การตายอย่างสงบ (หมายเลข 3)

    เขาอ่านและเคยได้ยินมาว่าวัฏจักรของชีวิตนั้นหมุนวน  การต่อเนื่องของวิญญาณนั้นคล้ายการต่อติดของเปลวเทียน  เทียนแท่งหนึ่งดับลง. . . ก่อนนั้นก็จะส่งให้เทียนอีกแท่งลุกติดขึ้นมา  ไม่มีสสารที่เปลี่ยนแปลง มีแค่เปลวไฟ. . . มีแค่พลังงาน

    โยธินได้ฟังข่าวการตายของญาติห่างๆ แล้วก่อให้รู้สึกสะท้าน. . . เขาไปเสียแล้ว หมดเวรหมดกรรม  ไฟลูกนั้นจะวิ่งวนไปติดขึ้นมาที่เทียนเล่มไหนต่อไป. . . อย่างไรก็ตาม เทียนเล่มนั้น ก็ไม่ได้อยู่ในความรับรู้ของโยธินแล้ว

    ความตายเป็นเหตุเปลี่ยนให้ความคงอยู่กลายเป็นความทรงจำ. . .  สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ของญาติคนนั้น ก็คือความรู้สึกที่ยังค้างอยู่ในจิตใจของคนรอบข้าง  สภาพทางกายภาพที่เหลืออาจจะทิ้งรอยไว้ ว่านี่คือสิ่งที่เขาเคยกระทำ นี่คือเตียงที่เคยนอน นั่นคือของที่เขาเคยได้มา ที่เขาเคยได้สร้างขึ้น. . . แน่นอนมันเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาที่ตอนนี้กำลังจะต้องเน่าเปื่อยผุพังนั้น เคยมีตัวตนอยู่จริง  แต่สิ่งของที่ปรากฏกายอยู่ได้นั้นก็เช่นกัน ไม่นานมันก็จะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา  การเคยอยู่เคยมีของเขานั้น ในทางวัตถุก็ย่อมจะสูญสลายตามไปด้วยเช่นกัน. . . อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจจะตกทอดไปได้เรื่อยๆ โดยไม่บุบสลายนั้น ก็คือภาพในสำนึก คือความทรงจำที่ส่งต่อกันไป ผ่านทางเรื่องราว ผ่านทางคำบอกเล่า เนื่องด้วยมันมิได้เป็นสสาร ดังนั้นจึงไม่มีความเป็นอยู่ใดๆ ที่ผูกกับกฎของธรรมชาติ  แต่ภาพในความทรงจำนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวตนดั้งเดิม มันก็เป็นเพียงแค่โครงร่างที่ครอบคลุมสิ่งที่โดดเด่นไว้เท่านั้น  ซ้ำยังกลับผันแปรได้มิรู้จบ เพราะว่ามันไม่มีเงื่อนไขทางกายภาพมันฉุดรั้งความเป็นจริงเอาไว้ให้เที่ยงแท้

    ก็คงคล้ายกับการรู้จักคนผ่านทางการอ่าน การได้ยินมา  แม้ว่าในคราวนี้จะเป็นการสัมผัสด้วยตาและประสาทอื่นๆ ของตัวเอง  มันก็เหลืออยู่แค่รอยหยักและการตกค้างของอิเล็กตรอนที่วิ่งไหลเวียนอยู่ในประสาทในสมองเท่านั้น

    สุดท้ายคนเราก็ไม่เหลือ. . . สิ่งที่ทำไว้ก็ไม่อยู่ยง ภาพที่มีก็ผันเปลี่ยน ไม่ยั่งยืน

    มันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า. . . ในความจริงนี้?  ธรรมชาติจะบอกอะไรผ่านทางปรากฏการณ์พื้นฐานอันนี้?  มันอาจจะมีหลักการยิ่งใหญ่ แสดงให้เห็นถึงที่มา-ที่ไปทั้งหมดของมนุษยชาติ ทำให้เราเห็นเค้าร่างของแผนการที่วางไว้บนกระดานวิวัฒนาการ จากปลายสุดของอดีตที่เราในฐานะของเผ่าพันธุ์กำเนิดมา จนไปถึงสุดสายอีกฝากหนึ่งที่เรากำลังเคลื่อนที่ไป  แต่มันก็เป็นได้ ที่การที่เราอยู่ตรงนี้นั้น มิได้มีอะไรยิ่งใหญ่วางอยู่เบื้องหลัง มันเป็นอย่างนี้ เพราะว่าเป็นอย่างนี้เอง  จะไปหาจุดเริ่มต้นที่หยุดนิ่งนั้น เป็นไปไม่ได้  เพราะอาจเป็นได้ที่ทุกอย่างมีตัวตนเนื่องจากการเปลี่ยนแปรและไหลเวียนของเหตุและปัจจัย เมื่อเจอจุดที่หยุดนิ่งแล้ว ทุกอย่างก็หยุด. . . เมื่อหยุดก็ไม่มี

    ในพื้นที่ระหว่างความเป็นไปได้สุดขั้วสองอันนี้ ทิ้งไว้ด้วยความว่างเปล่า. . . ถ้าไม่ใช่อันแรก และไม่ใช่อันที่สองที่ตรงข้ามกัน  ความเป็นไปได้ที่สาม คืออะไร?

    คำตอบของคำถามล่องลอยอยู่ที่ใดโยธินไม่ทราบ จะให้เขาคว้าจับมันให้หยุดดิ้นหนีคงจะทำลำบาก  แต่สิ่งเดียวที่จะสะกดมันให้อยู่นิ่งได้ ก็คือการเลิกถาม. . . เพราะว่ามันทำให้ใจของเขามองไม่เห็นการหลบเร้นและการสะบัดหนีการฉุดรั้งของตัวคำตอบ

    จากคุณ : ทัศนา - [ 7 ก.ย. 46 02:17:06 A:158.108.2.2 X:158.108.8.63 ]