โอะคะเอะรินะซัย สวัสดีครับทุกท่าน แฮะๆ วันนี้ขอทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นหน่อยนะ
ช่วงนี้ก็เริ่มเข้าฤดู อะคิ แล้วนะครับ (ฤดูใบไม้ร่วง)
ขณะที่พิมพ์อยู่ใน อิมะ นี่ (ห้องนั่งเล่น) เมื่อมองผ่าน มะโดะ (หน้าต่าง) ออกไป ก็เห็น
อะโซบิบะ (สนามเด็กเล่น)ซึ่งเหล่าเด็กๆ กำลังเล่นกันอยู่ เด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเล่น
นะวะโตบิ (กระโดดเชือก) บางกลุ่มก็เล่น โอะนิโงคโคะ (เล่นไล่จับ) หรือไม่ก็ คะคุเรนโบะ (ซ่อนหา)
อืมม์...... ได้ศัพท์ไปหลายคำเหมือนกันนิ
link
ตอน1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2434380/W2434380.html
ตอน2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2436544/W2436544.html
(เรื่องสั้น แต่ทำไมชักมีหลายตอนจังแฮะ)
*****************************************
ตอนที่ 3
ทาดาฮิโร่นั่งมองอากิระที่กำลังตอกไข่ไก่ดิบแฝดลงในถ้วยใบเล็ก เมื่อตีไข่จนเข้ากันได้ที่แล้ว อากิระยื่นถ้วยไปให้กับยูมิที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามของโต๊ะอาหารด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ต่างกับฮิโร่ที่บัดนี้นั่งหน้าซีด พลางเลือบมองยูมิที่ยังคงนั่งจ้องอากิระด้วยความตกตะลึง
จะไม่ให้ตกตะลึงได้ไงล่ะ... ก็อากิระพี่ชายของเขาคือโยชิสุกะ ยูกิ นักร้องดังขวัญใจวัยรุ่นทั่วทั้งประเทศ!!
อ่ะนี่ยูมิจัง ไข่สำหรับจิ้มเนื้อ อากิระพูด หลังจากนั้นก็หันไปสาระวนทำสุกี้ ใส่ผักกับต้นหอมญี่ปุ่น ใส่เนื้อ เห็ดชิตาเกะ เห็ดเข็มทอง เต้าหู้ก้อนสำหรับทำสุกี้ เทโชยุสูตรเฉพาะกับน้ำตาลและไวน์ขาวอีกเล็กน้อย และแถมด้วยชีสกับเนย สูตรลับประจำตระกูลอามาซึที่ไม่เหมือนใคร
ยูมิรับถ้วยมาอย่างงงๆ ซักพักก็รู้สึกตัวว่าจ้องมองมากไปอย่างเสียมารยาท เธอทำตัวให้เป็นปกติ แล้วจึงถามขึ้นว่า
เอ่อ... โยชิสุกะซังคะ(ซังแปลว่าคุณ , คุงไว้ใช้เรียกกับเด็กผู้ชาย , จังใช้สำหรับเด็กผู้หญิงหรือผู้ที่เด็กกว่า)
เรียกพี่อากิระก็ได้ โยชิสุกะ ยูกิเป็นชื่อเรียกในวงการ มันเป็นนามสุกลเก่าของแม่น่ะ ชายหนุ่มผมยาวปะบ่าแบบร็อกเกอร์แก้ให้
ค่ะ พี่อากิระ คือ.....พี่เป็นพี่ชายของฮิโร่คุงเหรอคะ
อืมม์ แน่นอนสิ พี่แท้ๆ เลยล่ะ ฮิโร่ไม่เคยบอกให้ยูมิจังรู้หรือ? อากิระถาม พลางเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องชายเล่น
ม... ไม่เคยเลยค่ะ ปิดเงียบเชียว ยูมิว่า พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปทางฮิโร่ ซึ่งตอนนี้ทำเป็นเสหยิบเนื้อที่สุกแล้วในกระทะไฟฟ้ามาจิ้มไข่ไก่ในถ้วยใส่ปากแล้วตามด้วยข้าวหอมญี่ปุ่นร้อนๆ ไม่พูดไม่จา (สุกี้ที่กินกันตามห้างของไทยกับสุกี้ญี่ปุ่นจะแตกต่างกันมาก ของญี่ปุ่นจะผัดแห้งๆ บนกระทะไฟฟ้า เวลาทานให้ตอกไข่ไก่ดิบใส่ถ้วยแล้วคนไข่ขาวกับไข่แดงให้เข้ากัน แล้วจึงนำสิ่งที่ผัดบนกระทะมาจุ่มไข่ให้ชุ่มแล้วใส่เข้าปากไป ปล. อันนี้คนเขียนขอยืนยันว่าไม่คาวเลย หวานอร่อยกลมกล่อมมาก ผมชอบทานมากกว่าสุกี้แบบจีนที่มีอยู่ทั่วไปซะอีก ส่วนเครื่องปรุงจะหายากหน่อย ไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ต้องไปหาดูตามห้างใหญ่ๆ ส่วนในกรุงเทพฯ ที่ผมพอจะรู้จักมีขายเครื่องปรุงแบบครบเลยแถมส่งตรงจากญี่ปุ่นด้วย ก็ที่สุขุมวิทซอย 33/1 ที่นั่นเหมือนเป็นชุมชนเล็กๆ ของญี่ปุ่นเลย หากเข้าไปจะนึกว่าอยู่ที่โตเกียวแถบย่านร้านค้าเลยครับ)
เอ้าๆ เนื้อได้ที่แล้วมาทานกันดีกว่า อิตาดาคิมัสสึ อากิระเอ่ย (เป็นธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นก่อนที่จะทานอาหารจะพูดประโยคนี้ก่อน ก็ประมาณว่า ทานล่ะนะครับ อะไรทำนองนี้)
บรรยากาศในการทานอาหารครั้งนี้เป็นกันเองมาก อากิระชวนพูดคุยอย่างสนุกสนานเพื่อไม่ให้ยูมิรู้สึกเกร็ง อาจเป็นเพราะทั้งคู่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีอยู่แล้ว หลังทานอาหารเสร็จยูมิแทบจะสนิทกับอากิระไปในทันที เธอแปลกใจมากที่อากิระเป็นคนคุยเก่ง ทั้งๆ ที่ตอนออกทีวีหรือเล่นคอนเสิร์ตจะดูเคร่งขรึมตลอดเวลา พูดน้อย ดูเป็นศิลปินสุดขั้ว และลึกลับเป็นที่สุด หากแต่เวลานี้เขากลับดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น เป็นพี่ชายที่น่ารัก ไม่ถือตัวเลยสักนิด ตรงนี้อากิระให้เหตุผลว่า
มันเป็นภาพลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อให้เข้ากับ concept ที่ทางผู้จัดการมิเนะกับโปรดิวเซอร์ทาฮาระเป็นผู้วางเอาไว้ ก็พี่เป็นนักร้องเพลงร็อคนี่นา ความต้องการของแฟนเพลงย่อมสำคัญเสมอ
แล้วอากิระก็ไล่ฮิโร่ไปล้างจาน ส่วนตัวเขากลับพายูมิไปชมคอลเล็คชั่นของสะสมที่เกี่ยวกับตัวเขาเอง ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เทปคอนเสิร์ต รูปโปสเตอร์สี่สีหลายขนาด ซีดีซิงเกิ้ลหายากที่มีแค่ไม่กี่แผ่นในประเทศ ซึ่งอันหลังนี่อากิระได้ยกให้ยูมิพร้อมกับเซ็นชื่อกำกับให้ด้วย นอกจากนี้เขายังให้สร้อยเงินรูปเปลวเพลิงสัญลักษณ์ประจำตัวเป็นของขวัญอีกด้วย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ยูมิเดินหน้าบานออกมาจากบ้านอามาซึพร้อมกับของฝากเต็มมือ โดยมีฮิโร่เดินตามหลังไปส่งที่สถานีรถไฟชิมบะบะ ยูมิพร่ำถึงแต่ยูกิๆ หรืออีกนัยหนึ่งคืออากิระตลอดทาง
ว๊าว!! ไม่น่าเชื่อ อย่างกับฝันไปแน่ะที่ได้เจอตัวจริงอย่างใกล้ชิด แถมยังได้พูดคุยร่วมทานอาหารด้วยล่ะ ดีใจจัง
ฮิโร่เดินตามไปอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
...อะโด่ นึกว่าเป็นทอมซะอีก ที่แท้ก็บ้าดารารูปหล่อเหมือนกัน...
ถ้าพรุ่งนี้เพื่อนๆ รู้เข้าล่ะก็ ฮิๆ ต้องแตกตื่นตกใจกันแน่ๆ พอถึงตรงนี้ ฮิโร่ก็พูดโพล่งออกมาด้วยความตกใจ
ไม่ได้นะ! เธอจะให้เพื่อนๆ รู้ไม่ได้เด็ดขาดเลย ขอร้องล่ะ
ทำไมง่ะ? นี่มันข่าวใหญ่เลยนะ ฮิโร่เป็นน้องชายของยูกินักร้องชื่อดังแห่งยุค อ๊ะ.....จริงสินะ... ทำไมเธอถึงปิดไว้ไม่บอกใครเลยล่ะ? แม้แต่.....ฉันก็เถอะ กล่าวจบเธอเองชักเริ่มจะน้อยใจขึ้นมาตงิดๆ
คือ.... เอ่อ........คือว่า................ฉัน......................ฉัน...........
อะไรกัน! มัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ได้ ช่างเถอะๆ ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดแล้ว ยูมิพูดตัดบทอย่างอารมณ์เสีย
โธ่ยูมิจัง... ฉันก็มีเหตุผลของฉันก็แล้วกันน่า
...ฮึ เหตุผลอะไรกัน ก็แค่อิจฉาความเด่นดัง ความหล่อ ความเทห์ของพี่อากิระสิท่า...
งั้นก็ว่ามาสิ เหตุผลอะไรของเธอ ยูมิถาม พลางเดินต่อไปเรื่อยๆ
...เรื่องอย่างงี้จะให้พูดได้ไงกันเล่า เมื่อไรจะเลิกถามซะทีนะยัยจุ้น...
ยูมิชะงักกึก หันหลังกลับไป เธอเดินตรงเข้าไปหาฮิโร่แล้วหยุดเผชิญหน้าในระยะประชิด จมูกยูมิแทบจะชนกับจมูกของเขา ลูกตากลมโตของเธอจ้องเข้าไปในดวงตาที่เบิกกว้างของฮิโร่เขม็ง เด็กหนุ่มหน้าแดงกล่ำพยายามหลบสายตาอันคมกริบราวกับเจาะทะลุทะลวงเข้าไปในความคิด ยูมิจ้องอยู่ซักพัก หล่อนก็ถอนหายใจยาวแล้วหันหลังกลับไปเดินจ้ำพรวดๆ ไม่เอ่ยวาจา
แต่นั่นก็ได้ผล ฮิโร่ตัดสินใจเดินตามไปคว้าแขนยูมิให้หยุดเดิน แล้วเขาพูดขึ้นว่า
ก็ได้ๆ ฉันบอกเธอก็ได้ แต่ยูมิต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่หัวเราะเยาะฉัน
ตกลงจ๊ะ ชั้นสัญญา ว่าแล้วเธอก็ยกนิ้วก้อยมาให้เกี่ยว
ใครผิดสัญญาขอให้ตกน้ำป่อมแป๋ม ฮิโร่เอ่ย พร้อมกับเกี่ยวก้อยยูมิไว้
...มันดูคิขุไปป่าวหนอ?...
...อะ เขินจัง เร็วๆ หน่อยสิ ปล่อยมือได้แล้ว...
เอาล่ะ ที่นี้ก็เล่าได้แล้ว ฉันอยากฟังเหตุผลของเธอ ยูมิกล่าว พลางนั่งห้อยขาตรงแผงกั้นหน้าสวนซังเค ฮิโร่ขยับไปนั่งบนราวเหล็กด้วย
เด็กชายกล่าวด้วยเสียงอัดอั้นว่า ฉันเกลียดนักร้องอย่างพี่ที่สุด!!
หา?! ยูมิแทบจะลื่นตกจากราว
อย่าพึงแทรกสิยูมิก็... ชั้นไม่ได้หมายความว่าเกลียดพี่อากิระจริงๆ หรอกนะ ฉันแค่ไม่ชอบความเป็นนักร้องดังของพี่เท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าฉันอิจฉาหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ แต่ว่าความดังของพี่กลับดึงเอาความเป็นครอบครัวไปจนหมด ตั้งแต่พี่เริ่มเป็นนายแบบ จนกระทั่งได้เป็นนักร้องสมใจ พี่อากิระแทบไม่ได้มีเวลาให้กับฉันเลย เธอไม่รู้หรอกว่าการที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวทั้งกลางวันและกลางคืน ได้แต่นั่งเล่นเกม ดูทีวี อ่านการ์ตูนอยู่คนเดียวมันเหงาขนาดไหน ช่วงท้าย ฮิโร่กล่าวเสียงเครือจนยูมิอดสงสารไม่ได้
โธ่...ฮิโร่คุงงงง ยูมิเอ่ยเบาๆ หากแต่ฮิโร่ยังคงพูดระบายออกมาเรื่อยๆ
เกือบสองปีเชียวนะ สองปีที่ชั้นต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในบ้านหลังนั้น ตื่นเช้ามาก็แทบไม่เจอหน้ากัน กลางคืนก็กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ นานๆ ถึงจะได้อยู่ทานข้าวด้วยกันเช่นวันนี้ ทั้งๆ ที่พ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้าน คือท่านทำงานต่างประเทศน่ะ นานๆ จะแวะมาเยี่ยมพวกเราซักที อุตส่าห์คิดว่าก็ยังดีนะที่มีพี่อยู่เป็นเพื่อน แต่ที่ไหนได้กลับออกไปหางานทำซะนี่ แรกๆ ก็พอทน แต่หลังๆ ยิ่งโด่งดังยิ่งมีเวลาให้กับชั้นน้อยลงทุกทีๆ
แล้วทำไมไม่บอกยูกิซังล่ะ
อย่าเอ่ยชื่อนี้นะ!! ชั้นไม่อยากได้ยิน พี่ชั้นชื่ออากิระ อากิระน่ะ รู้มั้ย! ฮิโร่ส่งเสียงดัง แก้มร้อนผ่าว
ฮิโร่... ไม่เอาน่า... ยูมิปราม แต่เสียงของเธอเองก็เริ่มตีบตันในลำคอ
พี่เค้าดูมีความสุขที่ได้ทำงาน มันเป็นสิ่งที่พี่อากิระใฝ่ฝันมานานตั้งแต่เป็นเด็กๆ แล้วล่ะ ฉันรู้ดีว่าหากฉันขอร้องให้พี่เลิกทำแล้วมาอยู่ดูแลฉัน พี่ต้องทำตามคำขอแน่ๆ ก็เพราะพี่รักฉันมาก พี่เคยบอกกับฉันว่าหากมีอะไรเกิดขึ้น เขาสามารถตายแทนชั้นได้ ฮิโร่กล่าวได้แค่นั้น เขายกมือปาดเช็ดน้ำตาที่รื้อออกมา
ยูมิหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ฮิโร่ ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากของเธอเช่นกัน
พี่รักความเป็นนักร้องมาก เขารักแฟนเพลง เขามีความสุข.... ยูมิคิดดูสิ แล้วอย่างนี้จะให้ชั้นพูดกับพี่ได้ยังไงกันล่ะ ชั้นทำไม่ได้หรอก ถึงตรงนี้ฮิโร่ก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีก เด็กชายสะอื้นฮักต่อหน้ายูมิ
หัวใจยูมิเจ็บแปลบเหมือนถูกคมมีดกรีด แต่แล้วเธอก็พูดขึ้นว่า หลังจากนั้นเธอก็เลยเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร อยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ชอบความวุ่นวาย และทำเป็นว่าพี่เธอไม่ได้เป็นดารา ก็เพราะอย่างงี้ไงล่ะเธอถึงถูกแกล้งเป็นประจำ ก็เพราะอย่างงี้ไงล่ะเธอถึงต้องมานั่งร้องไห้แบกความทุกข์ไว้คนเดียว อ่อนแอ!! เธอนี่มันแย่ที่สุดเลย!! แทนที่จะภูมิใจว่าพี่ชายเธอประสบความสำเร็จ เป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งประเทศ แต่เธอกลับ.... เธอกลับ............... คำพูดหลุดหายเข้าลำคอของเธอ แววตาเด็กหญิงฉายแววเจ็บปวด ริมฝีปากสั่นระริก แล้วเธอก็สะบัดหน้าจากไป
ฮิโร่นั่งมองยูมิจนลับสายตาไป ผ้าเช็ดหน้ายังคงแฝงไออุ่นและกลิ่นหอมอยู่ในมือ หลังจากวันนั้น มุมมองที่เขามีต่อยูมิก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป
จากคุณ :
โดโซะ โดโซะ
- [
4 ก.ย. 46 18:09:23
A:203.147.59.123 X:203.147.59.163
]