิ เข้มแข็งน่ะเข้าใจไม๊” เชก้าลงเสียงหนัก

                                    เซริกมีปฏิกิริยาตอบโต้ (ได้ผลแฮะ-เชก้าคิด) เขาหันมาสบตาเชก้าแล้วเอ่ย

                                    “ฉันไม่ได้ท้อแท้และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเราต้องเข้มแข็ง ฉันแค่กำลังทบทวนคาถาอยู่เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้ใช้ทันที” (เชื่อเขาเลย-เชก้าทึ่ง) ”นายนี่ รบกวนสมาธิจริงๆ”

                                     “พี่จำมนต์อัศวินได้ไม๊” กาซุจ้องเข้าไปในดวงตาเซริก “พี่จำให้ได้สิว่าพี่คืออัศวินแห่งลม” นานทีเดียวกว่ากาซุจะถอนสายตาจากเซริก

                                     “กาซุใช้พลังเทพใช่ไม๊” เซริกคาดคั้น กาซุก้มหน้าเขาไม่ปฏิเสธ”มันจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ พลังหดหาย กาซุก็รู้ไม่ใช่หรือ”

                                     “แต่มันก็ทำให้พี่จำวิธีใช้มนต์อัศวินได้” กาซุเอ่ย

                                    ลมกรรโชกแรงต้นไม้น้อยใหญ่ต่างลู่ตามแรงลม นกกาแตกตื่นบินขวักไขว่ เสียงลมหวีดหวิววังเวงบาดลึกถึงจิตใจ

                                              ซวบซาบ… ซวบซาบ...  

                                    เสียงสิ่งมีชีวิตบางชนิดกำลังแหวกหมู่ไม้มุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเขา เสียงนั้นดังมาจากทุกทิศทาง

                                     “เตรียมตัวให้พร้อม” เซริกตะโกน

                                     เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วมันก็โผล่ออกมา-มันเป็นสัตว์ประหลาดตัวมหึมารูปร่างน่าเกลียด มันมีขาเหมือนแมงมุมมีส่วนหัวขนาดใหญ่เป็นก้อนวุ้นใสๆภายในบรรจุของเหลวเป็นเมือกเหนียวๆสีคล้ำราวเลือดเน่าๆ มันไม่มีหู ไม่มีตา ไม่จมูก มีแต่ปากที่มีลิ้นสองแฉกแบบงูแลบไปมาตลอดเวลา มันพุ่งเข้าหาพวกเขาจากทุกทิศทาง

                                                              ซิลเวอร์สไปรัล!!

                                        คลื่นสีเงินจากมือของเซริกพุ่งไปกระทบร่างของพวกมันทันที-มันตายเป็นสิบ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นพวกมันยังคงกรูกันเข้ามาเรื่อยๆ มันมากันเป็นร้อยๆตัว


                                                               “ด้วยพลังแห่งธรณีเทพ ขอแส้ธรณีจงปรากฏ”

                                                           กาซุลอยตัวอยู่กลางอากาศในมือของเขามีแส้สีน้ำตาลมันวับ

                                                                        แส้ธรณี!!

                                          กาซุฟาดแส้ในอากาศ แผ่นดินตรงหน้าสั่นสะเทือนแล้วค่อยๆทรุดตัวลง สัตว์ประหลาดถูกสูบจนจมดิน

                                           ทางด้านเชก้า เขาไม่รู้ว่าจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดพวกนี้ยังไง เขาคว้าท่อนไม้ได้ก็กวัดแกว่งไปมา สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งโดดใส่เขามันใช้เท้าจิกลงบนแขนของเขาจนเลือดไหลเป็นทาง เขาล้มลงมันค่อมอยู่บนตัวเขา เชก้าพยายามดิ้นรน มันยิ่งกดตัวเขาแน่น แขนข้างที่บาดเจ็บเริ่มหมดความรู้สึก เชก้าพยายามใช้แขนข้างที่เหลือคว้าท่อนไม้ที่ตกอยู่ใกล้ๆตัว เมื่อจับได้เขาก็หยุดดิ้น เนื่องจากสัตว์ประหลาดไม่มีตา มันคงคิดว่าเขาตายหรือไม่ก็หมดสติไปแล้ว มันค่อยๆยกตัวขึ้นและอ้าปากกว้างขึ้นเรื่อยๆลมหายใจร้อนๆแถมเหม็นคละคลุ้งปะทะใบหน้าของเขาเต็มๆ เชก้าแทบจะอาเจียนออกมา

                                           จังหวะเดียวกันกับที่มันพุ่งหัวลงมาหมายจะกัดเขา เชก้าเสียบท่อนไม้เข้าไปในปากของมัน ท่อนไม้แทงทะลุผิวหนังของมันน้ำเมือกสีดำคล้ำไหลทะลักอาบกายเขา เชก้ากระเถิบตัวได้ทันก่อนที่ร่างของมันจะทับลงบนตัวเขา-มันตายแล้ว เชก้าถอนหายใจอย่างโล่งอก


                                                               ครืดคราด… ครืดคราด…

                                 สัตว์ประหลาดหลายสิบตัวลากเท้าเข้ามาหาเขา เชก้าดันตัวขึ้นเขาถอยหลังไปเรื่อยๆพลางมองหาเพื่อนๆ –เซริกกับกาซุกำลังสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านี้อย่างดุเดือด คงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขาตกอยู่ในอันตราย(ทุกคนก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน) สัตว์ประหลาดตรงหน้าลากเท้าเข้ามาหาเขาอย่างใจเย็น เชก้านึกถึงไฟขึ้นมาเขามองหากองไฟแต่มันก็อยู่ไกลเหลือเกิน เขาจ้องไปที่เหล่าสัตว์ประหลาดพร้อมทั้งเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเผาผลาญสัตว์ประหลาดเหล่านี้ให้สิ้นซากด้วยไฟ

                                                                             พรึ่บ…

                                  สัตว์ประหลาดเหล่านั้นลุกติดไฟขึ้นมาเอง แม้กระทั่งตัวที่ตายแล้วก็ยังติดไฟ เชก้าตกใจกับภาพที่เห็น กาซุกับเซริกวิ่งมาหาเขา

                                  “เชก้า นายใช้มนต์อัศวิน” เซริกว่าพลางฉีกเสื้อมาพันแผลที่แขนของเชก้าไว้ “นายทำได้ยังไง”

                                  “ฉันไม่รู้ ฉันแค่อยากจะเผาพวกมันให้สิ้นซากเท่านั้นเอง” สายตาของเชก้ายังคงจับจ้องร่างที่ลุกเป็นไฟนั้นอยู่

                                   “สมแล้วที่เป็นอัศวินแห่งไฟ” กาซุเอ่ย


                                                                         กรี๊ด… ช่วยด้วย…

                                    เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น พวกเขาทั้งสามตามเสียงนั้นไปทันที เด็กสาวคนหนึ่งวิ่งมาชนเชก้า เธอกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง

                                    “ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย” เด็กสาวละล่ำละลัก

                                    “เกิดอะไรขึ้น” เชก้าถาม เด็กสาวมองกลับไปในความมืด ไม่มีสุ้มเสียงใดๆมีเพียงดวงตาสีเหลืองคมกริบจ้องมองออกมา

                                      “มัน มันอยู่ตรงนั้น” เด็กสาวกอดแขนเชก้าไว้แน่น

                                      “มันคงไม่ออกมาแล้วล่ะ เธอไปกับพวกเราก็แล้วกันแล้วพรุ่งนี้เราจะพาไปส่ง”เซริกบอกแล้วเขาก็นึกได้ว่าพวกเขาไม่รู้ทางออก

                                       “ไม่ได้หรอก ฉันยังไปไม่ได้ สร้อยของแม่ฉัน สร้อยของแม่” เด็กสาวสะอึกสะอื้น ”สร้อยที่แม่ให้ไว้ดูต่างหน้าอยู่ที่มัน” เด็กสาวคุกเข่าลงตรงหน้าเชก้า เธอจับขาเขาร้องไห้ปานจะขาดใจ “ช่วยฉันด้วยเถอะ ช่วยเอาคืนมาได้ไม๊”

                                         เชก้ามองหน้าเซริกเพื่อขอความคิดเห็น เซริกยักไหล่เป็นเชิงว่า’แล้วแต่นาย’ เชก้าคุกเข่าลงไปประคองเด็กสาวให้ลุกขึ้น

                                        “พวกเราจะช่วยเธอ” เชก้าบีบไหล่เด็กสาวเบาๆ เธอพยักหน้าน้อยๆ

                                        “ขอบคุณมาก” เธอเอ่ย

                                         ขณะที่เซริก กาซุ และเชก้าเดินมุ่งหน้าเข้าไปในความมืดนั้น ”เดี๋ยวก่อน” เด็กสาวเรียกพวกเขาไว้ “ฉันให้ยืม” เธอส่งดาบให้เชก้า (เธอเอาดาบมาจากไหนนะ-เชก้าสงสัย)    ”ระวังตัวด้วยนะ”เธอกล่าว

                                          หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านเข้าไปสู่ความมืดมิดนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาว

                                          “ขอให้โชคดีก็แล้วกัน” เธอเอ่ย

                                      @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    จากคุณ : kaze (kaze_kaze) - [ 4 ก.ย. 46 10:37:11 ]