บทที่ 10
ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาลอยละล่องวนเวียนอยู่ในห้วงคิดคํานึงของเขามันวิ่งวนเวียนอยู่ในหัวเขาเป็นฉากๆจนยากที่จะจับต้นชนปลายได้ถูก เขาได้ยินเสียงครางและเสียงพึมพําอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูเขานี่เอง ได้ยินแว่วๆเสียงของผู้หญิงกําลังร้องไห้ เสียงร่ายมนตร์คาถาเป็นท่วงทํานองเหมือนเสียงสวดมนต์
เขารู้สึกเหมือนกับว่ากําลังล่องลอยโดยมีเสียงเหล่านี้ติดตามเขาไปทุกหนแห่งทําให้เขาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งกายและใจ เขาได้ยินเสียงกระซิบบอกให้เขาหลับตาลงซะ
ทําตัวให้สบาย แต่เขาไม่อยากรับรู้รับฟังเสียงของใครก็ตามที่กําลังกระซิบพูดกับเขาอยู่ เขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อเสียงและมือปีศาจที่ตามมาหลอกหลอนลูบไล้หน้าผาก
ของเขา
เขาคิดว่าตัวเองหลับมานานแล้วถึงเวลาที่จะตื่นเสียที
คาลตื่นขึ้นมา วิงเวียนศีรษะมึนงง ปวดไปหมดทั้งร่างไปถึงกระดูกของเขาเลยทีเดียว แสงสว่างบางเบาของอรุณรุ่งในวันใหม่กรองอากาศให้ใสสะอาดบริสุทธิ์อีกครั้งเขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงใครมากระซิบอยู่ข้างหูเขาเมื่อกี้นี้แต่บางทีมันอาจจะเป็นแค่เสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้าหาฝั่งก็เป็นได้ที่เขาได้ยินหรือเสียงลมพัดใบหญ้าไหวเท่านั้นเอง
เขาแลเห็นดวงดาวพราวแสงดวงสุดท้ายเพิ่งจะลับฟ้าไปในแสงตะวันนวลผ่องที่สาดส่องมาดับเจ้าดวงดาวดวงนั้นให้หายไป
คาลครางออกมาเบาๆ ค่อยขยับศีรษะเขาไปข้างๆ พยายามที่จะสลัดเจ้าความฝันเหล่านั้นอยากให้มันอันตรธานหายไปซะ
เขาเหลือบไปเห็นแมวมันกําลังนั่งจ้องมองเขาอยู่ตาไม่กระพริบทีเดียว เขาอยู่ในภาวะที่งงงวยเหลือจะกล่าวพยายามพยุงตัวเองขึ้นตะแคงข้างหนุนตัวเองอยู่บนข้อศอกเขานั้น
เองทําให้เขาสะดุ้งสะเทือนขึ้นมารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดไปทั่วร่างของเขาอยู่ในขณะนี้และเขาก็แลเห็นว่าตัวเองกําลังนอนอยู่บนพื้นดินข้างนอกซากปราสาทปรักหักพัง
สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นก็คือทวนสีเงินยาวได้หายไป คบไฟที่อยู่ในห้องโถงตรงกลางปราสาทมันเคยอยู่ที่นั้นมานานแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นมันก็ว่าได้แต่ตอนนี้มันเหลือแต่ซากเป็นเศษเล็กเศษน้อยไม่มีชิ้นดี สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่มีลมพัดโบกไหวไปมาอยู่ทั่วบริเวณ ต้นหญ้าเขียวขจีและดอกไม้ป่าพยายามที่จะชูช่อขึ้นมาผ่านพื้นหินทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่กลิ่นไอของควันและเลือดยังคงลอยวนเวียนอยู่ในชั้นบรรยากาศ
บริอาน่า..... ความตกใจและหวาดหวั่นบังเกิดขึ้นในบัดดล เขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นและเขาก็เกือบจะสะดุดลงมาบนตัวเธอ หล่อนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดินนั้นเองแขนข้างหนึ่งของเธอเหยียดออกไป ผิวหน้าของเธอซีดเซียวหมองชํ้า เสื้อคลุมสีขาวของเธอขาดรุ่งริ่งและมีรอยไหม้อยู่บนเป็นหย่อมๆ เขาคุกเข่าลงข้างๆเธอหวาดกลัวว่าเขาจะหาชีพจรเธอไม่พบ...หาไม่พบประกายแห่งชีวิตของเธอ แต่ชีพจรของเธอยังเต้นอยู่ตรงลําคอของเธอเขาอดสั่นสะท้านออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้ เขาเลื่อนริมฝีปากของเขาเข้าไปใกล้เธอกระซิบเรียก
บริอาน่า.... เขาเรียกเธออีกครั้ง บริอาน่า...
เธอเริ่มเคลื่อนไหวขยับไปมา กระพริบขนตาขึ้นลง ริมฝีปากของเธอขยับอยู่ใต้ริมฝีปากของเขานั้นเอง
เคลิน...คุณกลับมาหาฉัน คุณสู้เพื่อฉัน
คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงซะผมก็ต้องกลับมาไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว เขายกเธอขึ้นมากอดไว้ในอกกว้างของเขา พิงศีรษะเขาลงบนผมของเธอ
คุณไม่น่าจะปิดบังผมเลย ไม่น่าจะส่งผมไปให้ไกลแบบนั้นเลยรู้ไหม
ฉันก็ทําในสิ่งที่ฉันคิดว่าดีที่สุดแล้วนี่คะ เมื่อมันถึงเวลาที่จะต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้งฉันไม่สามารถทนดูให้คุณต้องมาเสี่ยงชีวิตได้หรอกคะ
มันทําร้ายคุณ เขาหลับตาลงจดจําได้เมื่อเธอวิ่งออกมาหาเขาจากวงกลมศักดิ์สิทธิ์แล้วมันก็ถือโอกาสทําร้ายเธอ
เจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเองคะ มันจบสิ้นไปแล้ว หล่อนเงยหน้าขึ้นเอื้อมมือไปสัมผัสกับใบหน้าเขาแลเห็นรอยชํ้าบนใบหน้าเขาบาดแผลเป็นริ้วรอยไปทั่วร่างเขารวมทั้งรอยไหม้
กระด่างกระดํา
ฉันจะช่วยคุณเอง เธอสัมผัสเขาบางเบาไปทั่ว... ใบหน้าเธอเคร่งขรึมคิ้วขมวดเข้าหากันตั้งมั่นพยายามที่จะรักษาเขา เธอลุกขึ้นนั่งแล้วสัมผัสมือเธอไปทั่วร่างเขาเยียวยารักษาเขาด้วยมนตร์วิเศษณ์ของเธอ รักษาเขาตรงที่ที่เสื้อคลุมของเธอไม่สามารถปกป้องเขาจากอันตรายได้ในไม่ช้าบาดแผลต่างๆก็จางไป คุณจะไม่เจ็บอีกแล้วเธอพึมพําบอกเขาไม่เจ็บปวดอีกต่อไป
แต่คุณเองก็เจ็บเหมือนกันนะ เขาอุ้มเธอขึ้นในขณะที่เขาลุกขึ้นยืน
มันยุ่งยากน้อยมากกว่านี่คะที่จะรักษาตัวฉันเอง ฉันมียาทุกอย่างอยู่ในชั้นเก็บของของฉันในห้องครัว
คุณกับผมไม่ได้อยู่กันแค่สองคนในตอนนี้ใช่ไหม เพราะผมเองก็ยังไม่แน่ใจหลังจากที่...
ไม่หรอกคะ โอ้..เธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยไปทั้งร่างกายและหัวใจ
ครอบครัวของฉันเฝ้าดูอยู่...ได้โปรดหยิบยาขวดสีขาวให้ทีเถอะคะ หล่อนบอกเขาในขณะที่เขาอุ้มเธอผ่านประตูห้องครัวเข้ามาวางเธอลงบนโต๊ะในห้องครัวนั้นเอง
หยิบขวดสี่เหลี่ยม แล้วก็ขวดเล็กๆสีเขียวที่มีจุกกลมๆให้ฉันด้วยนะคะ
คุณมีเรื่องที่ต้องอธิบายให้ผมฟังยืดยาวทีเดียวรู้ไหม บริอาน่า เขาบอกเธอในขณะที่วางขวดยาทั้งหลายลงแล้วหันไปหยิบแก้วมาให้เธอเมื่อคุณแข็งแรงดีขึ้นกว่านี้แล้วนะครับ
คะเรามีเรื่องที่ต้องพูดกันมากทีเดียว ด้วยมือที่ชํานาญและประสบการณ์ในการใช้ยาพวกนี้เธอกะส่วนผสมต่างๆแล้วคนมันเข้าด้วยกันในแก้วที่เขาหามาให้เธอนั้นเองปล่อยให้มันซึมซับเข้าหากันแล้วรวมเป็นเนื้อเดียวกันในที่สุดจนกระทั่งกลายเป็นสีใสขาวเหมือนกับนํ้าดื่มธรรมดานี่เอง
ถ้าคุณไม่ว่าอะไรฉันอยากจะอาบนํ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ
รอก่อนไม่ได้หรือคุณ เขาบอกเธอฉุนนิดๆผมอยากให้มันจบๆกันไปเสียที
ฉันจะอธิบายให้คุณฟังแน่คะแต่ตอนนี้ฉันขอผ่อนคลายชั่วครู่เท่านั้น ฉันขอแค่ชั่วโมงเดียวได้ไหมคะ หล่อนขยับตัวลุกขึ้นยืนในมือถือแก้วยาของเธอไว้
นะคะแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเองนะคะ เคลิน
ก็ได้แต่มีสิ่งหนึ่ง... เขาวางมือเขาลงบนแขนเธอคุณบอกผมว่าคุณไม่สามารถที่จะโกหกผมได้และนั่นเป็นสิ่งต้องห้ามคุณไม่สามารถทําได้จริงไหม
และฉันก็ไม่เคยโกหกคุณแค่เกือบไปเท่านั้นเองคะ เคลินคะให้ฉันแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นนะคะหล่อนอ้อนวอนเขาตาละห้อยทําให้เขาอดใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้
ได้โปรด...
ในที่สุดเขาก็ต้องยอมเธอและพยายามทําให้ตัวเขาสงบลงโดยเริ่มชงชามาดื่ม เสื้อคลุมของเขาหายไปเหลือแต่เสื้อไหมพรหมที่เธอถักให้เขามันเหม็นไปด้วยควันไฟและเลือด เขาถอดมันออกขว้างมันไปบนพนักเก้าอี้แล้วเหลือบไปเห็นเจ้าแมวของเธอเดินนวยนาดเข้ามาในห้องครัว
ฮึม...ฉันจะทํายังไงกับเจ้านายแกดีฮึ? คาลเอียงศีรษะพิจารณามองเจ้าแมวตัวนั้นเขาจ้องมองดวงตาสีนํ้าเงินนิ่งของมัน
แกมีคําแนะนําให้ฉันบ้างไหมในฐานะที่แกคุ้นเคยอยู่กับเธอมานาน ฉันอยากจะรู้ขึ้นมาแล้วซิว่าแกคุ้นเคยกับเธอแค่ไหน
เขาพอใจที่มีแมวของบริอาน่ามาอยู่เป็นเพื่อนกับเขาชั่วคราว เขานั่งยองๆลงแล้วเริ่มลูบขนสีดําอ่อนนุ่มเอาใจมันไปมาเบาๆ
แกเป็นแนวร่วมกับบริอาน่าในการหลอกล่อส่งฉันให้ไปที่อื่นด้วยหรือเปล่าฮึ
เขายกหัวมันขึ้นมาด้วยมือของเขาจ้องมองดวงตาของมัน
ฮึๆ ฉันจําได้แล้วว่าฉันมองดวงตาคู่นี้ของแกได้ที่ไหนถ้าไม่ใช่มาจากเจ้ากวางสีขาวที่วิ่งล่อฉันอยู่ในป่าโน้น
เขาถอนหายใจยาวออกมา นั่งลงบนพื้นห้องครัวตรงนั้นเองยอมให้เจ้าแมวดําคลานตัวเองเข้ามานั่งในตักเขาอย่างเอาใจ
ให้ฉันบอกแกอะไรอย่างหนึ่งนะ เฮคาที้ ถ้าตอนนี้มีมังกรสองหัวเดินมาเคาะประตูห้องครัว แกรู้ไหมฉันจะไม่กระพริบตาตกใจแต่อย่างใดเลย ไม่มีอะไรที่จะทําให้ฉันแปลกใจได้อีกต่อไปแล้ว
จากคุณ :
โรส สลาลินน์
- [
7 ก.ย. 46 08:51:24
A:12.108.141.229 X:
]